กระชายดำสู่ Active ingredients รับตลาดสุขภาพและความงามโลก
การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากกระชายดำใช้เวลาในการวิจัย 2 ปี โดยเทียบเคียงกับสารเรตินอล ที่ช่วยลดริ้วรอยพบว่า “B GOLD" มีจำนวนที่ไม่แตกต่าง
KEY
POINTS
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากกระชายดำใช้เวลาในการวิจัย 2 ปี โดยเทียบเคียงกับสารเรตินอล ที่ช่วยลดริ้วรอยพบว่า“B GOLD ”มีจำนวนที่ไม่แตกต่าง
- สารสกัดของไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ ยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย
- นวัตกรรมการผลิตสารสกัดเพิ่มมูลค่าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและความงามอย่างยั่งยืน เป็น 1 ใน BCG Implementation ของ สวทช.
Age Tech เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ตลาด Age Tech มีแนวโน้มจะเติบโตรวดเร็วในระยะสั้นถึงกลาง ทำให้ได้รับการสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการชะลอวัย (Anti-Aging) และการฟื้นฟู (Rejuvenation) กำลังได้รับความสนใจไปทั่วโลกสอดรับกับสังคมโลกที่เข้าสู่ยุคผู้สูงวัย
เทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ใช่เพียงแค่สามารถทำให้มีรูปร่าง ผิวพรรณภายนอกที่ดูดีขึ้น แต่ยังสามารถส่งเสริมสุขภาพ และอาจเพิ่มช่วงเวลาที่มีสุขภาพดี (Healthspan) และช่วงอายุขัย (Lifespan) ได้อีกด้วย ปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, หัตถการเพื่อความงาม, รวมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำสารสกัดสมุนไพรไทยมาใช้เป็นสารสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผลิตภัณฑ์ชะลอวัยจากกระชายดำ
เมื่อเร็วๆ นี้ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) และบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPS ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ ด้านชะลอวัยจากสารสกัดกระชายดำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขอรับอนุญาตใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้านกระบวนการเตรียมสารสกัดมาตรฐานกระชายดำสู่ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมกลุ่ม Active ingredients ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง-เสริมอาหาร ที่มีตลาดทั่วโลกมีความต้องการสูง
“ดร. ธีรญา กฤษฎาพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNPSให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลกได้มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯเป็นผู้วิจัยสารออกฤทธิ์มาตรฐานจากธรรมชาติและสมุนไพรไทย (API:Active Phyto-Innovention) มากว่า 25 ปี
สำหรับอุตสาหกรรมเวชสำอาง (Cosmeceuticals) อาหารเพื่อสุขภาพ (Neutraceuticals)เครื่องดื่ม (Functional beverage) ผลิตภัณฑ์ยา (Herbaceuticals) และส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพผิวพรรณ (Natural additives) และสารสกัดมาตรฐานสมุนไพรไทย (Standardized Herbal Extract) ที่มีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิตสามารถกำหนดปริมาณสารสำคัญหรือสารออกฤทธิ์ให้มีความเสถียร
“B GOLD" ลดริ้วรอยเทียบเคียงสารเรตินอล
โดยเริ่มกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ Cultivation การร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรไทย เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเพาะปลูกพืชสมุนไพร เพื่อให้ได้สมุนไพรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน Creation สร้างสรรค์นวัตกรรมสารสกัดสมุนไพรของไทย ที่ผ่านความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทยและต่างประเทศ Conversion เปลี่ยนสารสกัดจากสมุนไพรให้อยู่ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ และ Contribution กระบวนการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน
“การร่วมมือกับ สวทช.จะทำให้ไทยสามารถส่งออกสารสกัดมาตรฐานสมุนไพรไทยที่มีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการผลิต ได้มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์รองรับและยังผ่านการทดสอบทางคลินิกทางด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากศูนย์นาโนเทค ทำให้สามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยและคุณภาพสามารถนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร และ น้ำมันสกัดและน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร”
โดยครั้งนี้ SNPS ได้พัฒนา“B GOLD สารสกัดกระชายดำบริสุทธิ์ ที่มีปริมาณฟลาโวนอยด์สูงสุด ในรูปแบบอนุภาคขนาดนาโน กระบวนการสกัดแบบพิเศษ โดยใช้เทคโนโลยีนาโน เพื่อช่วยคงคุณค่าของสารออกฤทธิ์สำคัญกลุ่มฟลาโวนอยด์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยเทคโนโลยีนาโนขั้นสูงทำให้มีความเสถียรสูง ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นาน และยังผ่านการทดสอบทางคลินิกทางด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากศูนย์นาโนเทค ทำให้สามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยและคุณภาพรวมถึงยังมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับมูลค่าของกระชายดำไทย พร้อมทั้งส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของประเทศอีกด้วย
“การพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากกระชายดำ ใช้เวลาในการวิจัย 2 ปี โดยเทียบเคียงกับสารเรตินอล ที่ช่วยลดริ้วรอยพบว่า“B GOLD ”มีจำนวนที่ไม่แตกต่าง จึงเชื่อว่าสารสกัดของไทยจะสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย และยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลและยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทยอีกด้วย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS กล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการผลิตผ่านการควบคุมทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และคุณภาพที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบทางการเกษตรมูลค่าสูง ที่ส่งผลถึงการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างลงนามสัญญาทางการค้ากับบริษัทชั้นนำระดับโลกในหลากหลายประเทศเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสารสกัดกระชายของไทยสู่ผู้ผลิตเครื่องสำอางและเวชสำอาง อาทิ ประเทศฝรั่งเศส, เกาหลี, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, อินเดีย, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี และนิวซีแลนด์
ยกระดับอุตสาหกรรม 3สมุนไพรนำร่องยั่งยืน
“ดร.อุดม อัศวาภิรมย์” ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการห่อหุ้มระดับนาโน นาโนเทค สวทช.กล่าวว่า นวัตกรรมการผลิตสารสกัดเพิ่มมูลค่าเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและความงามอย่างยั่งยืน เป็น 1 ใน BCG Implementation ของ สวทช. เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและความงามอย่างยั่งยืน เพิ่มมูลค่าสารสกัดมาตรฐานจากสมุนไพร โดยมีสมุนไพรนำร่อง 3 ชนิดได้แก่ กระชายดำ บัวบก และกะเพรา
นอกจากนี้การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น จึงนำมาสู่แนวคิดในการวิจัยพัฒนาสารสกัดกระชายดำมาตรฐาน (Standardized Extract) รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสุขภาพ เพื่อการยับยั้งกระบวนการแก่ของเซลล์ (anti-aging) เพื่อการผลักดันเป็น Thailand herbal champion อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้นาโนเทค สวทช. ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสารสกัดกระชายดำมา 7-8 ปี โดยพัฒนากระบวนการสกัดกระชายดำเพื่อให้ได้สารสกัดกระชายดำ ในรูปสารสำคัญที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ พร้อมวิจัยร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการศึกษาความปลอดภัยและความเป็นพิษเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรังของสารสกัดกระชายดำในสัตว์ทดลอง
รวมถึงศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดกระชายดำในแง่ของการชะลอวัยในเซลล์เพาะเลี้ยงและสัตว์ทดลอง ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในการนำสารสกัดกระชายดำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาเพื่อสุขภาพและชะลอวัยอีกด้วย และทดสอบขยายขนาดการผลิตสารสกัดกระชายดำมาตรฐานในระดับอุตสาหกรรมอีกด้วย
โครงการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของการขอรับอนุญาตใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาด้านกระบวนการเตรียมสารสกัดมาตรฐานกระชายดำจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้มีการผลักดันแผนงาน S&T for Sustainable Thailand อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกมิติ
นอกจากนี้ ยังมีกลไกการขับเคลื่อนเพื่อการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและโครงสร้างพื้นฐาน (R&D & infrastructure utilization) ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ภายใต้บทบาท solution partner อีกด้วย