เช็กเลย! สมองซีกซ้าย สมองซีกขวา คุณมีความถนัด..ใช้สมองซีกไหน?

เช็กเลย! สมองซีกซ้าย  สมองซีกขวา คุณมีความถนัด..ใช้สมองซีกไหน?

หลายคนคงกำลังมองหาความถนัดของตนเอง เพราะต่อให้อายุมากขึ้น ทำงานมามากมาย หรือใช้ชีวิตมา แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำอยู่ทุกๆ วันนั้น เป็นความถนัดของเราจริงๆ หรือไม่

KEY

POINTS

  • สมองทั้ง 2 ซีกทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะข้างซ้าย-ขวาสลับข้างกัน โดยสมองซีกซ้ายทำควบคุม สั่งการการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกขวา สมองซีกขวาควบคุม สั่งการการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกซ้าย
  • วิธีการพัฒนาสมองซีกซ้าย ควรเล่นเกมที่ใช้ทักษะความคิด เช่น รูบิค หมากรุก ครอสเวิร์ด เป็นต้น เพื่อฝึกการวางแผน การคิดให้เป็นระบบ
  • ส่วนการพัฒนาสมองซีกขวา ควรให้ลูกทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ อย่างเช่น วาดรูป ทำงานศิลปะ เล่นดนตรี เพื่อทำให้สมองส่วนนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

หลายคนคงกำลังมองหาความถนัดของตนเอง เพราะต่อให้อายุมากขึ้น ทำงานมามากมาย หรือใช้ชีวิตมา แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำอยู่ทุกๆ วันนั้น  เป็นความถนัดของเราจริงๆ หรือไม่?

ว่ากันว่า “สมองซีกซ้าย สมองซีกขวา” กำหนดความถนัด บุคลิกภาพ และพฤติกรรมของบุคคล ผู้ที่ถนัดใช้สมองซีกซ้ายมักมีความสามารถด้านตัวเลข ตรรกะ หรือการคิดวิเคราะห์

ขณะที่ผู้ที่ถนัดใช้สมองซีกขวามักมีความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะการสื่อสาร หรือจินตนาการ แท้จริงแล้วความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่ แม้สมองส่วนต่าง ๆ มีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน แต่สมองทุกส่วนต่างทำงานเชื่อมโยงประสานกันเป็นองค์รวม

“สมอง” เป็นอวัยวะที่ซับซ้อน แม้จะมีน้ำหนักแค่ประมาณ 1.3 กิโลกรัม แต่ก็ประกอบด้วยเซลล์ประสาทกว่าแสนล้านเซลล์ และมีส่วนเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทถึงร้อยล้านล้านส่วน สมองของเราแบ่งออกเป็น 2 ซีก ได้แก่ สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวา โดยสมองแต่ละซีกก็ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายที่แตกต่างกันออกไป

แม้สมองทั้งสองซีกจะดูคล้ายคลึงกัน แต่วิธีการประมวลข้อมูลของสมองทั้งสองซีกก็แตกต่างกันมาก แต่ถึงอย่างนั้น สมองสองซีกของเราก็ไม่ได้ทำงานแยกกันโดยสิ้นเชิงแบบที่ใครหลายคนเข้าใจ โดยปกติแล้ว สมองแต่ละส่วนจะเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใยประสาท (nerve fibers) หากสมองได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อของสมองแต่ละส่วนหรือแต่ละซีก ร่างกายของคุณก็จะยังสามารถทำงานต่อไปได้ แต่การสอดประสานกันก็อาจจะไม่ดีเท่าปกติ หรือทำให้ร่างกายทำงานบกพร่องไปบ้าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เช็กเลย!ความเชื่อเรื่องโรคทางสมองและการเคลื่อนไหว เรื่องไหนจริงบ้าง?

โรคสมองเสื่อมในคนอายุน้อย วัยทำงานพึงระวัง!!

สมองทำงานอย่างไร?

รศ.พญ. ภิรดี สุวรรณภักดี กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการด้านกุมารเวชศาสตร์ประสาทวิทยา โรงพยาบาลเมดพาร์ค อธิบายผ่านบทความว่าสมอง (Brain) เป็นอวัยวะที่มีการทำงานที่ซับซ้อน ทำหน้าที่ควบคุม เชื่อมโยงการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเข้าไว้ด้วยกันทั้งประสาทสัมผัส การหายใจ การมองเห็น ความจำ การรับรู้ ความคิด ความหิว การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย และการตอบสนองทางร่างกาย

ภายในสมองมีเซลล์ประสาท  3 ชนิดที่ทำหน้าแตกต่างกัน ทั้งเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (Sensory neurons) เซลล์ประสาทสั่งการ (Motor neurons) และเซลล์ประสาทประสานงาน (Interneurons) ที่ทำหน้าที่รับข้อมูล ประมวลผล และแปรผลสิ่งที่สัมผัสหรือมองเห็น จากนั้นจึงส่งสัญญาณข้อมูลไปยังระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system: CNS) และไขสันหลังผ่านการกระตุ้นและเหนี่ยวนำของคลื่นไฟฟ้าและสารเคมีในร่างกายไปยังเครือข่ายของเซลล์ประสาทเชื่อมโยงทั่วร่างกายเพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า

สมองมีกี่ส่วน?

สมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วน มีเซลล์ประสาทมากกว่า 1 แสนล้านเซลล์และมีเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่เชื่อมโยง รับข้อมูล และส่งสัญญาณระหว่างสิ่งเร้าภายนอกเข้าสู่เซลล์ประสาทรับความรู้สึกภายในถึงกว่า 100 ล้านล้านเซลล์เพื่อประมวลผล โดยสมองแต่ละส่วนมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

  • ซีรีบรัม (Cerebrum)

เป็นสมองส่วนที่ใหญ่ที่สุด หรือเรียกว่าซีกสมองใหญ่ (Cerebral hemisphere) ตั้งอยู่บริเวณส่วนหน้า ด้านบนของกะโหลกศีรษะ แบ่งออกเป็น 2 ซีก สมองซีกซ้าย (Left cerebral hemisphere) และสมองซีกขวา (Right cerebral hemisphere) ที่ทำหน้าที่แปรผลข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสการรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียง เป็นสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึก การใช้เหตุผล และการเรียนรู้ เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคิด การเรียงลำดับความคิด และนำไปสู่การลงมือทำ

  • ซีรีเบลลัม (Cerebellum) หรือสมองน้อย

คือ สมองส่วนที่อยู่ด้านหลังของกะโหลกศีรษะ อยู่เหนือและด้านหลังส่วนที่เชื่อมกับไขสันหลังที่ควบคุมการทรงตัวและสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การหายใจ การย่อยอาหาร และการกลืนโดยการรับคำสั่งจากเซลล์ประสาทสั่งการที่ถ่ายทอดไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

  • ก้านสมอง (Brainstem)

คือสมองส่วนที่อยู่ล่างสุด มีลักษณะเป็นก้านอยู่ด้านล่างที่เชื่อมต่อสมองส่วนอื่นกับไขสันหลัง ก้านสมองส่งสัญญาณการรับรู้และสั่งการไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงาน เช่น การหายใจ อุณหภูมิร่างกาย การควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย วงจรการนอนหลับ และการควบคุมการทำงานของจิตใต้สำนึก

ทฤษฎีสมองซีกซ้าย ซีกขวา คืออะไร?

ทฤษฎีสมองซีกซ้าย สมองซีกขวาเป็นทฤษฎีที่ใช้อธิบายหน้าที่และการทำงานที่แตกต่างกันของสมองส่วนซีรีบรัม (Cerebrum) ทั้ง 2 ซีกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา (Neuropsychologist) โรเจอร์ สเพอร์รีย์ (Dr. Roger W. Sperry) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีระวิทยาและการแพทย์ในปี ค. ศ. 1981 ที่ค้นพบทฤษฎีการเรียนรู้ หน้าที่ และการควบคุมอวัยวะที่แตกต่างกันของสมองซีกซ้าย (Left Hemisphere) และสมองซีกขวา (Right Hemisphere)

โดยพบว่าสมองทั้ง 2 ซีกทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะข้างซ้าย-ขวาสลับข้างกัน (Bilaterally symmetric) สมองซีกซ้ายทำหน้าที่ควบคุม สั่งการการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกขวา สมองซีกขวาควบคุม สั่งการการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกซ้าย สมองทั้ง 2 ซีกยังกำหนดคุณลักษณะ ความถนัดเฉพาะ ความคิด และพฤติกรรมส่วนบุคคลในภาพรวมอีกด้วย

สมองซีกซ้าย สมองซีกขวาทำงานแยกกันหรือไม่?

สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาประกอบด้วยกลีบสมองข้างละ 6 กลีบ สมองแต่ละซีกมีทั้งส่วนที่ทำหน้าที่ร่วมกันและแยกกัน แต่ไม่ขาดกันออกจากกัน สมองทั้ง 2 ซีกทำงานเชื่อมโยงประสานกัน และสามารถสื่อสารถึงกันผ่านใยประสาท (Nerve fiber) ในส่วนที่เรียกว่า คอร์ปัส แคลโลซัม (Corpus callosum) ในกรณีที่สมองซีกใดซีกหนึ่งได้รับบาดเจ็บ สมองอีกซีกยังสามารถทำงานได้ตามปกติโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการสื่อสารจากสมองซีกที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

สมองซีกซ้าย สมองซีกขวา ทำหน้าที่อย่างไร?

ตามทฤษฎีการทำงานของสมองของ Dr. Sperry สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาควบคุมการทำงานของอวัยวะร่างกายต่างกัน รวมถึงกำหนดความถนัดเฉพาะบุคคล ความคิด และพฤติกรรม คุณลักษณะของสมองทั้ง 2 ซีกมีดังต่อไปนี้

  • สมองซีกซ้าย

สมองซีกซ้ายทำหน้าที่รับข้อมูลและควบคุมการใช้ภาษา การประมวลคำศัพท์ การสร้างประโยค และการใช้คำพูดในการสื่อสาร ตรรกะ ทักษะด้านตัวเลข วิทยาศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ ความเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน รวมถึงทักษะด้านการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน สมองซีกซ้ายทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือขวา และร่างกายซีกขวา คุณลักษณะของสมองซีกซ้าย ได้แก่

  • ตรรกะ
  • ข้อเท็จจริง
  • การคิดวิเคราะห์
  • การให้เหตุผล การคิดที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน
  • การจัดลำดับความคิด
  • การคิดคำพูด การพูด
  • คณิตศาสตร์ ตัวเลข การคำนวณ
  • วิทยาศาสตร์
  • การวางกลยุทธ์
  • การแก้ปัญหา

 

  • สมองซีกขวา

สมองซีกขวาทำหน้าที่ควบคุมการรับรู้เชิงมิติสัมพันธ์ (Spatial ability) การมองเห็นภาพแบบ 3 มิติ การประมวลผลภาพ การจัดลำดับทางความคิด ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ จินตนาการ การจดจำใบหน้า ผัสสะด้านดนตรี สุนทรียศาสตร์ บริบทการสื่อสาร การตีความภาษากาย สัญลักษณ์ทางสังคม สมองซีกขวาทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือซ้าย และร่างกายซีกซ้าย คุณลักษณะของสมองซีกขวาได้แก่

  • ความจำ
  • ความคิดสร้างสรรค์
  • จินตนาการ
  • การคิดแบบองค์รวม หรือการมองเชิงภาพรวม (Big picture)
  • สัญชาตญาณ การหยั่งรู้
  • สามัญสำนึก
  • ศิลปะ
  • ดนตรี จังหวะ
  • การรับรู้ภาษากาย
  • ความเข้าใจสัญลักษณ์ต่าง ๆ
  • การประมวลผลต่อสิ่งที่มองเห็น
  • การตอบสนองทางอารมณ์

ทั้งนี้  การเลี้ยงลูกนั้นจะต้องพัฒนาลูกในทุกๆ ด้าน ทั้งร่างกายและสมอง วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของสมองกันค่ะ โดยสมองนั้นแบ่งเป็น 2 ซีกคือ ซ้ายกับขวาที่ทำงานกันคนละด้าน ไปดูกันดีกว่าว่าสมองแต่ละด้านทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้าง พร้อมกับวิธีการพัฒนาสมองให้เจ้าตัวเล็ก

สมองซีกซ้าย เป็นสมอง “ส่วนของการตัดสิน” คือ ทำหน้าที่ในเรื่องของการใช้ภาษา การเขียน การอ่าน ทักษะด้านตัวเลข การใช้เหตุผล การควบคุม การพูด ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ การควบคุมการทำงานของมือขวา

สมองซีกขวา เป็นสมอง “ส่วนของการสร้างสรรค์” คือ ทำหน้าที่ในเรื่องของศิลปะ ความเข้าใจการเห็นภาพสามมิติ ความรู้สึกดื่มด่ำต่อศิลปะ ความมีสุนทรียะด้านดนตรี เพลง และการใช้จินตนาการในการดำเนินชีวิต รวมทั้งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือซ้าย

วิธีการพัฒนาสมอง

  • วิธีการพัฒนาสมองซีกซ้าย ควรให้ลูกเล่นเกมที่ใช้ทักษะความคิด เช่น รูบิค หมากรุก ครอสเวิร์ด เป็นต้น เพื่อฝึกการวางแผน การคิดให้เป็นระบบ

  • วิธีการพัฒนาสมองซีกขวา ควรให้ลูกทำกิจกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ อย่างเช่น วาดรูป ทำงานศิลปะ เล่นดนตรี เพื่อทำให้สมองส่วนนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ถ้าอยากพัฒนาทั้งสองด้านพร้อมกันก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยกิจกรรมมือซ้ายจับหู-มือขวาจับจมูกสลับกันไป หรือการวาดรูปทั้งสองมือพร้อมกัน แต่เป็นคนละรูป เช่น มือซ้ายวาดสามเหลี่ยม มือขวาวาดวงกลม เป็นต้น

ทฤษฎีสมองซีกซ้าย ซีกขวา มีข้อเท็จจริงอย่างไร?

จากรายงานผลการวิจัยผู้เข้าร่วมทดสอบกว่า 1,000 คนแบบไม่เจาะจงบุคลิกภาพ โดยทำการสแกนสมองในตำแหน่งต่าง ๆ กว่า 7,000 ตำแหน่ง พบว่าผู้เข้าร่วมทดสอบต่างใช้สมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ในงานวิจัยพบว่าผู้เข้าทดสอบบางคนมีความถนัดในงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่า

ในขณะที่ผู้เข้าทดสอบบางคนมีความถนัดในงานที่ใช้การคิดวิเคราะห์มากกว่า ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะสมองซีกหนึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า หรือด้อยกว่า แต่ด้วยทักษะการทำงานในชีวิตประจำวันที่ทำให้บุคคลเกิดความชำนาญในทักษะนั้นมากกว่าทักษะอื่น ซึ่งหากบุคคลได้รับการฝึกฝนทักษะที่ไม่ชำนาญ อย่างต่อเนื่อง สมองก็จะได้รับการกระตุ้นการเรียนรู้และเกิดความชำนาญในทักษะนั้นได้ในที่สุด

เราจะลับสมองซีกซ้าย สมองซีกขวาได้อย่างไร?

เป็นเรื่องปกติที่บุคคลมีทักษะบางอย่างโดนเด่น ในขณะที่ทักษะบางอย่างด้อยกว่า แท้จริงแล้วบุคคลสามารถฝึกฝนทักษะที่ไม่ชำนาญให้เก่งขึ้นได้ด้วยการฝึกฝนทักษะที่ไม่ชำนาญนั้นอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้สมองตื่นตัว เกิดการเรียนรู้ และเกิดความชำนาญในทักษะนั้น ตัวอย่างวิธีการฝึกลับสมองมีดังต่อไปนี้

  • เป็นผู้ไม่หยุดเรียนรู้ เป็นนักเรียนรู้ไปตลอดชีวิต (Lifelong learning)
  • ฝึกนิสัยการเป็นผู้รักการอ่าน ฝึกทักษะการฟัง การพูด และการเขียน
  • การเข้าชั้นเรียนใหม่ ๆ เพื่อลับสมองอีกซีกหนึ่ง เช่น หากเป็นผู้ที่ถนัดตัวเลข ลองเข้าชั้นเรียนศิลปะ หรือดนตรี
  • ฝึกเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) เกมต่อจิ๊กซอว์ (Jigsaw puzzle) เกมซูโดกุ (Sudoku) หรือเกมสะกดคำ (Spelling bee)
  • เล่นเกมฝึกความจำ เกมกระดาน เกมการ์ด หรือเกมออนไลน์
  • ฝึกวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ หรือวิธีการทำงานใหม่ ๆ
  • ฝึกการจดจำรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ
  • สอนทักษะที่ตนชำนาญแก่ผู้อื่น
  • ฝึกการพูดต่อหน้าคนหมู่มาก
  • ฝึกการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในสังคม
  • ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ การคิดเลขเร็ว
  • เข้าคลาสเรียนภาษาใหม่ ๆ
  • เข้าคลาสเรียนการเต้นจังหวะต่าง ๆ
  • เข้าคลาสเรียนดนตรี
  • ฝึกการทำสมาธิ

สมองซีกซ้ายขวา สามารถกระตุ้นพัฒนาการได้หรือไม่?

สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาสามารถกระตุ้นพัฒนาการได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • ฝึกฝนทักษะการคิด และการเรียนรู้ตลอดเวลา
  • ฝึกการเข้าสังคม พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น
  • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารไขมันสูง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก การสูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ไม่เครียด และรู้จักผ่อนคลาย

สมองซีกซ้ายสมองซีกขวา พัฒนาพร้อมกัน สู่ความเป็นเลิศ

แม้สมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาจะกำหนดความถนัดและควบคุมอวัยวะต่างกัน แต่สมองทั้ง 2 ซีกทำงานเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างล้ำลึก หากนักฟิสิกส์ปราศจากจินตนาการ สมมุติฐานนั้นคงไม่สามารถต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้ เช่นเดียวกันกับนักออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการแต่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง สิ่งที่ออกแบบก็คงไม่สามารถสร้างให้สำเร็จได้เช่นกัน

ความเป็นเลิศของบุคคล ไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของสมองซีกใดซีกหนึ่ง แต่อยู่ที่การทำงานส่งเสริมกันและกันของสมองทั้ง 2 ซีกที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของบุคคลให้ดีเลิศ สมองทั้ง 2 ซีก จึงควรได้รับการพัฒนาไปพร้อม ๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการรอบด้านให้ได้ผลการทำงานที่ดีขึ้น เพื่อที่บุคคลจะสามารถใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อ้างอิง:โรงพยาบาลเมดพาร์ค ,สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข