หนังสือ 9 เล่มที่ "อีลอน มัสก์" อ่าน และอาจเปลี่ยนชีวิตคุณ

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) อภิมหาเศรษฐีผู้บริหารระดับสูงของ Space X และ Tesla รวมทั้งยังเป็นผู้ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ “เกมเปลี่ยน” ของการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทำธุรกิจ เวลาที่ไม่ได้ส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศ เขาใช้เวลา อ่านหนังสือ เยอะอยู่เหมือนกัน

เขาอ่านหนังสือหลากหลายประเภท นับตั้งแต่ นวนิยายวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงหนังสือที่มีเนื้อหาสลับซับซ้อนเกี่ยวกับ AI (Artificial Intelligence) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรและคอมพิวเตอร์มีความฉลาด หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” 
 

อีลอน มัสก์ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์ เมื่อถามว่า เขาเรียนรู้วิธีสร้าง “จรวด” อย่างไร อีลอน มัสก์ ตอบคำถามนี้ของนิตยสารเอสไควร์ในอเมริกาว่า “I read books” หรือ “ผมอ่านหนังสือ”

คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้จัดสรรเวลาสำหรับอ่านหนังสือทุกวัน สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (Bureau of Labour Statistics) ระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่หาเวลาเพื่ออ่านหนังสือ 17 นาที/วัน คิมบัล มัสก์ (Kimbal Musk) น้องชายอีลอน เคยให้สัมภาษณ์ว่า พี่ชายของเขาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นก็อ่านหนังสือวันละ 10 ชั่วโมงแล้ว พอเป็นซีอีโอก็ยังอ่านหนังสือต่อเนื่องวันละ 2 เล่ม
 

Blinkist แอปพลิเคชั่นที่เคยคว้ารางวัลชนะเลิศของแอปประเภทความรู้ เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ “คอลเลกชั่น”  รวบรวมหนังสือที่ “คนฉลาดหลักแหลมระดับโลกอ่าน” ไว้มากกว่า 5,000 เล่ม ระบุว่ามี หนังสือ 9 เล่มที่ อีลอน มัสก์ ให้เครดิตว่าเป็น การอ่านที่เปลี่ยนชีวิตเขา ดังนี้

1) Steve Jobs โดย Walter Isaacson : หนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของ สตีฟ จ็อบส์ อย่างตรงไปตรงมา บางครั้งอาจดูเหี้ยมเกรียมกับผู้ร่วมงานและคู่แข่ง เผยให้เห็นธาตุแท้ของบุคคลที่เต็มไปด้วยความหลงใหล หมกมุ่นอย่างบ้าคลั่ง แสวงหาความสมบูรณ์แบบ ความงามเชิงศิลปะ การทำงานแบบเกาะติดและกัดไม่ปล่อย ที่กลายเป็นวิถีดำเนินธุรกิจและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมพลิกโลก

2) Human Compatible โดย Stuart Russell : หนังสือสารคดี ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับปัญหาการควบคุม “ปัญญาประดิษฐ์” ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นได้บ้างเมื่อมนุษย์ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ "ปัญญาประดิษฐ์"  ที่มนุษย์สร้างขึ้น เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในปี 2019

3) Zero to One โดย Peter Thiel with Blake Masters : อีลอนชื่นชมหนังสือเล่มนี้ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ปีเตอร์ ธีล ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในการสร้างบริษัทที่มีการทำงานผสมผสาน และ(หนังสือเล่มนี้)แสดงให้เห็นวิธีการ”

4) Merchants of Doubt โดย Naomi Oreskes & Erik M. Conway : หนังสือที่พิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ถึงประเด็นสำคัญของโลก ว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม การปล่อยควัน และอาวุธนิวเคลียร์ ที่ยังคงเกิดความเข้าใจผิดผ่านสื่อกระแสหลัก

5) Life 3.0 โดย Max Tegmark : เล่มนี้เขียนถึงการนำ “เอไอ” มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตมนุษยชาติ และสร้างความมั่นใจว่า "ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี" จะยังคงไปด้วยกันได้กับเป้าหมายของมนุษย์ในอนาคต

6) The Big Picture โดย Sean M. Carroll : หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องการไหลบ่าของข้อมูลการค้นพบในรอบสองถึงสามร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและส่งผลกระทบต่อชีวิตเราทุกคนอย่างไร อีลอนให้ความใส่ใจกับเรื่องอนาคตและรากเหง้าของความเป็นมนุษย์

7) Lying โดย Sam Harris : หนังสือเล่มนี้อธิบายว่าทำไม "การพูดโกหก" จึงเป็นสิ่งอันตราย ซึ่งหมายรวมถึงการโกหกทุกรูปแบบ ตั้งแต่โกหกเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันไปจนถึงการโกหกในเวทีระดับโลก

8) Superintelligence โดย Nick Bostrom : ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอีลอนมักแสดงความเห็นเตือนซ้ำๆ ถึงอันตรายของ “เอไอ” ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ อาทิ “เราจำเป็นต้องระวังสุดๆ กับเอไอ มีความเป็นไปได้ที่จะอันตรายยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์” อีลอนทวีตไว้ตั้งแต่ปี 2014

เพื่อหาคำตอบว่าทำไมความเสี่ยงนี้จึงน่าสะพรึงกลัว เขากล่าวว่ามันคุ้มค่าถ้าคุณได้อ่าน Superintelligence หนังสือเล่มนี้กล้าตั้งคำถามจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างถ้า “เอไอ” ฉลาดล้ำเกินกว่าสมองมนุษย์

9) The Wealth of Nations โดย Adam Smith : หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการอนุญาตให้ Free Trade ได้ตามความต้องการส่วนบุคคลใน ตลาดเสรี (free market ตลาดที่มีการซื้อขายกันอย่างอิสระ ผู้ค้าและผู้ขายมีสิทธิในการซื้อขายเต็มที่ ไม่มีการผูกขาด โดยปราศจากการกำกับโดยรัฐบาล) จะนำมาซึ่ง "ความมั่งคั่งของชาติ" อีลอนถึงกับทวีตว่า “Adam Smith FTW” แสดงถึงความเป็นแฟนตัวยงของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้