ส่องแฟชั่นยุค "Gender Fluidity" ใครว่าผู้ชายใส่ ‘ผ้าลูกไม้’ ไม่ได้

ในปัจจุบัน เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าไม่ระบุเพศ หรือ “Gender Fluidity” กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนรุ่นใหม่ที่เลือกใส่เสื้อผ้าเพียงเพราะต้องการใส่ ชอบในเสื้อผ้าตัวนั้น ๆ ไม่ได้เอาเรื่องความเป็นเพศมาเป็นตัวกำหนด ทำให้เส้นแบ่งเพศชายหญิงในวงการแฟชั่นนั้นแทบจะเลือนหายไปแล้ว และหลายแบรนด์เริ่มหันมาทำเสื้อผ้าไม่ระบุเพศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแนวสตรีท หรือจะเป็นปบรนด์หรู รวมไปถึงชุดชั้นใน

“Wacoal” บริษัทชุดชั้นในจากญี่ปุ่น ได้ผลิตกางเกงชั้นในชายลายลูกไม้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวญี่ปุ่นมากกว่าที่บริษัทคาดคิด เพราะขายหมดตั้งแต่มีการวางขายในร้านค้าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

"เทรนด์แฟชั่นไม่ระบุเพศได้ปรากฏขึ้นแล้ว และความคิดที่ว่าผ้าลูกไม้เป็นสิ่งที่ใส่ได้เฉพาะผู้หญิงนั้นล้าสมัยไปแล้ว" อะคิระ มิโซกูชิ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Wacoal กล่าว

กางเกงชั้นในชายผ้าลูกไม้ของ Wacoal รุ่นนี้ทำมาจากผ้าลูกไม้ที่พัฒนาให้มีความแข็งแรงมากกว่าของผู้หญิง ที่ใช้ระยะเวลาพัฒนากว่า 6 เดือน เนื่องจากผู้ชายมักใช้งานนานกว่าจะซื้อใหม่ โดยใช้ผ้าลูกไม้ทั้งตัว (ยกเว้นบริเวณเป้าด้านหน้าที่มีผ้าซับ) เนื้อผ้ามีความโปร่ง สามารถระบายอากาศได้ดี สามารถสวมใส่ได้เป็นเวลานาน

 

อีกทั้งมีลวดลายที่สวยงามตามแบบฉบับของ Wacoal มีให้เลือกด้วยกัน 7 สี มีจำหน่ายในร้านค้า 5 สี ได้แก่ แดง ดำ น้ำเงิน น้ำตาล และฟ้าอ่อน ส่วนอีก 2 สีพิเศษ คือ ชมพูและเหลือง สามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ สนนราคาอยู่ที่ 3,960 เยน หรือประมาณ 1,031 บาท (ค่าเงินวันที่ 22 มิ.ย. 2565)

 

การทดลองของ Wacoal

มิโซกูชิ กล่าวถึงแนวคิดแนวการผลิตกางเกงชั้นในชายลายลูกไม้ว่า เกิดจากแผนกผลิตชุดชั้นในสำหรับผู้ชายที่เห็นว่า ชุดชั้นในของผู้ชายนั้นมีให้เลือกเพียงไม่กี่แบบ และส่วนมากจะแตกต่างกันแค่ขอบเอวยางยืดเท่านั้น และเห็นว่า Wacoal เองก็ใช้ผ้าลูกไม้ผลิตชุดชั้นในสตรีอยู่แล้ว น่าจะเอามาใช้ผลิตกางเกงชั้นในชายได้เหมือนกัน 

มิโซกูชิ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “กางเกงชั้นในชายดูเหมือนเป็นสินค้าทั่วไปที่จะใส่แบบไหนก็ได้ แต่เราต้องการผลิตชุดชั้นในที่ให้ผู้สวมใส่ได้แสดงออกถึงแฟชั่นที่เหมาะกับตัวเองได้”

ในขั้นแรก Wacoal ได้ทดลองเปิดให้สั่งจองกางเกงชั้นในชายผ้าลูกไม้ผ่านเว็บไซต์คราวด์ฟันดิ้ง Makuake เมื่อเดือนต.ค. 2564 โดยมีเป้าหมายที่ 300,000 เยน แต่กลับทำยอดขายไปได้กว่า 3.2 ล้านเยน จากการสั่งซื้อ 700 กว่าราย 

เมื่อเริ่มทดลองขายจริงในร้านที่อิเซตัน ชินจูกุ และร้านค้าอื่น ๆ อีก 3 แห่ง รวมทั้งทางออนไลน์ ซึ่งสินค้าขายหมดภายในระยะเวลาเพียง 10 วัน ทั้งที่เตรียมสต็อกสินค้าด้วยจำนวนยอดขายเท่ากับ 3 เดือน แม้ในเดือนเม.ย. จะเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการ แต่ก็ยังขายหมดในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกครั้ง

มิโซกูชิ มั่นใจในกางเกงชั้นในชาย เขากล่าวว่า คนทุกเพศทุกวัยที่ชอบลองของใหม่จะต้องซื้อสินค้าของเขา เนื่องจากในเดือนก.พ. ที่ผ่านมาระหว่างที่เขาสำรวจร้านค้า ก็พบกับชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40-50 ปี ซื้อสินค้าไปหลายชิ้น เพราะอยากลองใส่อะไรที่ดูเซ็กซี่

นอกจากนี้ ในเดือนก.ค. Wacoal จะวางขายกางเกงชั้นในชายลูกไม้เพิ่มอีก 3 สี และจะเดินหน้าผลิตสินค้าอย่างเต็มกำลังในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้

ชุดชั้นในชายแนวเซ็กซี่ ตลาดใหม่ที่น่าจับตา

สอดคล้องกับ ผลการค้นหาชุดชั้นในชายผ่าน eBay เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐ ในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 รวมถึงยอดการค้นหาเสื้อคร็อปท็อปของผู้ชายก็เพิ่มขึ้น 38% ขณะที่ยอดการค้นหากางเกงบ็อกเซอร์ผ้าซาตินพุ่งสูงกว่า 89%

อัลวาโร รามอส ผู้ก่อตั้ง On Tracks แบรนด์ชุดชั้นในและชุดกีฬากล่าวว่า ผู้ชายสามารถแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขาผ่านเสื้อผ้าได้แล้ว แบรนด์ชุดชั้นในต่าง ๆ กำลังทลายกรอบของเพศวิถี ไม่ว่าจะเป็น Wacoal, Leak NYC, Menagerié หรือ Wicked Mmm ที่ต่างออกแบบชุดชั้นในที่เหมาะสำหรับทุกเพศ ด้วยสโลแกนที่ว่า “การแสดงออกทางเพศของคุณคือสิ่งสำคัญ”

 

อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ Savage x Fenty แบรนด์เสื้อผ้าของนักร้องสาว “รีอานนา” ที่เริ่มออกคอลเล็กชันเสื้อผ้าสำหรับเพศชายตั้งแต่ปี 2563 โดยมีตั้งแต่กางชั้นในลูกไม้ กางเกงชั้นในผ้าซาติน เสื้อซีทรู เสื้อคร็อปท็อป ตลอดจนชุดชั้นในที่มีสายคล้องคอ (Harness) อีกทั้งทางแบรนด์ใช้นายแบบที่มีครบทุกรูปร่าง ผู้บริโภคไม่ว่าจะไซส์ไหน หุ่นเป็นอย่างไร ก็รู้สึกเข้าถึงแบรนด์ได้ ไม่ได้รู้สึกถูกกีดกันหรือคิดว่าชุดเหล่านี้เหมาะสำหรับคนหุ่นดีเท่านั้น 

ตามรายงานของ The New York Times เสื้อผ้าผู้ชายคอลเล็กชันแรกของ Savage x Fenty นั้นขายหมดภายใน 12 ชั่วโมงแรกที่เปิดขาย

เดือนม.ค. ที่ผ่านมา Savage x Fenty เปิดตัวชุดชั้นในชายคอลเล็กชันใหม่ใช้ชื่อว่า “Glossy Flossy” ซึ่งเป็นสีแดงสดทั้งหมด และบางชิ้นยังมีลวดลายรูปหัวใจอีกด้วย ต้อนรับวันวาเลนไทน์ ยิ่งทำให้กระแสชุดชั้นในชายแนวเซ็กซี่ หรือ “Men-gerie” (มาจากคำว่า Men + Lingerie) ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น

หรืออย่างตอนที่ “ทอม ฟอร์ด” เข้ามาดูแล “Gucci” ในช่วงยุค 90 และได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการนำเรือนร่างของผู้ชายมาใช้ในภาพโฆษณา “ผมเชื่อว่าเราอยู่ในวัฒนธรรมที่ผู้หญิงมองผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ให้พวกเธอแทบจะแก้ผ้าบนทุกสินค้าที่ต้องการขาย แต่พอเป็นผู้ชายทำแบบเดียวกันบ้าง กลับกลายเป็นความหวาดกลัว ทุกคนรับไม่ได้ ผมรู้ว่าภาพเปลือยมันอาจจะทำให้เกิดข้อถกเถียง แต่เราควรก้าวผ่านแนวคิดการกีดกันทางเพศที่แสนจะซ้ำซากนี้ได้แล้ว” ฟอร์ดกล่าวกับนิตยสาร Vogue ในปี 2562

ขณะที่รามอส แห่ง On Tracks กล่าวเพิ่มเติมว่า “บ่อยครั้งที่เรารู้สึกว่าเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่เราควรสวมใส่ แต่เราลืมไปว่าเสื้อผ้าสามารถทำให้เรารู้สึกตัวเองได้ด้วยเช่นกัน”

เช่นเดียวกับ มิโซกูชิ ที่กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความงดงามลวดลายของลูกไม้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่กำหนดว่าผู้หญิงหรือผู้ชายควรจะสวมใส่มัน ความท้าทายของเราคือจะทำอย่างไรให้ความคิดเหล่านี้จางหายไป”

ที่มา: Daily Mail, Elpais, Nikkei, Them, Wacoal