BDMS ผนึก CARIVA พัฒนา “AI วิเคราะห์โรคเฉพาะบุคคล”
จากการลงทุนปีที่ผ่านมา แนวทางนวัตกรรมของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS มีความตั้งใจที่ใช้นวัตกรรมในการพัฒนาและยกระดับมาตราฐานคุณภาพในการบริการทางด้านการแพทย์ของประเทศไทย
KEY
POINTS
- BDMS ร่วมลงทุน ใน CARIVA (แคริว่า) บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อยกระดับการแพทย์ไทยด้วยการนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาต่อยอดกระบวนการตรวจสุขภาพ
- AI ไม่สามารถทดแทนบุคลากรแพทย์ได้ ในการประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์ยังคงต้องใช้แพทย์ที่เชี่ยวชาญในการวินิจฉัย AI เพียงเข้ามาช่วยเหลือ เสมือนนักเรียนที่แพทย์ให้ความไว้วางใจ
- แอปพลิเคชัน BeDee จาก BDMS เครือข่ายสุขภาพที่มุ่งสู่การเป็น Wellness Healthcare เชื่อมต่อการรักษาแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดี
BDMS ดำเนินการมานานกว่า 5 ปี ทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพมากว่า 300 ที่ เพื่อยกระดับมาตราฐานคุณภาพในการบริการและรวมทั้งความปลอดภัยระหว่างการให้บริการด้วยเช่นกัน
เป็นเหตุทำให้ BDMS ร่วมลงทุน ใน CARIVA (แคริว่า) บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นนำของไทย ผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ Medical Large Language Models (Medical LLMs) เป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับการแพทย์ไทยด้วยการนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพัฒนาต่อยอดกับกระบวนการตรวจสุขภาพทางห้องปฏิบัติการ (Lab Interpretation Solution) เพื่อแปลผลวิเคราะห์ และให้ข้อมูลการตรวจแล็บที่อาจเกี่ยวข้อง ในการค้นหาโรคที่เป็นความเสี่ยงสำคัญของผู้ป่วย ทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยแพทย์ในการวิเคราะห์รายละเอียดของผู้ป่วย และเพิ่มประสิทธิภาพการดูแล
โดย BDMS นำ AI มาปรับใช้กับแนวทางค้นหาเชิงป้องกันกับคนสุขภาพดี ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Sandbox ของ BDMS ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการบริการทางการแพทย์ด้วยการพัฒนานวัตกรรม 5 ด้าน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยการคัดกรองและวินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการและเพิ่มความแม่นยำ เทคโนโลยีเพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพ เทคโนโลยีเพื่อการติดตามผลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และเทคโนโลยีเพื่อการบริการทางการแพทย์อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ครั้งแรกในไทย! จุฬาฯ เปิดหลักสูตรควบ2 ปริญญา ผลิต ‘ทันตแพทย์เก่งวิศวะ ’
AI วิเคราะห์โรคเฉพาะบุคคล
ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา BDMS ได้ให้ทุนสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพไปแล้ว 4 แห่ง และร่วมพัฒนานวัตกรรมร่วมกับสตาร์ทอัพในประเทศไทย ปัจจุบันได้นำนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นใหม่เหล่านี้ไปใช้งานได้จริงแล้ว 7 โครงการ เช่น โครงการ Perceptra ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อ่านผลเอกซเรย์สำหรับผู้ช่วยรังสีแพทย์ , โครงการ Mineed หรือเข็มเล็กละลายใต้ชั้นผิว (Microneedle) ที่ช่วยนำยาเข้าสู่ร่างกาย , แอปพลิเคชัน “อูก้า” (OOCA) ใช้งานในการปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาแบบออนไลน์ แอปพลิเคชัน “บีดี” (BeDee) แพลตฟอร์มแอปพลิเคชันให้บริการด้านสุขภาพครบวงจร ทุกวันตลอด 24 ในการบริการพบแพทย์และเภสัชกรแบบทางไกล หรือ Telehealth และ Tele-pharmacy
รวมถึงการสั่งยา (Tele Medicine) ซื้อหาสินค้าเวชภัณฑ์ (Health Mall) และศูนย์ข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพ (Health Content) ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และล่าสุด “แคริว่า” (CARIVA) ปัญญาประดิษฐ์ AI วิเคราะห์โรคเฉพาะบุคคล โดยทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนามาตรฐานบริการทางการแพทย์และการบริการด้านสุขภาพ ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมาใช้งานร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์
ปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ Medical Large Language Models (Medical LLMs ) ภายใต้ CARIVA ในชื่อ PreceptorAI เป็นแชทบอทด้านการแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ที่สามารถถามตอบได้ตลอดตามความต้องการ หน้าที่เปรียบเสมือนที่ปรึกษาและผู้ช่วยตัดสินใจของบุคลากรทางการแพทย์ เปิดให้ใช้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการ 9,000 – 10,000 คน ใช้บริการสอบถามแล้วประมาณ 300,000 ครั้ง
เสริมบริการที่เป็นเลิศทางการแพทย์
ศิวดล มาตยากูร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แคริว่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวของ CARIVA จึงได้ต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องให้มีรูปแบบเสมือนผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ เช่น
Lab Interpretation Solution, ASR (Automatic Speech Recognition) การบันทึกและตรวจความถูกต้องข้อมูลคำสั่งทางการแพทย์แบบ real-time โดยใช้เทคโนโลยีรู้จำเสียงอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยในการบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมลดภาระงานด้านเอกสารในกระบวนการทำงาน
Symptom Checkers เอไอในรูปแบบแชทบอทให้บริการสำหรับประชาชนโดยเฉพาะ เพื่อประเมินอาการ โดยใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน BeDee ที่ประชาชนสามารถกรอกข้อมูลอาการ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเจ็บป่วยเบื้องต้น และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโรคโดยเทคโนโลยีเอไอก่อนเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ปัญญาประดิษฐ์ของ CARIVA จะทำงานประกอบกับความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการบริการที่เป็นเลิศทางการแพทย์ของ BDMS ให้ดีมากยิ่งขึ้น และพร้อมขยายสู่โรงพยาบาลชั้นนำในต่างประเทศต่อไป
ผู้ช่วยแพทย์จากสมองของ AI
ดร. พัชรินทร์ บุญยะรังสรรค์ ผู้ช่วยฝ่ายนวัตกรรมองค์กรยั่งยืน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไอเอหรือปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถเข้ามาทดแทนบุคลากรแพทย์ได้ ในการประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์บางอย่างยังคงจำเป็นที่จะต้องใช้แพทย์ที่เชี่ยวชาญในการวินิจฉัย ไอเอเป็นสิ่งที่แค่เข้ามาช่วยเหลือ เสมือนนักเรียนที่แพทย์ให้ความไว้วางใจ และยังเพิ่มความแม่นยำในการดูแลรักษา แต่เอไอจะเป็นตัวช่วยล้นระยะเวลาของการทำงานของแพทย์ให้สั้นลงมากกว่า
พท. สุทธิศักดิ์ เด่นดวงใจ แพทย์ชำนาญเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์ กล่าวว่า จากการทดลองใช้งาน ในการตรวจสุขภาพประจำปี ในเริ่มแรก เอไอจะช่วยนำผลการตรวจแล็บ เช่น ผลเลือด ผลปัสสาวะ มาแปลงผล พบว่า เอไอสามารถระบุปัญหาด้านสุขภาพได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่อาจจะมีบางส่วนที่อาจคิดไปไกลกว่าแพทย์ แต่โดยภาพรวมไอเอเป็นสิ่งที่ช่วยให้การทำงานของแพทย์ครอบคลุมมากขึ้น จากการที่ต้องเปิดข้อมูลทีละอย่าง แต่เอไอจะทำให้การข้อมูลเหล่านี้ง่ายมากขึ้น และเอไอจะเป็นตัวช่วยให้แพทย์กับผู้ป่วยสื่อสารกันอย่างเข้าใจและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ณรงค์ชัย ลิมป์ปิยาภิรมย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แคริว่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ได้มีการทดลองใช้ ณ Health Design Center ในพื้นที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เพื่อช่วยแปลผลข้อมูลสุขภาพร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มประสิทธิภาพการบริการดูแลคนไข้ พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพ เพื่อแสดงผลในรูปแบบดิจิตอลผ่าน BeDee Health Ecosystem Platform ให้คนไข้เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา
รวมถึงสามารถเข้ารับบริการทางด้านสุขภาพ ได้แก่ การปรึกษาทางการแพทย์ ผ่าน Teleconsultation การบริการส่งยา และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ผ่าน Tele-pharmacy และ Health Mall รวมถึงรับข้อมูลสุขภาพ เพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ผ่าน Health Content ซึ่งการบริการทั้งมวลดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้ชำนาญการในเครือ BDMS
“BeDee” แอปเดียวเข้าถึงสุขภาพครบวงจร
แอปพลิเคชัน BeDee จาก BDMS เครือข่ายสุขภาพที่มุ่งสู่การเป็น Wellness Healthcare เชื่อมต่อการรักษาแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีโดยการเข้าถึงการดูแลตั้งแต่ผู้ที่ยังไม่ป่วยทั้งกายและจิตใจ ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยการ 3 บริการหลัก ได้แก่
- Teleconsultation ปรึกษาอาการหรือปัญหาสุขภาพกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขากว่า 600 ท่าน จาก 30 สาขา มาตรฐานเครือ BDMS เสมือนมารับบริการที่โรงพยาบาล
- Telepharmacy ปรึกษาเรื่องการใช้ยา วิตามิน อาการแพ้ยากับเภสัชกร พร้อมส่งยาถึงบ้าน
- Health Mall ศูนย์รวมสินค้าและแพ็กเกจสุขภาพ ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ พร้อมบริการส่งทั่วไทย
นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน BeDee ยังมี 2 บริการสุขภาพ ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ และปรึกษาพยาบาลออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยให้คนไทยเข้าถึงสุขภาพดีในหลากหลายแขนงจากบุคลากรทางการแพทย์ตัวจริง ได้แก่ การสอบถามเรื่องสุขภาพเบื้องต้น การทำแบบประเมินสุขภาพใจ การให้คำปรึกษาวิธีการดูแลตัวเองหลังออกจากโรงพยาบาล การให้คำแนะนำการดูแลผู้ป่วยที่บ้านเบื้องต้นและยังเป็นที่พึ่งให้กับคุณแม่หลังคลอดเช่นกัน
ดร. สริตา บุณย์ศุภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮลท์ พลาซ่า จำกัด ในเครือ BDMS ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน BeDee กล่าวว่า แอปพลิเคชัน BeDee มีการวางแผนที่จะนำ AI มาใช้เพื่อต่อยอดการให้บริการทางสุขภาพ เช่น Symptom Checkers ที่จะมาใส่ในแอปพลิเคชัน BeDee ให้มีระบบการถามตอบเพื่อสุขภาพเบื้องต้นกับผู้ใช้งาน นอกจากประโยชน์ที่ AI จะเข้ามาช่วยแพทย์ในการอ่านผลตรวจสุขภาพเพื่อความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้นแล้ว
ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน BeDee ก็สามารถอ่านผลตรวจสุขภาพเองได้ทันที ในรูปแบบที่ล้ำสมัย สวยงาม และเข้าใจง่าย หากพบว่าผลตรวจสุขภาพของมีจุดผิดปกติ เช่น มีความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคอื่น ๆ ผู้ป่วยก็สามารถวางแผนการรักษาต่อด้วยการปรึกษาคุณหมอเฉพาะทาง หรือปรึกษาเภสัชกรเรื่องยาแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ได้จากทุกโรงพยาบาลในเครือ BDMS ผ่านแอปพลิเคชัน BeDee เพียงแอปเดียว
จากการที่ BDMS เข้าไปสนับสนุนเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Sandbox ที่ BDMS ร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ ให้เข้ามาช่วยพัฒนาและสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อระบบการให้บริการทางการแพทย์ ตามเจตนารมย์ของ BDMS ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรม Healthcare ให้เกิดความยั่งยืน การนำนวัตกรรม AI เข้ามาใช้งานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้กับแพทย์ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“การพัฒนานวัตกรรม AI นั้น ไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยการทำงานเพียงลำพัง และ BDMS ก็เช่นกัน เราได้รับความร่วมมือ ทั้งจากภาครัฐ โรงเรียนแพทย์ และบริษัทสตาร์ทอัพ ในการยกระดับบริการทางการแพทย์ ทั้งการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป” ดร. พัชรินทร์ กล่าว
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการร่วมลงทุนระหว่าง BDMS และ CARIVA เพื่อความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) และการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ตรวจคัดกรองความผิดปกติเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลจากผลตรวจของแต่ละบุคคล เพื่อการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลสุขภาพป้องกันโรคเรื้อรังในอนาคต ซึ่งสามารถตรวจพบและป้องกันได้ก่อนเกิดโรค
โดย BDMS มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อันส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ผ่านการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม และเท่าเทียมกัน