สัญญาณเตือน “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก”...โรคที่คุณอาจเป็นได้

สัญญาณเตือน “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก”...โรคที่คุณอาจเป็นได้

คงตกใจไม่น้อย หากอยู่ดีๆ ใบหน้าของเรามีความผิดปกติ เพราะหน้าตาถือเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่ทุกคนต่างดูแลให้ใบหน้าของตนเองดูดี ยิ่งมีอาการกระตุกของเปลือกตาและมุมปากเป็นๆหายๆ อาจจะสงสัยและกังวลว่าตัวเองเป็นอัมพาต หรือไม่?

KEY

POINTS

  • โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ประมาณ 2 เท่า และเป็นโรคของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มักเริ่มพบในวัยกลางคนช่วงอายุ 44-50 ปีขึ้นไป และพบในเด็กโตและผู้อายุต่ำกว่า 30 ปีประมาณ 1-6%
  • เมื่อมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา โดยมีการเกร็งกระตุกเป็นระยะและเป็นมากขึ้น จะมีการกระตุกที่มุมปากข้างเดียวกัน จนอาจทำให้มีลักษณะตาปิดร่วมกับมีปากเบี้ยวข้างเดียวกันเป็นพักๆ ได้ ควรรีบพบแพทย์
  • แนวทางการรักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก สามารถรักษาได้ทั้งการรับประทานยา โดยใช้ยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท การผ่าตัด และการฉีดยา Botulinum toxin type A ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี

คงตกใจไม่น้อย หากอยู่ดีๆ ใบหน้าของเรามีความผิดปกติ เพราะหน้าตาถือเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่ทุกคนต่างดูแลให้ใบหน้าของตนเองดูดี ยิ่งมีอาการกระตุกของเปลือกตาและมุมปากเป็นๆหายๆ อาจจะสงสัยและกังวลว่าตัวเองเป็นอัมพาต หรือไม่?

แถมเมื่อเกิดอาการกระตุกเปลือกตา และมุมปาก หลายคนมักจะคุ้นเคยกับการไปฉีดโบท็อก มากกว่าจะไปพบแพทย์เฉพาะทางในการดูแล รักษา "โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก"

“โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก” คือ โรคทางระบบประสาทที่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของใบหน้าโดยเป็นครึ่งซีก เกิดจากการที่มีการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ถูกควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เคลื่อนที่ผิดปกติไป มีลักษณะแบบเกร็งกระตุกเป็นระยะโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แม้กระทั่งตอนนอนหลับก็คงยังกระตุกอยู่ อาจเป็นสาเหตุที่รบกวนการนอนหลับในผู้ป่วยบางราย

ทั้งนี้ โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก สามารถพบได้ทั่วโลกแต่พบได้น้อย   และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 2 เท่า โดยมีรายงานเพศหญิงพบ 14.5 รายต่อประชากรหญิงหนึ่งแสนคน  ส่วนเพศชายพบ 7.4 รายต่อประชากรชายหนึ่งแสนคน  ทั่วไปเป็นโรคของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มักเริ่มพบในวัยกลางคนช่วงอายุ 44-50 ปีขึ้นไป พบน้อยมากๆ ในเด็กเล็ก พบในเด็กโตและผู้อายุต่ำกว่า 30 ปีประมาณ 1-6%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

"มะเร็งสตรี" รู้ก่อน รักษาไว มีโอกาสหาย ป้องกันได้ คุณภาพชีวิตดี

“แพ้อาหาร” โรคฮิตคนทุกวัย เรื่องเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม

เช็กลักษณะอาการ สาเหตุเกิดโรค

พญ.ปิยวดี ชัยมงคลตระกูล แพทย์เฉพาะทางระบบประสาทจักษุและกล้ามเนื้อตา โรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวถึงลักษณะของใบหน้ากระตุกครึ่งซีก ว่า อาจเริ่มต้นกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาก่อน โดยมีการเกร็งกระตุกเป็นระยะ เมื่อการดำเนินโรคเป็นมากขึ้น จะมีการกระตุกที่มุมปากข้างเดียวกัน จนอาจทำให้มีลักษณะตาปิดร่วมกับมีปากเบี้ยวข้างเดียวกันเป็นพักๆ ได้

โรคดังกล่าว จะมีการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง อาการกระตุกมักมาเป็นกลุ่มๆไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นจังหวะ หรืออาจมีการกระตุกแล้วเกร็งร่วมด้วยก็ได้ การกระตุกมักเป็นๆหายๆ เป็นเรื้อรัง ไม่หายขาด ผู้ป่วยบางรายอาจได้ยินเสียงกึ๊กๆในหูขณะที่ใบหน้ากระตุก ซึ่งเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อ

สัญญาณเตือน “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก”...โรคที่คุณอาจเป็นได้

โดยสาเหตุของใบหน้ากระตุกครึ่งซีก ที่สามารถพบได้ มีดังนี้

  1. อาจเกิดตามหลังจากประสาทสมองคู่ที่ 7 มีการอักเสบ (Bell’s palsy) หรือได้รับอุบัติเหตุ
  2. เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ถูกกดเบียดโดยเส้นเลือดที่อยู่ชิดกันบริเวณก้านสมอง
  3. เกิดจากเนื้องอกบริเวณก้านสมองไปกดทับประสาทสมองคู่ที่ 7 และ 8 ทำให้มีใบหน้ากระตุกร่วมกับการได้ยินลดลง
  4. โรคของปลอกหุ้มประสาทสมองส่วนกลางอักเสบ
  5. ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกนั้น ความจริงแล้ว  ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดที่ทำให้เกิดโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก โรคนี้พบบ่อยขึ้นในผู้สูงอายุ และพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้สูงขึ้นกว่าคนความดันโลหิตปกติ

ปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าเกิดการการกระตุกมากขึ้นนั้น สามารถแบ่งออกเป็น เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  1. ภาวะความเครียดทางจิตใจ: เช่น ความเครียด ความกังวลมาก ความหงุดหงิด โมโห เป็นต้น
  2. ความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การยิ้ม การพูด การใช้สายตา มากเกินไป เป็นต้น

หากเกิดอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีก แต่อาการไม่รุนแรงและผู้ป่วยไม่กังวลใจ อาจไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์ แต่ถ้าผู้ป่วยมีความกังวลใจและมีอาการรุนแรง ซึ่งความรุนแรงนั้นขึ้นกับผู้ป่วยประเมินตนเอง เช่น ถ้าเป็นนานๆครั้ง หรือถ้ากระตุกแรงมาก เป็นต้น  ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการ  รับการวินิจฉัย และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

สัญญาณเตือน “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก”...โรคที่คุณอาจเป็นได้

รักษาโรคหายได้หรือไม่ มีวิธีอะไรบ้าง?

พญ.ปิยวดี กล่าวต่อว่าสำหรับแนวทางการรักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก สามารถรักษาได้ทั้งการรับประทานยา  การผ่าตัด การฉีดยา ซึ่งแต่ละวิธีจะให้ผลที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • การรับประทานยา ใช้ยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น clonazepam เพื่อลดการกระตุก โดยพบว่ามีประสิทธิผลเพียง 30% แต่มักจะมีผลข้างเคียง เช่น ง่วงนอน อาจไม่สามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันได้ปกติ
  • การผ่าตัดเพื่อแยกส่วนของหลอดเลือดที่กดทับประสาทสมองคู่ที่ 7 ออกจากกัน ถือเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยง เนื่องจากอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การได้ยินลดลง ปากเบี้ยว มีเลือดออกที่ก้านสมอง เป็นต้น
  • การฉีดยา Botulinum toxin type A เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี โดยสารโบทูลินัมท็อกซินเป็นโปรตีนที่สร้างจากเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ในการสกัดกั้นกระแสไฟฟ้าจากปลายประสาทมากล้ามเนื้อ ทำให้การเกร็งกระตุกลดลงได้ชั่วคราวหลังจากฉีด โดยยาจะออกฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องมาฉีดยาซ้ำทุก 3-4 เดือน ตามระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยา วิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลดีและปลอดภัยได้รับการยอมรับในปัจจุบัน

สัญญาณเตือน “ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก”...โรคที่คุณอาจเป็นได้

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการใบหน้ากระตุกอย่าพึ่งตกใจ และถ้ากังวลควรจะรีบพบแพทย์ เพื่อทำการแยกโรคก่อนเป็นลำดับแรก ว่าจัดอยู่ในกลุ่มโรคใด จะได้รักษาอย่างถูกต้อง แม้จะเป็นโรคที่ไม่อันตรายร้ายแรง แต่อาจต้องใช้เวลาในการรักษาก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ สามารถปรึกษาแพทย์  และเข้ารับการรักษาได้ที่ “ศูนย์จักษุ 24 ชั่วโมง” โรงพยาบาลเจ้าพระยา ซึ่งในขณะนี้มีโปรแกรมตรวจสุขภาพตาสำหรับเด็ก  และโปรแกรมตรวจสุขภาพตาสำหรับผู้ใหญ่

อ้างอิง: ศูนย์จักษุ 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลเจ้าพระยา  , หาหมอ.com