เพื่อนคุย ‘AI แชตบอต’ แก้ปัญหาสุขภาพจิต
ส่องเทคโนโลยี AI ด้านสุขภาพจิต ที่สามารถรับข้อมูล ทำการวิเคราะห์ ตอบโต้ผ่านระบบแชตบอตกับคนได้ เพื่อนักจิตวิทยาโดยเฉพาะ สามารถออกแบบชุด บทสนทนาสุขภาพจิตที่ต้องการได้เอง ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรักษา
Key Point :
- ปี 2566 ประเทศไทย มีผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตมากถึง 256,000 คน ในจำนวนนี้ต้องเข้ารับการรักษามากถึง 28,775 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- ขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิตกลับมีไม่เพียงพอ ปัจจุบัน เรามีจิตแพทย์อยู่ประมาณ 845 คน คิดเป็น 1.28 คนต่อแสนประชากร
- เทคโนโลยี AI จึงเข้ามาเป็นตัวช่วยในการดูแลผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต วิเคราะห์ ตอบโต้ผ่านระบบแชตบอต โดยนักจิตวิทยาสามารถออกแบบชุดบทสนทนาได้เอง
เทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นสำหรับนักจิตวิทยาโดยเฉพาะ โดยสามารถออกแบบชุด บทสนทนาสุขภาพจิตที่ต้องการได้เอง ซึ่งจะตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรักษาดูแล
วิถีชีวิตอันเร่งรีบ การแข่งขัน ตลอดจนปัญหาทางสังคม ความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง ยาเสพติด ฯลฯ ส่งผลให้คนในสังคมเกิดภาวะเครียด และปัญหาด้านจิตใจมากขึ้น ซึ่งผลสำรวจของ สหประชาชาชาติ (UN) พบว่า ความสุขของประเทศไทยกำลังลดลง
จากรายงาน World Happiness Report ปี 2023 ที่ระบุว่า ค่าเฉลี่ยความสุขของประชากรไทยอยู่ในลำดับที่ 60 ของโลก หากพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างค่าเฉลี่ยช่วงปี 2562-2564 กับช่วงปี 2563-2566 จะพบว่า จากที่เคยอยู่ที่ 5.891 ได้ลดลงมาอยู่ที่ 5.843
ไทยมีผู้ป่วยสุขภาพจิต 256,000 คน
หากมองย้อนกลับมาที่ สถานการณ์สุขภาพจิตคนไทย ข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2566 พบว่า ประเทศไทย มีผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตมากถึง 256,000 คน และในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษามากถึง 28,775 คน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ทว่า ในแง่ของบุคลากรทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิตกลับมีไม่เพียงพอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'ใจป่วย' เรื่องปกติที่รักษาได้ รู้เท่าทัน 'สุขภาพจิต' ในวันที่โลกเปลี่ยน
- สุขภาพจิตเข้มแข็ง ไม่เครียด ไม่ติดมือถือ
- ผลสำรวจเผย คนไทยป่วย ‘ซึมเศร้า’ เป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม ‘โรคทางจิตเวช’
ปัจจุบัน มีจิตแพทย์อยู่ประมาณ 845 คน คิดเป็น 1.28 คนต่อแสนประชากร นักจิตวิทยา (คลินิก) มีประมาณ 1,037 คน คิดเป็น 1.57 คนต่อแสนประชากร และพยาบาลจิตเวช 4,064 คน คิดเป็น 6.14 คนต่อแสนประชากรเท่านั้น
อัตราการป่วยไข้จนถึงขั้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ข้อจำกัดด้านบุคลากรทางการแพทย์กำลังทำให้ปัญหานี้รุนแรงมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ลงได้คือการ ‘คัดกรองสุขภาพจิต’ เพื่อดูแลอย่างเท่าทัน ป้องกันไม่ให้ต้องกลายเป็น ‘ผู้ป่วย’ ที่ถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล
เทคโนโลยี AI ดูแลสุขภาพจิต
ดังนั้น ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนทุนวิจัยเพื่อให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงเข้ามาร่วมสนับสนุนงานวิจัย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการคิดค้นนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว
นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในรูปแบบของ แพลตฟอร์มสำหรับการสร้างเครื่องมือช่วยเหลือทางจิตใจ ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์โต้ตอบอัตโนมัติ (แชตบอต) โดยมี ดร.กลกรณ์ วงศ์ภาติกะเสรี นักวิจัยเครือข่าย สวรส. จากศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพจิตประเทศไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหัวหน้าทีมวิจัยในการคิดค้นวิจัยนวัตกรรมในครั้งนี้
งานวิจัยนี้เป็นการสร้างแพลตฟอร์ม AI เพื่อการสร้างแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ด้านสุขภาพจิตที่สามารถรับข้อมูล ทำการวิเคราะห์ ตอบโต้ผ่านระบบแชตบอตกับคนได้ โดยมีระบบจัดเก็บข้อมูล, ระบบประเมินผล และระบบโต้ตอบเพื่อคุยบรรเทาปัญหาสุขภาพจิตในเบื้องต้น
จุดเด่น คือ ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลด้านสุขภาพจิตของประชาชน สามารถร่วมออกแบบข้อมูลและนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทการดำเนินงานของหน่วยงานได้อย่างสะดวก ประหยัดงบประมาณ
บำบัดจิตใจด้วยระบบ AI แชตบอต
"กีรติ ปัทมเรขา" นักวิจัยเครือข่าย สวรส. หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และโรงเรียน กว่า 40 หน่วยงาน ได้นำไปใช้งานจริงแล้ว โดยบุคลากรด้านสุขภาพจิตของแต่ละหน่วยงานสามารถพัฒนาแชตบอตบนแพลตฟอร์มนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ทำให้ประยุกต์ใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
แพลตฟอร์มกลางในการสร้างเครื่องมือสำหรับบำบัดจิตใจด้วยระบบ AI แชตบอต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นสำหรับนักจิตวิทยาโดยเฉพาะ โดยสามารถออกแบบชุด บทสนทนาสุขภาพจิตที่ต้องการได้เอง ซึ่งจะตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรักษาดูแล
จากนั้น AI จะทำหน้าที่ประมวลชุดบทสนทนาเพื่อใช้โต้ตอบสนทนากับผู้ใช้ระบบ ทำให้นักจิตวิทยามีระบบแชทบอทที่ดูแลสุขภาพจิตได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
สามารถช่วยลดต้นทุนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการมีระบบแชตบอตเพื่อเก็บข้อมูล และประเมินสุขภาพจิต ซึ่งหากจ้างบริษัทเอกชนสร้างระบบฯ ให้ จะมีค่าใช้จ่ายหลายล้านบาท ใช้งานง่าย บุคลากรด้านสุขภาพจิตไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมก็ใช้งานได้
เพราะเป็นแพลตฟอร์มกลางที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้สามารถรับข้อมูลในรูปแบบ Drag & Drop ซึ่งสามารถส่งชุดข้อมูลที่เป็นแนวหัวข้อของบทสนทนาแต่ละรูปแบบเข้าไป ระบบก็จะประมวลผลและนำไปเป็นข้อมูลในแชตบอตที่เตรียมสำหรับใช้งานได้ต่อไป