นวัตกรรม “UROLIFT” ความหวังใหม่รักษาต่อมลูกหมากโต

นวัตกรรม “UROLIFT” ความหวังใหม่รักษาต่อมลูกหมากโต

หน่วยงานวิจัย Research And Markets รายงานว่าซึ่งในปี 2023 ตลาดสุขภาพเพศชายมีมูลค่าราว 1.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029

KEY

POINTS

  • ต่อมลูกหมากโต พบได้ถึง 50% ในผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป และถึง 80% ในผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป แม้ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงจนทำให้เสียชีวิต แต่อาการแทรกซ้อนจากโรคนี้ ทำให้ผู้ชายเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่น
  • 4 วิธีในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ได้แก่  TURP (ผ่าตัดโดยใช้หัวตัดไฟฟ้า)  Laser Prostate (ผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์) Water Vapor Therapy (ผ่าตัดด้วยระบบไอน้ำ)และนวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง UROLIFT (ยูโรลิฟต์)
  • เคล็ดลับ 4 เริ่ม ได้แก่ ตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และรักษาน้ำหนักตัว และ 4 เลิก คือ เลิกบุหรี่ เลิกดื่มแอลกอฮอล์ เลิกกินอาหารที่มีไขมัน น้ำตาลสูง และเลิกนอนดึก

หน่วยงานวิจัย Research And Markets รายงานว่าซึ่งในปี 2023 ตลาดสุขภาพเพศชายมีมูลค่าราว 1.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชายในปัจจุบันมีความใส่ใจในสุขภาพและคุณภาพชีวิตในภาพรวมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าตลาดจะเติบโตในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.44% (ในช่วงระยะคาดการณ์ปี 2024 – 2029)

งานวิจัยของ Data Bridge Market Research ยังพบว่า โรงพยาบาลเป็นผู้ให้บริการที่ครองตลาดสุขภาพของผู้ชายมากที่สุด ส่วนหนึ่งมีปัจจัยหนุนจากจำนวนโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ผู้ชายเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานเพื่อรักษาการเจ็บป่วยได้มากขึ้น

โดยนอกจากผู้ชายจะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจแล้ว ยังมุ่งเน้นการดูแลตนเองด้วยแนวทางอื่น ๆ อาทิ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เป็นต้น โดยเทรนด์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นจากการเติบโตของตลาดอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย แพลตฟอร์มติดตามสุขภาพและการออกกำลังกาย บริการแพทย์ทางไกล และบริการสุขภาพดิจิทัลอื่น ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

GenZ ดันตลาดศัลยกรรมโตไม่หยุด “รพ.วิมุต” เปิดศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า

รพ.วิมุต เปลี่ยนโรงพยาบาลสู่ดิจิทัล ดึงเทคโนโลยี ตอบโจทย์การรักษา

ต่อมลูกหมากโต พบได้ถึง 50% ในผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป

วานนี้(9 ต.ค.)  โรงพยาบาลวิมุต เปิดตัวศูนย์ทางเดินปัสสาวะและนวัตกรรม UROLIFT สอดรับกับเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดการดูแลสุขภาพผู้ชายทั่วโลก เทรนด์ Heconomy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยกำลังซื้อของผู้ชาย หลังข้อมูลพบว่าผู้ชายหันมาตื่นตัวเรื่องสุขภาพและลงทุนกับการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลโรคภัยมากยิ่งขึ้น 

นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อหลากหลายโรคที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ชายทั่วโลกอย่างมาก โดยสถิติพบว่าโรคต่อมลูกหมากโต พบได้ถึง 50% ในผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป และถึง 80% ในผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไปแม้ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงจนทำให้เสียชีวิต แต่อาการแทรกซ้อนจากโรคนี้ ทำให้ผู้ชายเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นกัน 

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ให้เห็นว่า ผู้ชายมีอายุเฉลี่ยที่ 73.5 ปี ในขณะที่ผู้หญิงมีอายุเฉลี่ยถึง 80.5 ปี ซึ่งมาจากหลายปัจจัย แต่หนึ่งในนั้นคือโรคเรื้อรังจากพฤติกรรมและโรคเฉพาะทาง โดยเฉพาะความผิดปกติของต่อมลูกหมากและมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่ชายไทยเป็นจำนวนมาก  

นวัตกรรม “UROLIFT” ความหวังใหม่รักษาต่อมลูกหมากโต

อาการผิดปัสสาวะผิดปกติ เสี่ยงต่อมลูกหมากโต

นพ.วรพงษ์ เลิศวีระศิริกุล หัวหน้าศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลวิมุต โรคต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostate Hyperplasia) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมาก ซึ่งหุ้มอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะ มีขนาดใหญ่ขึ้นจนไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้เกิดปัญหาอาการปัสสาวะผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่ง ไม่พุ่ง ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะบ่อย ต้องลุกมาปัสสาวะกลางดึกหลายครั้ง

 รวมถึงการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อรีบหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตได้

" โรคต่อมลูกหมากโตเป็นปัญหาสุขภาพที่สัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น จึงเป็นโรคที่เราป้องกันไม่ได้ ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป คงรตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำ คนที่เป็นต่อมลูกหมากโตจะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ประมาณ 20% เมื่อปัสสาวะไม่สามารถออกได้หมด แบคทีเรียก็สะสมและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ บางกรณีอาจเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ที่สำคัญคือการปล่อยให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบและไตเสื่อมลงจนเกิดความเสียหายถาวร"

การรักษาต่อมลูกหมากโต

การรักษาด้วยยาในกลุ่มคลายกล้ามเนื้อบริเวณต่อมลูกหมาก (alpha-blocker) และกลุ่มลดขนาดต่อมลูกหมาก ทั้งนี้หากการรักษาด้วยยาแล้วยังไม่ได้ผลที่น่าพอใจหรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัด โดยมากจะทำผ่านการส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะ ใช้เวลาพักฟื้นสั้น

โดยวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่

1. TURP (Transurethral Resection of Prostate) เป็นการผ่าตัดโดยใช้หัวตัดไฟฟ้า ถือเป็นวิธีที่แพร่หลายที่สุด ใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วัน เหมาะกับต่อมลูกหมากโตขนาดปานกลางถึงใหญ่

2. Laser Prostate เป็นการผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ เหมาะสำหรับต่อมลูกหมากที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน 

3. Water Vapor Therapy เป็นการผ่าตัดด้วยระบบไอน้ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รักษาโดยการฉีดไอน้ำที่มีอุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียลเข้าไปที่เซลล์ต่อมลูกหมากเพื่อทำลายเนื้อเยื่อในต่อมลูกหมาก วิธีนี้เหมาะสำหรับต่อมลูกหมากขนาดเล็กถึงปานกลาง มีข้อดีเรื่องระยะการพักฟื้นที่สั้นกว่า ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและพักไม่เกิน 1 วัน 

4. นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง UROLIFT (ยูโรลิฟต์) ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กมากมายึดติดกับต่อมลูกหมากถาวรเพื่อดึงเนื้อเยื่อให้ถ่างออกจากท่อปัสสาวะ 

UROLIFT เป็นวิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ตั้งแต่ปี 2556 และได้รับการอนุมัติจาก อย. ไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยใช้เวลาผ่าตัดเพียง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ข้อดีคือเป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาการปัสสาวะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการผ่าตัดแบบใดมากที่สุด

เคล็ดลับ 4 เริ่มและ 4 เลิกดูแลสุขภาพ

เคล็ดลับ 4 เริ่ม:

  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างระบบทางเดินปัสสาวะและสุขภาพเพศชายโดยรวม
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ
  • รักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโตและปัญหาสุขภาพอื่นๆ

เคล็ดลับ 4 เลิก:

  • เลิกบุหรี่ บุหรี่มีสารเคมีที่ทำลายสุขภาพทุกส่วนของร่างกาย
  • เลิกดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป
  • เลิกรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
  • เลิกนอนดึก การนอนไม่พอเพียงทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อโรคมากมาย