รักแห่งสยาม กรุงเทพกลางแปลง มาริโอ้-พิช เปิดใจฉากจูบในตำนานเมื่อ 15 ปีก่อน
เทศกาล "กรุงเทพกลางแปลง" เมื่อวานนี้ (28 กรกฎาคม 2565) บรรยากาศที่สยามสแควร์ ประชาชนต่างเดินทางมาร่วมย้อนวันวานเพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" ขณะที่ มาริโอ้-พิช เปิดใจฉากจูบในตำนานเมื่อ 15 ปีก่อน
เทศกาล "กรุงเทพกลางแปลง" เมื่อวานนี้ (28 กรกฎาคม 2565) บรรยากาศที่สยามสแควร์ ประชาชนต่างเดินทางมาร่วมย้อนวันวานเพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" ที่เคยมอบความสุขให้คนดูเมื่อ 15 ปีก่อน และเป็นที่พูดถึงจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ดูหนังเรื่องไหนดีในเทศกาล “กรุงเทพกลางแปลง”
"รักแห่งสยาม" หนังรักที่โด่งดังเมื่อปี 2550 นำทีมโดย มาริโอ้ เมาเร่อ , พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล , นก สินจัย เปล่งพานิช และผู้กำกับ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ได้มาร่วมพูดคุยถึงการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้ในอดีต
ขณะที่ด้านข้างจอหนังกลางแปลง มีร้านอร่อยมาตั้งวางขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมึกย่าง โรตีสายไหม ข้าวเกรียบว่าว มะม่วงน้ำปลาหวาน ป๊อบคอร์น ขนมถังแตก และของอร่อยอีกมากมายโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าท้องจะหิวระหว่างดูหนังกันเลย นอกจากนี้ ในงานยังมีกิจกรรม "ก้าวต่อไปหลัง สมรสเท่าเทียม" ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในด้านต่างๆ
ไฮไลท์หนึ่งของเมื่อวานนี้ ทั้ง มาริโอ้ เมาเร่อ และ พิช วิชญ์วิสิฐ ก็ได้ออกมาพูดถึงฉากจูบท่สร้างความฮือฮามากๆในตอนนั้น โดยหนุ่ม พิช บอกว่ารู้สึกกังวล กดดันเหมือนกันเพราะตอนนั้นไม่รู้เลยว่ากระแสจะออกมาเป็นยังไง และคนจะมองเรายังไง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงรอยต่อที่ตนเองกำลังจะเข้ามหาลัยด้วย ตอนนั้นกังวลว่าเพื่อนจะมองเราแบบไหน เราจะไปบอกเขาอย่างไร คือสุดท้ายก็ต้องเอาความเชื่อมั่นฝากไว้ที่พี่ๆ
ขณะที่ มาริโอ้ บอกว่ารู้ก่อนอยู่แล้วว่าจะมีฉากจูบ ซึ่งตนก็มั่นใจ และเชื่อมั่นในตัวพี่มะเดี่ยว มาริโอ้ ยังเผยติดตลกด้วยว่าตนเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณแม่ ซึ่งแม่ก็ถามว่าได้ค่าตัวเท่าไหร่ ตนตอบกลับไปว่าแสนเจ็ด จากนั้นเสียงคุณแม่ก็บอกว่า เล่นเลย จูบเลย ตอนนั้นในหัวตนคิดอย่างเดียวเลยว่าจะเอาเงินไปซื้อสเก็ตบอร์ด
ภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม" ออกฉายเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ปิดรายได้รวมที่ 42 ล้านบาท เป็นหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับความรักใสๆของวัยรุ่นหญิงชาย แต่เมื่อภาพยนตร์ออกฉายจริง กลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสับสนในจิตใจของวัยรุ่นชายรวมถึงมีฉากล่อแหลม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่วนเสียงตอบรับในด้านกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์นั้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
สำหรับกระแสสองด้านที่ตัดกันอย่างชัดเจนของหนังเรื่องนี้คือ "กลุ่มคนที่รักจับใจ" กับ "กลุ่มที่เกลียดเข้าไส้" พวกที่รักจับใจมีหลากหลายเหตุผลที่รักหนังเรื่องนี้ ส่วนพวกเกลียดเข้าไส้ มีเหตุผลสองประเด็นใหญ่คือ "เพราะเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเกย์" กับ "การถูกหลอก" ส่วนทางด้านผู้กำกับ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ก็ยอมรับกับการประชาสัมพันธ์ในตอนนั้นว่า ไม่ได้บอกว่าเป็นหนังที่มีเนื้อหาของเกย์อยู่ แต่อธิบายว่า "ตัวหนังไม่ได้เป็นหนังเกย์ ประเด็นพูดถึงชีวิตความรักหลายรูปแบบ ความเป็นมนุษย์เท่านั้น ดังนั้น หนังจึงไม่ได้หยิบเรื่องเกย์ขึ้นมาพูดมาเป็นสาระสำคัญของหนัง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คว้ารางวัลใหญ่ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก 5 สถาบันหลักคือ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์, รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง , สตาร์พิกส์อวอร์ด , คมชัดลึก อวอร์ด และสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส รวมทั้งรางวัลอื่นอีกมาก
สำหรับโปรแกรมต่อไปในเทศกาลกรุงเทพกลางแปลง
- 29 ก.ค. “Seasons Change”
- 30 ก.ค. “สยามสแควร์”
ประชาชนสามารถเดินทางร่วมงานได้ที่ สยาม Block I สยามสแควร์ เขตปทุมวัน เหมือนเช่นเคย
ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก วิกิพีเดีย , สำนักงานเขตปทุมวัน