ผู้ประกอบการสายบุญดัน "อาหารเจ" ดูแลสุขภาพ หนุนเทศกาลอาหารเจปี 67

ผู้ประกอบการสายบุญดัน "อาหารเจ" ดูแลสุขภาพ หนุนเทศกาลอาหารเจปี 67

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับเทศกาลกินเจ ที่ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 ต.ค. 2567 โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น โรงเจ โรงทาน และมูลนิธิต่างๆ ที่มีธรรมเนียมปฏิบัติในการทำแจกประชาชนทุกปี เริ่มเตรียมตัว จัดเตรียมวัตถุดิบ จัดเตรียมเมนูเจใหม่ๆ

การกินเจ คือการงดรับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด และหันมารับประทานพืชผักแทน ทำให้กระเพาะได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ และได้ยังรับวิตามิน และโปรตีนจากถั่วชนิดต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากโปรตีนที่เราได้รับจากเนื้อสัตว์ ช่วงเวลาดังกล่าว จึงถือเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนจากการรับสารอาหารย่อยยาก

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ หันมากินเจกันมากขึ้น และมักจะพึ่งอาหารจากร้าน นอกบ้าน และมักพบว่ามีการนำเอาวัตถุดิบที่ผ่านการแปรรูปมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารมากขึ้นเพื่อเพิ่มรสชาติ บางครั้งยังทำกลิ่นและรสสัมผัสให้คล้ายเนื้อสัตว์ ซึ่งสารที่เติมเข้าไป ก็อาจมีส่วนผสมของสารเคมี สารกันบูด และบางผลิตภัณฑ์ยังมีการปนเปื้อนของเชื้อราอีกด้วย นอกจากนั้น อาหารเจ มักทำมาจากแป้งเป็นหลัก และมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ซึ่งถ้าเราบริโภคไม่ถูกหลักโภชนาการ ก็มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังนั้น ก่อนเริ่มต้นกินเจเราควรพิจารณาเมนูอาหารให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจไปพร้อมๆ กัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

7 ‘เทรนด์พฤติกรรมการกินของคนไทย’ 2567 ใส่ใจอาหารสุขภาพ 66% ออกกำลังกาย

คนยุคใหม่ ใส่ใจสุขภาพ “อาหารสุขภาพ” โตรับเทรนด์

เลือกอาหารในช่วงกินเจ มีหลักง่ายๆดังนี้

  • เน้นผักเป็นหลัก เลือกทานให้หลากสี เน้นผัก ผลไม้สดเพื่อเพิ่มวิตามินซีซึ่งจะ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก รับประทานผักที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักโขม ถั่วลิสง ถั่วฟักยาว เห็ดฟาง การรับประทานผักและผลไม้สดนอกจากจะทำให้ได้เกลือแร่และวิตามินอย่างครบถ้วน ยังมีเส้นใยอาหารสูง ทำให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย
  • ทานแป้งในปริมาณที่พอดี เพื่อให้ร่างกายมีพลังงาน แป้งที่ทานควรเลือก ข้าวกล้อง แทนข้าวขาวปกติ ขนมปังโฮลวีท
  • ช่วงที่งดเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่งดทานเนื้อสัตว์เป็นเวลานาน อาจทำให้ขาดวิตามิน B12 ได้ จึงควรรับประทาน โปรตีน จากโปรตีนเกษตร เต้าหู้ และถั่วหรือธัญพืช
  • เลี่ยงอาหารที่มีน้ำมันมาก ลดเมนูผัดๆ ทอดๆ ถ้าปรุงอาหารเองเลือกใช้น้ำมันจากกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่ดีเช่น น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนล่า น้ำมันมะกอก
  • เลือกเมนู ตุ๋น ต้ม อบ นึ่ง ยำ แต่อาหารที่ผ่านการเคี่ยวนานๆ อาจทำให้คุณค่าของสารอาหารสูญเสียไป เช่น ต้มจับฉ่าย ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
  • เลือกผลไม้หวานน้อย เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แก้วมังกร
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด การทานอาหารรสเค็ม จะมีปริมาณของโซเดียมสูง ซึ่งจะส่งผลให้ไตทำงานหนัก
  • ทานให้น้อย แต่บ่อยครั้ง
  • เลือกของว่างอยู่ท้อง มากคุณค่า

การกินเจที่ถูกหลัก นอกจากจะทำให้เราไม่ขาดสารอาหาร จากการงดเว้นเนื้อสัตว์แล้ว เรายังจะได้รับอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย การกินเจร่วมกับการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และได้บุญอีกด้วย

ผู้ประกอบการสายบุญดัน \"อาหารเจ\" ดูแลสุขภาพ หนุนเทศกาลอาหารเจปี 67

ผู้สูงอายุ ทานเจต้องระวังอะไรบ้าง?

ผู้สูงอายุ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะด้วยร่างกายที่เสื่อมถอยตามวัย ทำให้เมื่อกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ผู้สูงอายุเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ท้องอืด ท้องผูก เบาหวาน ยิ่งในช่วงเทศกาลกินเจ ผู้สูงอายุ นิยมทานอาหารเจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักชื่นชอบการทำบุญถือศีลอยู่แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่การกินเจมักส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ เช่น

  • ท้องผูก ท้องอืด ในกลุ่มผู้สูงอายมักมีปัญหาอาหารไม่ย่อยอยู่แล้ว พอมากินอาหารเจ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เมื่อร่างกายได้รับกากใยมากจนเกินไป จะทำให้ผู้สูงอายุท้องอืด และท้องผูกในที่สุด
  • ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน เนื่องจากอาหารเจส่วนใหญ่ มักเป็นของผัดและทอด ซึ่งมีไขมันสูงเกินความจำเป็นต่อร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โรคต่าง ๆ ก็จะตามมา
  • โรคไต โรคเบาหวาน เพราะอาหารเจส่วนใหญ่ มักมีรสเค็มหรือหวาน หากผู้สูงอายุรับทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ และหลายวันติดต่อกัน จะส่งผลเสียกับร่างกายได้
  • ความดันโลหิตสูง เนื่องจาดอาหารเจมีความเค็ม หวาน มัน เป็นส่วนใหญ่ จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงได้
  • ทุพโภชนาการ มาจากการละเว้นเนื้อสัตว์ และทานอาหารประเภทเดิมซ้ำ ๆ ติดต่อกัน ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบ 5 หมู่ จนขาดสารอาหารได้

แม้อาหารเจ จะส่งผลเสียกับร่างกาย แต่ไม่ใช่ว่าจะกินอาหารเจไม่ได้เลย เพียงแค่ต้องปรับเปลี่ยนและเลือกกินอาหารเจที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากจะไม่อ้วนแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงโรคที่ตามมากับอาหารได้ด้วย ได้ทั้งบุญได้ทั้งสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน

ผู้ประกอบการสายบุญดัน \"อาหารเจ\" ดูแลสุขภาพ หนุนเทศกาลอาหารเจปี 67

ถ่ายทอดสูตรอาหาร เคล็ดลับและวิธีทำอาหารเจ

บริษัทไทยเทพรส ซอสภูเขาทอง รสนี้ดีต่อเจ มื้อนี้ดีต่อใจ ได้ร่วมเทศกาลกินเจ มอบผลิตภัณฑ์กลุ่มซอสปรุงรสเจ และทุนทรัพย์สำหรับประกอบอาหารเจให้แก่โรงเจ โรงทาน และมูลนิธิต่างๆ รวม 6 จังหวัด 35 แห่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้การสนับสนุนเป็นประจำทุกปี 

น.ส.วรัญญา วิญญรัตน์  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหาร ภายใต้แบรนด์ “ภูเขาทอง” กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อต้อนรับเทศกาลกินเจปี 2567 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 11 ต.ค. นี้ และถือเป็นกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมฉลองครบรอบ 70 ปี ซอสภูเขาทอง โดยการจัดเวิร์คชอปสอนทำอาหารเจ 2 เมนู ได้แก่ จับฉ่ายตำรับเชฟป้อม และหมี่สไตล์ฮ่องกงหม่าโผโต้วฟุ (Mapo Tofu) โดยเชฟป้อม - ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล กรรมการจากรายการมาสเตอร์เชฟ (ประเทศไทย) พรีเซนเตอร์แบรนด์ซอสภูเขาทอง ให้เกียรติเป็นผู้ถ่ายทอดสูตรอาหาร เคล็ดลับและวิธีทำ

พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวน 41 ร้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อแสดงว่าได้ผ่านการเวิร์คชอป และสามารถนำสูตรอาหารเจทั้ง 2 เมนู ไปบรรจุในเมนูจำหน่ายให้ลูกค้าในร้านได้ 

“เราคาดหวังให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คชอปในครั้งนี้ ได้ลงมือปฏิบัติจริงกับเชฟมืออาชีพ เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มทักษะด้านการปรุงอาหารเป็นการส่งต่อสูตร ส่งต่อเรื่องราว ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับมาตรฐานเมนูอาหารเจได้ต่อไป ซึ่งในปีนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เราคาดหวังให้กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับมาตรฐานอาหารเจต่อไป และจะคัดสรรเมนูอาหารให้มีความหลากหลาย ให้ร้านอาหารสามารถนำไปต่อยอด สร้างอาชีพได้ ขณะเดียวกันเพื่อสนับสนุนให้บรรยากาศการกินเจในช่วงเทศกาลกินเจทุกปี เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการทำอาหารเจที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีรสชาติที่ดีสำหรับผู้บริโภค” 

“ซอสภูเขาทอง” โดยบริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ฉลองครบรอบ 70 ปี ชูกิจกรรมไฮไลท์ “ซอสภูเขาทอง รสนี้ดีต่อเจ มื้อนี้ดีต่อใจ” ต้อนรับเทศกาลกินเจปี 67 ก่อนใคร จัดเวิร์คชอปให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร 41 ร้าน เตรียมความพร้อมเอาใจคออาหารเจ ส่งต่อสูตร ส่งต่อเรื่องราว 2 เมนูอาหารเจตำรับ เชฟป้อม - ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล คาดช่วยต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับเมนูอาหารเจ 

ผู้ประกอบการสายบุญดัน \"อาหารเจ\" ดูแลสุขภาพ หนุนเทศกาลอาหารเจปี 67

"หมี่ซั่วราดมาโบโทฟู และต้มจับฉ่าย" เมนูมงคล

เชฟป้อม ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล  กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการรับประทานอาหารเจมีความหลากหลาย อาหารเจรูปแบบใหม่จะเน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น แพลนท์เบส ผักสด ลดมัน คอเลสเตอรอลต่ำ รับประทานแล้วไม่อ้วน  ซึ่งแนวโน้มนี้เริ่มขยายวงกว้างไปไม่จำกัดแค่อาหารจีนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารหลากหลายสัญชาติทั่วโลก ของทานเล่น และเครื่องดื่ม เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และเพิ่มทางเลือกและเติมสีสันให้เทศกาลกินเจ ขณะเดียวกันปัจจุบันมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหารเจ มังสวิรัติ และแพลนท์เบสมากขึ้น เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 

เมนู จับฉ่ายตำรับเชฟป้อม และหมี่สไตล์ฮ่องกงหม่าโผโต้วฟุ (Mapo Tofu) ถือเป็นเมนูมงคลเหมาะกับเทศกาลกินเจ ซึ่ง “จับฉ่าย” แฝงความหมายดี ๆ ไว้ด้วย คำว่า “ฉ่าย” พ้องเสียงกับ “ไช้” หมายถึง โชคลาภ แถมเต้าหู้ที่ใช้ ภาษาจีนออกเสียงว่า โตฟุ แปลว่า ความสุข ส่วน หมี่สไตล์ฮ่องกงหม่าโผโต้วฟุ แฝงไปด้วยความหมายว่า อายุยืนยาว ซึ่งทั้ง 2 เมนู เป็นเมนูยอดนิยมที่ต้องรับประทานในช่วงเทศกาลเจ และเป็นเมนูที่ถูกต้องตามหลักของการรับประทานอาหารเจ โดยเมนูจับฉ่ายตำรับเชฟป้อมนั้น เป็นสูตรอาหารที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นในราชสกุลเทวกุล และในครั้งนี้เชฟป้อมได้นำซอสปรุงรสที่มีคุณภาพ ผสมผสานกับสูตรอาหารที่ได้รับการถ่ายทอด มาทำให้เกิด 2 เมนูที่มีรสชาติและความกลมกล่อมที่ลงตัว ไม่เหมือนจับฉ่ายทั่ว ๆ ไป ซึ่งเมนูนี้ใช้ซอสปรุงรสตราภูเขาทองทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ซอสเห็ดหอม ซอสปรุงรสฝาเขียว ซีอิ้วขาว และซีอิ้วดำ 

สำหรับหมี่สไตล์ฮ่องกงหม่าโผวโต้วฟุ (Mapo Tofu) ได้คิดค้นร่วมกับลูกชายจนเกิดรสชาติที่อร่อยลงตัว เทคนิคเคล็ดลับของเมนูนี้ คือการเลือกใช้เครื่องเทศจีนเพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย และการเลือกเต้าหู้ที่ปกติจะใช้ “เต้าหู้นิ่มคินุ” แต่เพื่อให้เมนูนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น แนะนำให้ใช้ทั้ง “เต้าหู้คินุ” หั่นเป็นชิ้นใหญ่หน่อยลวกในน้ำประมาณ 1 นาที และ“เต้าหู้แข็งโมเมน” หั่นเป็นเต๋าเล็กๆ นำไปสะดุ้งน้ำมัน จะช่วยเพิ่มสัมผัสมากขึ้น และใช้ซอสปรุงรสอาหารลุงหนวดฝาส้ม ตราภูเขาทอง เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยลงตัว

ทั้งนี้  ร้านอาหารที่เข้าร่วมกิจกรรมมีทั้งหมด 41 ร้าน เป็นร้านอาหารเจ มังสวิรัติ แพลนท์เบส และร้านอาหารที่มีเมนูอาหารเจให้บริการ แบ่งการเวิร์คชอปเป็น 2 รอบ รอบเช้า 21 ร้าน ได้แก่ ร้าน Birdies & Booze ร้าน Chopstix  ร้าน Delishe Café ร้าน Kaffa Bistro Ayutthaya ร้าน Kind Café ร้าน Normal Café and Stay ร้าน SIBA Express ร้าน Veggie Che ร้าน VIBE ร้าน Walk in Café ร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ร้านครัวคุณกานต์ ร้านบ้านส้มตำ ร้านมุมเบาหวานฮาลาล ร้านรันนาวา คาเฟ่ ร้านข้าวต้มสมพงษ์ ลําลูกกา คลอง 6 ร้านต้นสนอาหารเจ ร้านอาหาร ณ ศิริ วังน้ำเขียว โรงแรมโนโวเทล ลิฟวิ่ง กรุงเทพ สุขุมวิท เลกาซี โรงแรมวิลล่า ศิริล้านนา และร้านอาไบมาโคขุน สำหรับรอบบ่าย 20 ร้าน ได้แก่ ร้าน Carrot The Vegan Bistro ร้าน Loving Hut ร้าน Moreganic Restaurant ร้าน Soyar ร้าน Spread ร้านเจริมคลอง ร้านชญา ร้านเชี่ยวชาญพานิช (ข้าวต้มเทเวศร์) ร้านซุ่นเฮียง ร้านเดอวัง ร้านเป็นลาว ร้านเผิงเฉิง ร้านรอยัลไทย ร้าน 2 แสบ ร้านต้นกล้าฟ้าใส  ร้านเทียนซิน สาขาสีลม ร้านอาหารเจผิงอัน ร้านสุข สาทร ร้านหุงอุ่นตุ๋นต้มนึ่ง และร้านอิ่มบุญสเตชั่น

อ้างอิง: โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลสมิติเวช