JSP เปิดโมเดลธุรกิจ “ผู้ป่วยไต” ขยายศูนย์ฟอกไตครบวงจร -ใกล้ชุมชุน
ไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) ในปี 2566 พบผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 1,062,756 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากถึง 85,064 คน
KEY
POINTS
- ไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งการที่มีผู้ป่วยโรคไตมากขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังแรงงานลดลง
- กลยุทธ์โมเดลธุรกิจของ JSP จะช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไต โดยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการบริการฟอกไตได้ดีขึ้นลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลผู้ป่วยได้
- โรคไต เป็น 1 ใน 10 โรคที่คนไทยป่วยจำนวนมาก และพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหารการกินล้วนมีโซเดียมสูงทั้งสิ้นเป็นสาเหตุทำให้คนมีปัญหาเกี่ยวกับโรคไตทั้งสิ้น
ไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) ในปี 2566 พบผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 1,062,756 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากถึง 85,064 คน จำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3 จำนวน 464,420 ราย ระยะ 4 จำนวน 122,363 ราย และระยะที่ 5 ที่ต้องล้างไตมากถึง 70,474 ราย
การที่มีผู้ป่วยโรคไตมากขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังแรงงานลดลง เนื่องจากต้องมีผู้ดูแล ขณะที่ศูนย์ หรือคลินิกฟอกไตในประเทศไทย มีจำนวนจำกัด เนื่องจากมีบุคลากรทางการแพทย์จำกัด และต่อให้การล้างไต ฟอกเลือดฟรี ผู้ป่วยโรคไตสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ใช่ว่าจะมีศูนย์ฟอกไต หรือคลินิกฟอกไต ล้างไตใกล้บ้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
จาก"พยาบาลวิชาชีพ"สู่"นักธุรกิจ"บริการผู้ป่วยโรคไต จนKTMSเข้าตลาดหุ้น
เช็ก 8 ประเภทอาหารเสี่ยงโรคไต เผยไทยมีผู้ป่วยไตเรื้อรังกว่า 11.6 ล้านคน
แนวโน้มคนไทยป่วยโรคไตมากขึ้น
“บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) JSP” ได้ตั้งเป้าผลักดันให้ บริษัทลูก “เกรซ วอเทอร์ เมด” ผู้ผลิตน้ำยาฟอกไต ให้เป็นธุรกิจด้านการฟอกไตครบวงจร ทั้งการนำเข้าเครื่องฟอกไตและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เพราะที่ผ่านมาพบว่าประชากรไทยประมาณ 1.06 ล้านคน ในจำนวนนี้ 220,000 คน อยู่ในระยะสุดท้าย ต้องการฟอกไตหรือล้างไตทางช่องท้อง แนวโน้มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP) กล่าวว่า JSP ได้ลงทุนซื้อ บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด 30 กว่าล้านบาท ในการผลิตนำยาฟอกไตและเครื่องมือทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไต เพราะโรคไต เป็น 1 ใน 10 โรคที่คนไทยป่วยจำนวนมาก และพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหารการกิน อาทิ การรับประทานน้ำปลาร้ามากขึ้น อาหารแปรรูป และขนมถุง ขนมกรุบกรอบ ล้วนมีโซเดียมสูงทั้งสิน รวมถึงการใช้ยาชุด ยาสมุนไพรต่างๆ เป็นสาเหตุทำให้คนมีปัญหาเกี่ยวกับโรคไตทั้งสิ้น
ขยายบริการศูนย์ฟอกไตครบวงจร
“ขณะนี้ได้ตั้งเป้ารายได้จากการผลิตนำยาฟอกไตและเครื่องมือแพทย์ปี 2567 จำนวน150 ล้านบาท ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมศูนย์ไต 120 แห่ง มีเพิ่มขึ้นจาก ปี 2566 ที่มี 100 ศูนย์ คิดเป็น 10 % ของศูนย์ฟอกไตทั่วประเทศไทยที่มีอยู่ ราว 1,200 แห่ง โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายศูนย์ฟอกไตเพิ่มขึ้น 10 % จากยอดเดิมในทุกๆ ปี และบริษัทยังมีแผนมีเป้าหมายนำ บ. เกรซ วอเทอร์ เมด เข้าจะจดทะเบียนในตลาด LiVEx ในเร็วๆนี้”พิษณุ กล่าว
“พิษณุ” กล่าวต่อว่า JSP จะไม่เน้นการตลาดแบบขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะขยายไปสู่ภาคบริการด้วยการยกระดับบริการของธุรกิจในเครือที่มีอยู่ให้กลายเป็นตัวทำรายได้ที่สำคัญของบริษัทควบคู่กันไป เริ่มจากปีนี้จะเน้นการนำสินค้าเข้าไปขายผ่านบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) ซึ่งมีโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต (A-B Solution) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต เครื่องฟอกไตเทียม เข็มต่อสายฟอกเลือด และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเลือด ให้บริการที่มากขึ้น
ทั้งนี้ JSP จะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างความยั่งยืนในสังคมผ่านการเจาะกลุ่มแพทย์ที่มีความสนใจและมีศักยภาพในการเป็นศูนย์ฟอกไต ด้วยการทำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์เกี่ยวกับศูนย์ฟอกไต น้ำยาฟอกไต และเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการดำเนินธุรกิจรูปแบบดังกล่าว จะช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า ขณะเดียวกันยังช่วยให้ประเทศไทยมีคลินิกฟอกไตมากขึ้น สามารถอยู่ใกล้ชิดชุมชน ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้ป่วยประโยชน์กับผู้ป่วยในการเดินทางมาฟอกไต
ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ป่วยโรคไต
นอกจากนั้น GWM ยังถือหุ้นในบริษัท วารี เมดิคอล จำกัด ดำเนินธุรกิจการติดตั้งระบบน้ำ และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและติดตั้งระบบน้ำบริสุทธิ์ให้ศูนย์ฟอกไตของ GWM และลูกค้าทั่วไป โดย JSP จะใช้กลยุทธ์การผลิตอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเฉพาะ เพื่อไปวางจำหน่าย ในศูนย์ฟอกไต ที่ปัจจุบัน GWM มีเครือข่ายปัจจุบันมากกว่า 100 ศูนย์ และจะมีการลงทุนที่จะขยายมากขึ้นกว่านี้ เพราะศูนย์ฟอกไตที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่เพียงพอ อีกทั้งแพทย์ที่ทำหน้าที่รักษาไตโดยเฉพาะมีจำนวนจำกัด
“พิษณุ” กล่าวอีกว่ากลยุทธ์โมเดลธุรกิจของ JSP จะช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไต โดยให้ผู้ป่วยโรคไตสามารถเข้าถึงการบริการฟอกไตได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนมีคลินิกฟอกไตได้อย่างทั่งถึง ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมาก รวมถึงจะมีการเปิดตัวอาหารเสริมแบรนด์ใหม่ เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตมีความยากลำบากในการเลือกบริโภคอาหาร และการบริโภคอาหารได้ไม่กี่ประเภทจะทำให้เกิดความจำเจ
งานวิจัยจากต่างประเทศพบว่าการบริโภคอาหารมีผลต่อจิตใจของผู้ป่วย JSP จึงได้มีการวางแผนที่จะผลิตอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่มีรสชาติถูกปากคนไทยซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีสภาพจิตใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และจะมีเครื่องสำอาง ที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากผู้ป่วยโรคไตส่วนใหญ่จะมีผิวแห้งมากขึ้น ดังนั้น เครื่องสำอางสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเฉพาะมีความจำเป็น และเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วนในสังคม
เจาะกลุ่มสูงวัยเป้า 800ล้านบาท
ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 13 ล้านคน คิดเป็น 19 % ของประชากรทั้งหมด ถือว่าได้ก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์” (Aged Society) already และคาดการณ์ภายในปี 2573 จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากร กลายเป็น “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด”(Super-Aged Society) และยังพบแนวโน้มคนไทยอายุยืนมากขึ้น JSP จึงได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ โดยได้มุ่งไปยังตลาดกลุ่มเป้าหมายผู้สูงวัยเป็นหลัก รองลงมาคือ กลุ่มวัยทำงาน รวมถึงในปี 2567 ได้เพิ่มงบการตลาดเป็น 50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน โดยในครึ่งปีแรกได้ใช้งบการตลาดไปแล้ว 10 ล้านบาท
“JSP มีจุดแข็งคือเป็นโรงงานผลิตยาและอาหารเสริม ที่มีสินค้าจากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจึงเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้อย่างเต็มรูปแบบ และขณะนี้มีผู้งอายุมากขึ้น จึงได้มุ่งทำการตลาดกับกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มวัยทำงาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริม 5 เดือนแรกปี 2567 ทะลุได้ตามเป้า 300ล้านบาท และจากแนวโน้มที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทได้ปรับเป้าหมายยอดขายของปีนี้จาก 700 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท”พิษณุ กล่าว