ทำไม“ยาดมโป๊ยเซียน”ถึงครองใจผู้ใข้ได้ถึง 88 ปี

ทำไม“ยาดมโป๊ยเซียน”ถึงครองใจผู้ใข้ได้ถึง 88 ปี

"การท่องเที่ยว" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดยาดมเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ตลาดขยายได้มากขึ้น เป็นสินค้าภูมิปัญญาสมุนไพรไทยเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ

KEY

POINTS

  • "การท่องเที่ยว" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดยาดมเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ตลาดขยายได้มากขึ้น ทำให้ยาดม ซึ่งเป็นสินค้าภูมิปัญญา สมุนไพรไทยกลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ
  • ยาดมโป๊ยเซียนรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า และซื่อสัตย์กับผู้บริโภค ตลอดระยะเวลาการเติบโตมาถึงปีที่ 88 ได้รับโอกาสจากผู้คนในสังคม จะมุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้ายาดม และสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพ
  • การจะทำให้ยาดม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นที่นิยมและขยายไปสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น ภาครัฐ ต้องลงไปช่วย ให้เกิดเอกลักษณ์ ควรจะมีการเล่าเรื่องราว เพื่อนำไปสู่การตลาดการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น

จากร้านขายยาสมุนไพรแผนจีนของชาวจีนแต้จิ๋ว โดยตระกูลลาภบุญทรัพย์เมื่อปี 2479 โดยช่วงแรกๆ ขายยาแผนโบราณ เช่น กอเอี๊ยะ และยาดองเหล้าต่างๆ ก่อนจะมาขยายไลน์สินค้าและจำหน่ายยาดมในภายหลัง ผ่านไป 88 ปี “ยาดมโป๊ยเซียน” ใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกันกลายเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดยาดมสามารถครองใจคนได้ทุกเพศทุกวัยทั้งชาวไทยและต่างชาติใน 4 ทวีป 12 ประเทศ

การสำรวจของ Nielsen ประเทศไทย พบว่าประชากรราว 70 ล้านคน ใช้ยาดมอย่างน้อย 10 % และใน 1 เดือนใช้อย่างน้อย 2 หลอด ซึ่งถ้าดูที่ตัวเลขอัตราการเข้าถึงตลาด พบว่า โอกาสที่ตลาดจะเติบโตมากกว่าเดิมต้องขึ้นอยู่กับการทำตลาดเพื่อขยายฐานมายังกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น

ด้วยความที่ เป็นสินค้าอีกหนึ่งชิ้นที่อยู่ติดในกระเป๋าของใครหลายๆ คน และเป็นสินค้าที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) โดยเฉพาะในกลุ่ม Heavy User หรือคนติดยาดม ที่ต้องพกยาดมไปไหนมาไหน ยิ่งตอนนี้กระแสการท่องเที่ยว ชาวต่างชาติให้ความสนใจยาดมไทยมากขึ้น หลายคนเดินทางมาไทยเพราะติดใจในกลิ่นของยาดมไทย และสมุนไพรไทยซื้อกลับไป ทั้งเป็นของฝาก และใช้เอง ทำให้ภาพรวมตลาดยาดมไทย ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10 – 20 % 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

5 ไอเทมเด็ดๆ สู้ 'หน้าร้อน' ที่ต้องมีติด 'กระเป๋า'

เปิดลิสต์ของฝากไทย ที่ต่างชาตินิยมซื้อ สินค้าพื้นเมือง ชาไทย ยาดมมาแรง

"ยาดม"สินค้าที่นักท่องเที่ยวต้องมี

“ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์” กรรมการและที่ปรึกษา บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “ยาดมตราโป๊ยเซียน” ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่าตลาดยาดมในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งถือเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสในการยกระดับสมุนไพรไทย ตลาดยาดมไม่ใช่เป็นการแข่งขันกันแบบฆ่าใครตาย แต่เป็นบรรยากาศการเติบโตไปพร้อมกัน ส่งเสริมไอเดียใหม่ๆ สร้างความเชื่อมั่น ภาพจำให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ 

“การท่องเที่ยว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดยาดมเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น ตลาดขยายได้มากขึ้น ทำให้ยาดม ซึ่งเป็นสินค้าภูมิปัญญา สมุนไพรไทยกลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ และไม่ใช่เติบโตเฉพาะนายทุนหรือผู้ประกอบเจ้าใหญ่ ๆ แต่รวมถึงสินค้าชุมชน วิสาหกิจชุมชนก็เติบโตไปพร้อมกัน” ดร.ณัฐพงศ์ กล่าว

ทำไม“ยาดมโป๊ยเซียน”ถึงครองใจผู้ใข้ได้ถึง 88 ปี

ทั้งนี้ ปี 2566 เป็นปีที่ยาดมโป๊ยเซียนมียอดขายและกำไรสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 50-60 % มีรายได้รวม 1,087 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ประมาณ 967 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 378 ล้านบาท มากกว่าปี 2564 ที่มีรายได้รวม 751 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 254 ล้านบาท

พัฒนาเทคโนโลยียกระดับการผลิต

ดร.ณัฐพงศ์ เล่าต่อว่ายาดมโป๊ยเซียนไม่ได้มีการตั้งเป้าการเติบโตเป็นตัวเลข แต่มุ่งเน้นเรื่องการรักษาคุณภาพสินค้า และความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ซึ่งใน ปี 2567 นี่ จะมีการนำเทคโนโลยี การพัฒนานวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ดังนั้น ยาดมที่ผลิตต้องมีคุณภาพที่ดีที่สุด กลิ่นต้องไม่เพี้ยน กระบวนการผลิตต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล และต้องไปถึงมือของผู้บริโภคอย่างปลอดภัย

“มีการสุ่มตัวอย่าง วัตถุดิบ และตรวจสอบการผลิตอย่างเข้มงวด ทุกๆ ขั้นตอนทั้งหมด เพราะต้องรักษามาตรฐาน คุณภาพสินค้า และต้องซื่อสัตย์กับผู้บริโภค เราเติบโตมาถึงปีที่ 88 ได้รับโอกาสจากผู้คนในสังคม ทุกกิจกรรม ทุกอีเว้นท์ เราจะดีไซน์ให้ทุกคนได้รับสินค้าที่ดี และร่วมพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ในปี 2567 นอกจากการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตแล้ว จะมีการพัฒนาสื่อออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น” ดร.ณัฐพงศ์ กล่าว

ยาดมโป๊ยเซียน” ไม่ได้มีฐานผู้บริโภคภายในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่มีบริษัทคู่ค้าใน 4 ทวีป 12 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ทวีปเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ซึ่งมียอดขายต่างประเทศเติบโตมากขึ้นในทุกๆ ปี อย่าง ประเทศลาว เมียนมาร์ และญี่ปุ่น มียอดขายเพิ่มมากขึ้น

ทำไม“ยาดมโป๊ยเซียน”ถึงครองใจผู้ใข้ได้ถึง 88 ปี

แนะรัฐส่งเสริมยาดมเอกลักษณ์ไทย

ปัจจุบัน “ยาดม ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย” ออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ ยาดมและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นโอกาสของยาดม และสมุนไพรไทยทั้งหมด เพราะยาดมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยและทุนทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่แต่ละประเทศ ที่สำคัญเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ภาครัฐควรจะส่งเสริม เพราะเป็นสิ่งที่สามารถเลียนแบบได้ยาก

เนื่องจากแต่ละพื้นที่แต่ละประเทศ มีสภาพภูมิอากาศ ดินที่แตกต่างกันออกไป พืชสมุนไพร เมื่อสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันการเติบโตของพืชก็จะเป็นคนละชนิดกันแล้ว และสมุนไพร มีผู้เล่นน้อยมาก มีประเทศจีน เกาหลี อินเดีย ไทย และศรีลังกา ซึ่งในกลุ่มดังกล่าว ประเทศร้อนชื้น คือ ไทยและศรีลังกา ดังนั้น สมุนไพรไทยมีความเป็นเฉพาะของประเทศไทย เป็นภูมิปัญญาที่เสมือนประวัติศาสตร์ของไทยที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ อยากให้ภาครัฐสนับสนุนสมุนไพรไทยอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ

“สิ่งที่จะทำให้ยาดม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นที่นิยมและขยายสู่ไปตลาดโลกได้มากขึ้นนั้น ภาครัฐ ต้องลงไปช่วย ให้เกิดเอกลักษณ์ และแตกต่างกัน ควรจะมีการเล่าเรื่องราวให้แตกต่างกัน จะได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่นำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น”ดร.ณัฐพงศ์ กล่าว

ในปี 2567 นี้ก้าวต่อไปของ “ยาดมโป๊ยเซียน” จะให้ความสำคัญในการพัฒนากระบวนการผลิต โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพสินค้ายาดม รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิต และพัฒนาสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ยาดมดีขึ้นกว่าเดิม