อากาศร้อน ทำอย่างไรไม่ให้ตาย จากโรคฮีทสโตรก ลมแดด วัยทำงาน คนแก่ตายเยอะ
โรคฮีทสโตรก เสียชีวิต 26 คน/ปี อากาศร้อนทุกวัน ไม่ต่ำกว่า 40 องศา ทำอย่างไรไม่ให้ "ตาย" จากโรคลมแดด ยิ่งกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มคนแก่ ผู้สูงอายุ ตายเยอะ ป่วยเพิ่มสูง รู้ว่ามีอาการความร้อนต้องรักษาอย่างไร? เช็กที่นี่
"อากาศร้อน"ขึ้นทุกวันไม่ต่ำกว่า 40 องศา จะใช้ชีวิตอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ให้ตายแดด เสียชีวิตจากโรคฮีทสโตรก โรคลมแดด กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มคนแก่ ผู้สูงอายุ ตายเยอะ รู้ว่ามีอาการความร้อนต้องรักษาอย่างไร? เช็กที่นี่พร้อมกัน
จากข้อมูลการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตด้วยโรคจากความร้อน (กลุ่มโรค Heat Stroke) ในช่วงปี 2562 – 2566 พบว่า มีผู้เสียชีวิตสะสม 131 คน เฉลี่ยเป็น 26.1 รายต่อปี และ พบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุ
ทำความรู้จักกับโรคฮีทสโตรก โรคลมแดด
โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือโรคลมแดด เป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากร่างกายมีความร้อนสูงเกินไป มักเป็นผลมาจากการสัมผัสหรือออกแรงทางกายภาพเป็นเวลานานในอุณหภูมิสูง
ฮีตสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้หากอุณหภูมิของร่างกายสูงถึง 40 ‘C (104’ F) หรือสูงกว่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการป่วยจากความร้อนที่ร้ายแรงที่สุด อาการนี้มักเกิดในช่วงที่อากาศร้อนหรืออากาศชื้น
ฮีตสโตรกจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะสามารถทำลายอวัยวะต่างๆ ได้ทันที รวมถึงสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อ หากได้รับการรักษาล่าช้า ความเสียหายจะรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทุพพลภาพในระยะยาว หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้
สาเหตุของอาการฮีทสโตรก
ฮีทสโตรกแบ่งตามสาเหตุได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ
โรคลมแดดที่ไม่ได้เกิดจากการใช้กำลังกายหนัก
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น โรคลมแดดแบบคลาสสิกหรือแบบไม่ต้องออกแรงมักเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสกับสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเวลานาน
ฮีทสโตรกจากภายนอก
โรคลมแดดที่เกิดจากการออกแรงนั้นเกิดจากกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมากหรือการออกกำลังกายอย่างหนักในสภาพอากาศร้อน ส่งผลให้อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเพิ่มขึ้น
แม้ว่าใครก็ตามที่ออกกำลังกายหรือทำงานในสภาพอากาศร้อนสามารถเป็นโรคลมแดดได้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาได้หากคน ๆ หนึ่งไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อน
นอกจากนี้ โรคลมแดดยังเกิดขึ้นได้จากการสวมเสื้อผ้าที่หนาเกินไปซึ่งป้องกันเหงื่อไม่ให้ระเหยได้ง่าย และการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงภาวะขาดน้ำจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอเพื่อเติมของเหลวที่สูญเสียไปจากการขับเหงื่อ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด
- อายุ ในเด็กหรือผู้สูงอายุความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายจะลดลง นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มอายุมักจะมีปัญหาในการคงความชุ่มชื้น
- โรคประจำตัวบางอย่าง โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคหัวใจและโรคปอด ตลอดจนโรคอ้วนและการไม่ออกกำลังกายอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นลมแดด
- ยาบางชนิด ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรักษาความชุ่มชื้นและตอบสนองต่อความร้อนอย่างเหมาะสม ยาเหล่านี้รวมถึงยาขยายหลอดเลือด ยาขับปัสสาวะ และยาทางจิตเวช เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยารักษาโรคจิต และยากระตุ้นจิต สารกระตุ้นที่ผิดกฎหมาย เช่น แอมเฟตามีนและโคเคนยังทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อโรคลมแดดอีกด้วย
- การสัมผัสกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดอย่าง
- อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้คนจะเป็นโรคลมแดดได้ง่ายขึ้นหากพวกเขาสัมผัสกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เช่น ในช่วงต้นฤดูร้อน คลื่นความร้อน หรือเมื่อพวกเขาเดินทางไปยังที่ที่มีอากาศร้อนจัด อันเนื่องมาจากโรคลมแดด
สัญญาณและอาการฮีทสโตรก
- อุณหภูมิร่างกายหลัก 40 ‘C หรือสูงกว่า
- สภาวะทางจิตหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น สับสน กระสับกระส่าย หงุดหงิด เพ้อ ชัก และโคม่า
- หายใจเร็วและหัวใจเต้นเร็ว
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ผิวหนังแดงร้อนและแห้ง อย่างไรก็ตาม ในอาการฮีทสโตรกที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ผิวหนังอาจรู้สึกชื้นเล็กน้อย
การวินิจฉัยฮีทสโตรก
ในการวินิจฉัยฮีทสโตรกจำเป็นต้องได้รับประวัติทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสความร้อนรวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดฮีทสโตรก
นอกจากการตรวจร่างกายและการวัดอุณหภูมิร่างกายแล้ว การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการใช้รังสีวินิจฉัยอาจใช้เพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัย แยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้อื่นๆ และประเมินความเสียหายของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง
หากบุคคลนั้นอาจมีอาการฮีทสโตรก ขอแนะนำให้ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันทีจากบริการฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
ในผู้ป่วยที่มีภาวะทางระบบประสาทอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคลมบ้าหมู อาการเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นหลังจากสัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน
การรักษาฮีทสโตรก
- การปฐมพยาบาลเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทันทีเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายของผู้ที่ร้อนจัดขณะรอการรักษาฉุกเฉิน
- ให้ผู้ป่วอยู่ในที่ร่มหรือในอาคารที่มีเครื่องปรับอากาศ
- ถอดเสื้อผ้าส่วนเกินหรือคับออก
- ทำให้ผู้ป่วยมีอุณหภูมิเย็นลงด้วยวิธีใดก็ตาม เช่น วางถุงน้ำแข็งหรือผ้าเย็นที่เปียกบนศีรษะ คอ รักแร้ และขาหนีบ วางผู้ป่วยในอ่างน้ำเย็นหรือฝักบัวเย็น แล้วฉีดน้ำขณะรอรถพยาบาล
- บุคคลที่ร้อนเกินไปจะต้องงดเว้นจากเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิแกนกลาง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเย็น ๆ เพราะอาจทำให้เส้นเลือดและกระเพาะอาหารตีบตัน ทำให้เกิดตะคริวที่ท้องได้
ภาวะแทรกซ้อนจากฮีทสโตรก
หากไม่รักษาฮีทสโตรกอย่างทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขึ้นกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงเป็นเวลานาน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันที โรคลมแดดอาจถึงแก่ชีวิตได้ ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ได้แก่
- สมอง ชัก สมองบวม และเซลล์ประสาทถูกทำลายอย่างถาวร
- กล้ามเนื้อ การสลายของกล้ามเนื้อโครงร่าง (rhabdomyolysis)
- ไต การบาดเจ็บของไตเฉียบพลันที่เกิดจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อโครงร่างที่ปล่อยสารเข้าสู่กระแสเลือด
- ตับ ความผิดปกติของตับเฉียบพลันที่เกิดจากการขาดน้ำและเลือดไปเลี้ยงตับน้อยลง
- หัวใจ: ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดจากหัวใจทำงานหนักเกินไป
- ปอด ภาวะปอดร้ายแรงที่ทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ (กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน)
- ระบบการแข็งตัวของเลือด ภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือลิ่มเลือดอุดตันในร่างกาย
แนะนำการป้องกันจากฮีทสโตรก โรคลมแดด
- สวมเสื้อผ้าที่หลวมหรือบางเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- ป้องกันผิวไหม้แดดด้วยการสวมหมวกปีก แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดที่มีค่ากันแดดอย่างน้อย SPF15
- จิบดื่มน้ำบ่อยๆ และให้เพียงพอเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ
- ปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพราะยารักษาโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิความร้อน
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก งดออกกำลังกายอย่างหนักในบริเวณที่ร้อน ชื้น หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้เวลาให้น้อยที่สุด
อ้างอิง : โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา , กรมอนามัย