Top3 ศัลยกรรมความงาม รพ.ยันฮี เจาะกลุ่ม CLMV
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากดูดี มีสุขภาพที่ดี ส่งผลให้ “ธุรกิจสุขภาพและเวสเนส (Health & Wellness)” เป็นธุรกิจที่มาแรงทั้งในระดับโลกและในไทยเอง โดยเฉพาะธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามที่นับวันยิ่งเติบโตมากขึ้น
KEY
POINTS
- รพ.ยันฮี มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพ เพิ่มศัลยกรรมทางการแพทย์ นำนวัตกรรมทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการดูแลบริการด้านศัลยกรรมและความสวยความงาม
- ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราการเติบโตของโรงพยาบาล 4-5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันมีการเติบโตประมาณ 2-3 % ต่อปี
- ในปี 2567 และอีก3 ปีข้างหน้า มุ่งไปยังกลุ่มตลาดประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มากขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติมาใช้บริการประมาณ 40%
ในยุคที่ใครๆ ก็อยากดูดี มีสุขภาพที่ดี ส่งผลให้ “ธุรกิจสุขภาพและเวสเนส (Health & Wellness)” เป็นธุรกิจที่มาแรงทั้งในระดับโลกและในไทยเอง โดยเฉพาะธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามที่นับวันยิ่งเติบโตมากขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สะท้อนตัวเลขประเมินถึงมูลค่าธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยปี 2566 อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3 – 3.6%
ขณะที่ ข้อมูล SCB EIC Health & Wellness survey 2023 ระบุว่า ธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามมีโอกาสเติบโตสูงจากกระแสนิยมของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+ และคนที่ทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ทำมากกว่า 1 ประเภท และในปีที่ผ่านมาธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามของไทย ถือเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ตลาดคลินิกศัลยกรรมความงามไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“โรงพยาบาลยันฮี” หนึ่งในโรงพยาบาลด้านความสวยศัลยกรรมความงามและรักษาผู้ป่วยทั่วไป มาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยคุณภาพระดับโลก ศัลยกรรมให้สวย และรักษาสุขภาพครบวงจร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไทย 'ฮับศัลยกรรม' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง
Top 3 รพ.ศัลยกรรมความงามของไทย
“ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา” กรรมการบริษัทโรงพยาบาลยันฮี ซึ่งถือเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 รับช่วงต่อจาก “นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา” ผู้ก่อตั้งว่าโรงพยาบาลยันฮี เป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามที่ตั้งเป้าจะเป็น Top 3 ของประเทศไทย ในปี 2569 ซึ่งในขณะนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้ผู้คนเข้าถึงการรักษาได้อย่างดีขึ้น บางคนอาจจะไม่ต้องไปผ่าตัด เพียงทำหัตถการก็สามารถทำให้ตัวเองสวยหล่อ ดูดีได้ตามที่ต้องการ
“ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน กำลังมาแรงอย่างมาก และในการดูแลเรื่องของความสวยความงาม ไม่ใช่เพียงการศัลยกรรมเท่านั้น แต่มีเรื่องของ Wellness การใช้เลเซอร์ สกินแคร์ต่างๆ รวมทั้งการมีแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค และนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้น เป็นการชะลอวัยก่อนที่จะแก่ และเน้นการป้องกันโรคตามเทรนด์สุขภาพ” ทพญ.สุชาวดี กล่าว
ทพญ.สุชาวดี กล่าวต่อว่าก่อนที่จะมีการนำนวัตกรรม หรือการดูแลความสวยความงาม ศัลยกรรมและสุขภาพของผู้บริโภคนั้น จะมีการประชุมหารือร่วมกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเป็นผู้ร่วมคัดสรรเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะนำเข้ามาโดยต้องผ่านมาตรฐานระดับสากล JCI. (Joint Commission International) ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ว่าเป็นเครื่องหมายรับรองถึงโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้ง การบริการที่อบอุ่นเป็นกันเอง ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการรักษา มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรค
ตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเติบโต 4-5%
“ภาพรวมของตลาดศัลยกรรมความสวยความงาม เติบโตประมาณ 2-3% ต่อปี โดยในส่วนของรพ.ยันฮี ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราการเติบโตของโรงพยาบาล 4-5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันมีการเติบโตประมาณ 2-3 % ต่อปี และปี 2567 นี้ ได้กำหนดมูลค่าธุรกิจไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายมูลค่าธุรกิจที่ตั้งไว้ได้เนื่องจากเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งตลาดศัลยกรรมความงามมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เพราะไม่ใช่แข่งขันเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลเท่านั้น แต่มีคลินิกความสวยความงาม คลินิกศัลยกรรมเปิดขึ้นทั่วประเทศ รวมคลินิกและโรงพยาบาลความงามเกือบ 4,000 แห่ง” ทพญ.สุชาวดีกล่าว
ทพญ.สุชาวดี กล่าวต่อไปว่า รพ.ยันฮี ได้กำหนดกลยุทธ์ของโรงพยาบาล ตามความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเทรนด์สุขภาพใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนทั่วโลก ซึ่งรพ.ยันฮี มีผู้เข้ามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความสวยความงามและดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ จะเป็นคนไทย 70% และชาวต่างชาติ 30%
ในปี 2567 และอีก3 ปีข้างหน้า จะมุ่งไปยังกลุ่มตลาดประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มากขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนชาวต่างชาติมาใช้บริการประมาณ 40% โดยขณะนี้ได้มีการโรดโชว์ไปยังประเทศกัมพูชามากขึ้น
“ปัจจุบันมีชาวต่างชาติ อย่าง ชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ชาวUAE จากประเทศแถบเอเชียใต้ อาทิ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล ศรีลังกาและเมียนมามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความงามจำนวนมาก แต่ด้วยภาวะภายในประเทศของเมียนมาเอง ทำให้มีเมียนมาใช้บริการน้อยลง รพ.ยันฮี จะขยายการทำโรดโชว์ การประชาสัมพันธ์ มีล่ามไว้บริการถึง 12 ภาษา สร้างความร่วมมือกับพาสเนอร์หรืออีเจนซี่ในการบุกตลาดต่างชาติ อย่าง CLMV มากขึ้น อีกทั้งแพทย์ไทยมีศักยภาพ มีความเชี่ยวชาญ ชื่อเสียงทั้งด้านมาตรฐาน คุณภาพ”ทพญ.สุชาวดี กล่าว
เล็งขยายเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพสูงวัย
รวมถึงจะมีการพัฒนานำนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามารองรับการให้บริการทางด้านการแพทย์และศัลยกรรมความงาม พร้อมทั้งการเพิ่มเติมทีมแพทย์และบุคลากรด้านความสวยความงาม ซึ่งในขณะนี้มีทีมแพทย์ทั้งหมด 20 ท่าน จะขยายพื้นที่ภายในโรงพยาบาล เปิดการบริการใหม่ๆ และอีก 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าจะเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ จำนวน 400 เตียง เพื่อช่วยดูแล ส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันให้แก่ผู้สูงอายุมากขึ้น
นอกจากนั้น ในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มการบริการให้แก่กลุ่มความหลากหลายทางเพศ และคนข้ามเพศ ทั้งการผ่าตัดแปลงเพศ หรือการผ่าตัดหน้าตัด เสริมหน้าอก ผ่าตัดมดลูก ซึ่งมีชาวต่างชาติบินมาใช้บริการจำนวนมาก เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้มาตรฐาน และค่าใช้จ่ายที่ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง และทีมแพทย์ บุคลากรดูแลดี บริการด้วย
“จมูก ตา” ศัลยกรรมยอดฮิต
ทพญ.สุชาวดี กล่าวอีกว่าเทรนด์การศัลยกรรมในรพ.ยันฮี 90% ยังคงเป็นผู้หญิง และ10%จะเป็นผู้ชาย โดยศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากโดยตลอด จะเป็นการศัลยกรรมจมูก ตามมาด้วย ตา การเสริมหน้าอก การดูดไขมัน และการทำหัตถการเกี่ยวกับผิวพรรณ เลเซอร์ยกกระชับ หน้าใส ถ้าเด็กรุ่นใหม่ จะสนใจการทำจมูก ตา และการดัดฟันพร้อมตัดขากรรไกร ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุจะมีสนใจเรื่องของการทำตาดึงหน้า ยกกระดับ และมีการปรับโครงสร้างใบหน้า ซึ่งผู้เข้ามาใช้บริการที่รพ.ฮันฮี จะมาทำศัลยกรรม 60% และมารักษาโรคทั่วไป 40%
"รพ.ยันฮี มุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพ เพิ่มเติมศัลยกรรมทางการแพทย์ และมีการนำนวัตกรรมทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการดูแลความสวยความงาม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็งของโรงพยาบาลเพื่อความงาม เรามีประสบการณ์มากว่า 40 ปี มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง”ทพญ.สุชาวดี กล่าว
นอกจากนั้น เรื่องของการดูแล รักษา ป้องกันสุขภาพแล้ว ยังมองไปถึงตลาด Non Hospital นั่นคือ ตลาดรวมเครื่องดื่มวิตามินที่ในปัจจุบันมีมูลค่า 5,500 ล้านบาท ซึ่งยันฮีมีส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินอยู่ในอันดับต้นๆ ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจรพ.และธุรกิจในเครือ แบ่งเป็น รพ. 65 % ยาในไทย 20 %และวิตามินวอเตอร์ 15%
สร้างมาตรฐาน เชื่อมั่นศัลยกรรมไทย
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลและคลินิกศัลยกรรม ความสวยความงามจำนวนมาก จุดที่จะทำให้แข็งขันและอยู่รอดได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการบริการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ยิ่งในขณะนี้ รพ.ยันฮี มุ่งเน้นการศัลยกรรมตกแต่ง อย่าง การแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย ซึ่งส่วนใหญ่จะมาผ่าตัดลดเต้านมมากที่สุด และการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง โดยค่าใช้จ่ายประมาณ 2-3 แสนบาท อย่างปีนี้ มีการผ่าตัดแปลงเพศไปแล้ว 100 กว่าคน
ทพญ.สุชาวดี กล่าวด้วยว่าปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้คนสนใจเรื่องของการศัลยกรรมและความสวยความงามมากขึ้น ส่วนหลักมาจากทีมแพทย์ของไทย ซึ่งจะมีความประณีต มีประสบการณ์ เชื่อถือได้ คุณภาพ มาตรฐาน การบริการที่ดี รวมถึงความอยากดูดีของผู้คน เทรนด์การดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพ และค่าใช้จ่ายในเรื่องของศัลยกรรม ความสวยความงามเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
“ไทยเป็นฮับศัลยกรรมความงามอยู่แล้ว เพราะเรามีความพร้อมในหลายๆ ด้าน อีกทั้งภาครัฐเองให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องของการโรดโชว์ในต่างประเทศ หรือการเปิดโอกาสให้ไปแลกเปลี่ยนต่างๆ ทำการตลาดให้ชาวไทยและชาวต่างชาติรู้สึกปลอดภัย และเชื่อมั่นในเรื่องศัลยกรรมของประเทศไทย”ทพญ.สุชาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 40 ปี รพ.ยันฮีได้จัดโครงการ “ผ่าตัดรักษาต้อเนื้อฟรี” เพื่อตอบแทนสังคม จำนวน 20 ราย เพื่อเข้ารับการผ่าตัดรักษา โดยทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท พร้อมวางยุทธศาสตร์การเติบโตที่ชัดเจน มุ่งเน้นการขยายบริการเฉพาะทางที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมความงามและการฟื้นฟูสุขภาพ ควบคู่ไปกับการเพิ่มบริการตรวจสุขภาพเชิงรุก