“ชัชชาติ” เปิด “4 หลักคิด” ให้คนรุ่นใหม่พัฒนาตัวเองสู่ “ความสำเร็จ”
เปิด 4 หลักคิดสู่ “ความสำเร็จ” ของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” แนะคนรุ่นใหม่ อย่าให้ความสำคัญกับความฉลาดมากกว่าความพยายาม รู้จักเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตักตวงความรู้ และ อย่าละเลย “หินก้อนใหญ่” ที่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต
ถือเป็นการขึ้นบรรยายแก่คนรุ่นใหม่ครั้งแรกของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ในฐานะ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” เลยก็ว่าได้ หลังจากเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 65 เจ้าตัวได้เป็นประธานเปิดการประชุม เรื่อง แนวทางการฝึกงานเพื่อสร้างประสบการณ์ในกรุงเทพมหานคร พร้อมบรรยายและแลกเปลี่ยนความเห็นกับนิสิต นักศึกษา ที่จะเริ่มฝึกงานกับหน่วยงานในสังกัด กทม.จำนวนกว่า 260 คน
งานนี้ ผู้ว่าฯชัชชาติ เลยถือโอกาสเป็นครูแนะแนว เผยกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ แก่น้องๆ ไปด้วยในตัว โดยแนะว่า ควรพัฒนาตนให้มี Growth Mindset ให้ความสำคัญกับความขยันและความพยายาม มากกว่าความฉลาดหรือพรสวรรค์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้สกัดเอาใจความสำคัญๆ จากปากคำของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” มาฝากกัน ดังนี้
เก็บเกี่ยว “สะสมจุด” เพื่อไป “ต่อ” ในอนาคต
ชัชชาติ อ้างถึงคำกล่าวหนึ่งของ Steve Jobs ที่บอกไว้ว่า คนเราไม่สามารถเชื่อมต่อจุดด้วยการมองไปข้างหน้า แต่จะเชื่อมต่อจุดได้มันก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปเท่านั้น
“เปรียบชีวิตเหมือนการต่อจุดที่คุณจะสามารถนำจุดในอดีตมาต่อได้ แต่ไม่สามารถนำจุดในอนาคตมาต่อได้ คือ คุณไม่สามารถนำความรู้หรือประสบการณ์ที่คุณยังไม่มีมาใช้สร้างคำตอบให้กับชีวิตในปัจจุบันนี้ได้ แต่คุณจะต้องใช้สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในการต่อจุดของชีวิต”
โดยเปรียบเทียบกับการฝึกงานของนิสิต นักศึกษา ก็คือการเริ่มจุดในชีวิต ซึ่งยังไม่รู้ว่า ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะได้เรียนรู้อะไร แต่นี่จะเป็น “จุด” ที่เราตุนไว้ และเมื่อถึงเวลาหนึ่ง จุดเหล่านี้จะสามารถมาต่อกันเป็นคำตอบให้กับชีวิตได้
“หากเรามีจุดเพียงสองจุด เราก็จะลากคำตอบให้ชีวิตได้เพียงเส้นตรง แต่หากเราสะสมจุดจำนวนเยอะ เราจะสามารถต่อจุดเป็นอะไรก็ได้อีกมากมาย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
พร้อมแนะนำแก่เด็กรุ่นใหม่ว่า สิ่งสำคัญ คือ การ “Collect” และ “Connect” หมายถึงการสะสมจุดให้มาก คุยกับคนให้เยอะ ถามให้เยอะ
“การถามไม่ผิด เพราะเป็นวิธีในการสะสมจุด พอเรามีจุด มีความรู้ มีประสบการณ์ จะต้องรู้จักเชื่อมโยงจุด (Connect) ให้เป็น เพื่อให้เกิดคำตอบแก่ชีวิต”
“เรียนรู้” (Learning) สำคัญกว่า “การศึกษา” (Education) ต้องเป็นคนรู้ได้ทั้งลึก และ กว้าง
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญเพื่อสร้างความสำเร็จในชีวิต นั่นคือ “การเรียนรู้” ซึ่งเราควรถามตัวเองว่าวันนี้เราได้อะไร มีความรู้อะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่
“การสะสมจุดไว้ใช้ในอนาคต เราจะต้องประกอบไปด้วย Curiosity ความอยากรู้อยากเห็น Discipline ระเบียบวินัย และ Perseverance ความอดทนและความขยัน ในส่วนของการสร้างสรรค์นั้น Adam Grant นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้เสนอว่า จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ในโลก คือ Curiosity ความอยากรู้อยากเห็น มีความสงสัย รู้สึก “เอ๊ะ” เอะใจ เพื่อให้เกิดการตั้งคำถาม”
Adam Grant นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้เสนอว่า จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ในโลก คือ Curiosity ความอยากรู้อยากเห็น มีความสงสัย รู้สึก “เอ๊ะ” เอะใจ เพื่อให้เกิดการตั้งคำถาม
“และที่สำคัญ คือ Not accepting the default และต้องรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น รู้จัก Balancing risk portfolio มีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม และ Combination of broad and deep experience มีประสบการณ์ทั้งด้านกว้างและด้านลึก หรือความรู้เป็นรูปตัว T ซึ่งจะทำให้เราสามารถมองได้รอบด้านมากขึ้น” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในการบรรยาย
พร้อมเผยอีกว่า โดยส่วนตัวแล้ว “การอ่านหนังสือ” ก็เป็นอีกวิธีในการสะสมจุดเช่นกัน โดย Naval Ravikant ผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย เคยกล่าวไว้ว่า “อ่านในสิ่งที่คุณรัก จนคุณรู้สึกรักการอ่าน” โดยตนก็เริ่มจากการอ่านหนังสือการ์ตูนเช่นกัน อ่านบ่อย ๆ จนทำให้ชอบอ่านและติดการอ่านหนังสือ นำไปสู่การอ่านหนังสือวิชาการมากขึ้น ทำให้มีองค์ความรู้ที่มากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
“ต่อจากนี้การเรียนรู้ Learning จะมีความสำคัญมากกว่าการศึกษา Education เพราะการศึกษา คือการเรียนในสิ่งที่ผู้อื่นวางแนวทางไว้ให้ แต่การเรียนรู้ คือสิ่งที่เราเรียนรู้จากตนเอง จากความชอบและความสนใจของตัวเอง ซึ่งความรู้นอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาที่รอให้เราได้เรียนรู้นั้นมีอีกเยอะมาก และการอ่านถือเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ นำไปสู่การขยายจุดในชีวิต” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
หลักคิด Jar of Life รู้ว่า สิ่งไหนคือ “หินก้อนใหญ่” ในชีวิต
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้บรรยายถึงการมี “วินัย” ในการใช้ชีวิต โดยยกคำกล่าวของ Eliud Kipchoke นักวิ่งชาวเคนย่า ที่เคยกล่าวไว้ว่า “คนที่มีวินัยเท่านั้นถึงจะมีอิสระในชีวิต” โดยให้มีวินัยในตนเอง จัดสรรเวลาในชีวิตให้ดี วางแผนการเดินทาง การทำงาน การส่งงานให้ตรงเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความไว้วางใจจากพี่ ๆ ที่ทำงานได้
จากนั้นได้บรรยายถึงเรื่อง โถแห่งชีวิต หรือ "jar of life" ชีวิตของคนเราเหมือนโถแก้ว 1 ใบ ที่จะต้องใส่ของสามสิ่ง ในเวลา 24 ชั่วโมง ได้แก่ หินก้อนใหญ่ แทนสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต กรวด แทนสิ่งที่สำคัญรองลงมา และ ทราย แทนสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิต
"ถ้าเราใส่ทรายลงไปในโถแก้วก่อน เช่น เล่นเฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ แล้วค่อยใส่กรวดและหิน เราอาจไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับหิน คืออาจไม่มีเวลาในการดูแลสุขภาพ การอ่านหนังสือ การหาความรู้เพิ่มเติม แต่ถ้าเราใส่หินก่อน ตามด้วยกรวดและทราย กรวดจะแทรกตามช่องว่างของหินและทรายแทรกลงในช่องว่างที่เหลือ ดังนั้น เราต้องกำหนดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต และจัดลำดับความสำคัญให้ดี"
บทความที่เกี่ยวข้อง : รู้จัก "Jar of Life" เมื่อเวลามีจำกัด เปิดวิธีจัดลำดับความสำคัญในชีวิต
“growth mindset” ฉลาด-มีพรสวรรค์ ไม่สำคัญเท่าความพยายาม
“เรื่องสุดท้ายคือเรื่อง Mindset ผมเชื่อว่า ความฉลาดไม่สำคัญเท่ากับความขยันและความพยายาม ซึ่งผมเองไม่ใช่คนฉลาด แต่ผมเป็นคนขยันและมีความพยายาม ผมเคยอ่านหนังสือของ Carol S. Dweck ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า mindset (กรอบความคิด) ประกอบด้วย fixed mindset และ growth mindset โดย fixed mindset คือความเชื่อว่าคนเราเก่งมาแต่กำเนิด คนกลุ่มนี้มักเชื่อว่าความฉลาดเป็นเรื่องพรสวรรค์ ปรับปรุงไม่ได้ จึงไม่กล้าทำงานที่ท้าทาย เพราะกลัวเจอความรู้สึกว่าเราไม่ฉลาด ไม่เก่งเหมือนที่คาดไว้ และคิดว่าเป็นความล้มเหลว
ในขณะที่ growth mindset จะไม่กลัวความผิดพลาด คนเหล่านี้จะยอมอยู่กับพื้นที่ที่พร้อมให้ความคิดเห็นเพราะเชื่อว่าทุกอย่างความสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้ ดังนั้น พวกเราควรที่จะมี growth mindset เชื่อในความพยายาม ซึ่งจะมีความสำคัญในระยะยาวและมีผลกับความสำเร็จในชีวิต อย่าคิดว่าโชคชะตากำหนดชะตาชีวิต เพราะเราจะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเราเอง ทั้งนี้ การฝึกงานนั้นเป็นเพียงบทหนึ่งของการสะสมจุด ขอให้เราสะสมจุดในชีวิตให้เพิ่มขึ้นและหลากหลาย และจุดในชีวิตนี้ เมื่อประกอบกับโอกาส จะกลายเป็นความโชคดีของเราต่อไป” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในช่วงท้ายของการบรรยาย