'ภาระหน้าที่ในครอบครัว' ปัจจัยเสี่ยง 'หญิงไทย' เป็นมะเร็งสูง

'ภาระหน้าที่ในครอบครัว'  ปัจจัยเสี่ยง 'หญิงไทย' เป็นมะเร็งสูง

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลในเดือนมีนาคมปีนี้ที่ทั่วโลกเฉลิมฉลองภายใต้ธีม “Accelerate Action” หรือการเร่งลงมือทำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

KEY

POINTS

  • มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมเป็น 2ใน5 อั

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลในเดือนมีนาคมปีนี้ที่ทั่วโลกเฉลิมฉลองภายใต้ธีม “Accelerate Action” หรือการเร่งลงมือทำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ส่งเสริมสิทธิสตรีและความเท่าเทียมในสังคม โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) และ โรช ไทยแลนด์ จัดงานเสวนาในหัวข้อ “ร่วมส่งเสียงสตรีให้มีพลัง เพื่อผลักดันสุขภาพสตรีไทย” มุ่งเน้นความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนการตรวจคัดกรองเพื่อสุขภาพหญิงไทย

สถานการณ์โรคมะเร็งในผู้หญิงไทยที่กำลังเผชิญในปัจจุบันพบว่า ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง หรือสาธารณสุข โดยเฉพาะในบทบาทของผู้ดูแลครอบครัว ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจด้านสุขภาพ 

ข้อมูลล่าสุดจาก Roche Diagnostics APAC Women Health Survey 2025 ในผู้หญิงภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อายุ 25-50 ปี มากกว่า 300 ราย ระบุว่า ร้อยละ 28 ของผู้หญิงไทยเคยเลื่อนหรือหลีกเลี่ยงการรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากภาระหน้าที่ในครอบครัว โดยประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย ใน 8 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก 

นอกจากนี้ มากกว่าร้อยละ 802 ของผู้หญิงในประเทศโลกตะวันตกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการดูแลสุขภาพของครอบครัว ยิ่งกว่านี้ ผู้หญิงยังเป็นกำลังหลักในระบบสาธารณสุข โดยร้อยละ 66 ของผู้ดูแลคนป่วยในครอบครัวทั่วโลกคือผู้หญิง และร้อยละ 71 ของบุคลากรทางการแพทย์ก็คือผู้หญิงเช่นกัน อีกทั้งยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครอบครัวสูงถึงร้อยละ 70 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

"dBreast" แอปพลิเคชั่นผู้ช่วยแพทย์รักษาผู้ป่วย-ทำงานวิจัยมะเร็งเต้านม

เดือนแห่งรณรงค์“มะเร็งเต้านม”  ดูแลแบบองค์รวมครบ 360 องศา

ร้อยละ 27.8 หญิงไทยไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม

อย่างไรก็ตาม ภาระเหล่านี้ทำให้ผู้หญิงไทยละเลยสุขภาพของตนเอง ส่งผลให้อัตราการเกิดมะเร็งในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดจาก Economist Impactเผยว่า ร้อยละ 27.8 ของผู้หญิงไทยไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และร้อยละ 24.9 ไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สาเหตุหลักมาจากการขาดความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจสุขภาพ และความกังวลเกี่ยวกับผลตรวจ

ปัจจุบัน มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมเป็นสองในห้าอันดับแรกของโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากที่สุด แม้ว่าการตรวจคัดกรองจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาได้ แต่หลายคนยังลังเลหรือไม่สามารถเข้าถึงบริการตรวจสุขภาพได้อย่างทั่วถึง ข้อมูลล่าลุดระบุว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงไทยมองว่าการตรวจคัดกรองเป็นเรื่องที่ไม่เร่งด่วน ทำให้พลาดโอกาสในการป้องกันและรักษาโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

\'ภาระหน้าที่ในครอบครัว\'  ปัจจัยเสี่ยง \'หญิงไทย\' เป็นมะเร็งสูง

มะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้หญิงไทย

ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย เปิดเผยว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในผู้หญิงไทย มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้วันละ 13 คน ที่น่าตกใจคือ ประมาณร้อยละ 85 ของผู้หญิงที่ยังมีเพศสัมพันธ์เคยติดเชื้อ HPV และมากกว่าร้อยละ 99 ของผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูกมาจากการติดเชื้อนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่จะช่วยให้พบความผิดปกติของมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงต่อการพบมะเร็งในระยะลุกลามและเสียชีวิต

ผลสำรวจดังกล่าว พบว่า ร้อยละ 55 เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 12 วางแผนจะไปตรวจ ที่น่ากังวล คือ อีกร้อยละ 33 ไม่ต้องการตรวจคัดกรองเลย เนื่องจากกลัวเจ็บและอาย ดังนั้น จึงมีวิธีการที่ช่วยให้ผู้หญิงก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้โดยการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเอง (Self-Sampling HPV Test) พบว่า ร้อยละ 65 ของสตรีที่ทำการสำรวจเห็นด้วยว่าการตรวจคัดกรองด้วยตัวเองนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 

ซึ่งผลจากการศึกษาระดับนานาชาติและการศึกษาของสมาคมมะเร็งนรีเวชไทยพบว่าการเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อ HPV ด้วยตนเองและโดยแพทย์นั้น มีประสิทธิภาพทัดเทียมกัน ข้อมูลเหล่านี้ จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสตรีเพื่อดูแลสุขภาพโดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยด้วยตนเองจากการเก็บตัวอย่างจากปากมดลูกเพื่อตรวจหาเชื้อ HPV

อายุ 20+ ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้ง

พญ. ศิริโสภา เตชะวัฒนวรรณา อาจารย์ประจำสาขาวิชาเคมีบำบัด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า การตรวจคัดกรองสุขภาพสตรีมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติให้แนวทางไว้สำหรับผู้หญิงอายุ 20+ ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้ง กลุ่มอายุ 40-69 ปี นอกจากการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำแล้ว ควรได้รับการตรวจโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมทุก 1 ปี

“ผู้หญิงไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านสุขภาพ เพราะมีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.9 และอัตราการเสียชีวิตเพิ่มจากปี 2020 ขึ้นสูงถึงร้อยละ 25.9 ภายในปี 203010 สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่คาดว่าจะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.1 เป็นมากกว่า 2.7 ล้านคน และอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 เป็น 857,319 คนในช่วงเวลาเดียวกัน”

นอกจากนี้ การสำรวจของโรชยังพบว่า ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 52 ค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจากอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 48 หาข้อมูลจากโรงพยาบาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของแหล่งข้อมูลออนไลน์ในการให้ความรู้ด้านสุขภาพ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

เหตุผลหญิงไทยไม่ตรวจคัดกรองมะเร็ง

มิไฮ อิริเมสซู กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ ประเทศไทย กล่าวว่าจากผลสำรวจพบว่าเหตุผลหลักที่ผู้หญิงไทยไม่ตรวจคัดกรองมะเร็ง เพราะคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกติ (34%) กลัวเจ็บ (28%12) และกลัวผลตรวจ (26%12) ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองจึงมีความสำคัญ เพื่อยกระดับสิทธิและความเท่าเทียมด้านสุขภาพในสังคมไทย โดยดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการช่วยเหลือด้านสุขภาพสำหรับสตรีไทยที่จัดกิจกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ให้ความรู้แก่พนักงานในโรงงาน และส่งเสริมการใช้ชุดเก็บรวบรวมด้วยตนเองผ่านช่องทางดิจิทัล 

นอกจากนี้ยังมีโครงการสัปดาห์ตรวจสุขภาพสตรีแห่งชาติ ร่วมมือกับพันธมิตรกว่า 60 องค์กรทั่วประเทศ เพื่อจัดกิจกรรมโรดโชว์ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและให้ความรู้แก่ผู้หญิง รวมถึงโครงการ Cancer Care Connect ที่ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งทุกชนิดสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ตอกย้ำการตระหนักรู้และความสำคัญของการดูแลสุขภาพในผู้หญิงยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่า ปีนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) ในโรงพยาบาลต่างๆ จะมีการตรวจวินิจฉัยและแนวทางการรักษาแบบใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้มีการวินิจฉัยตรวจพบโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะแรกๆ เพิ่มขึ้น 10%