6 มีนาคม "วันมาฆบูชา 2566" ต้อง "เวียนเทียน" ไหม? พร้อมรู้ความสำคัญ
"วันมาฆบูชา 2566" ต้องไป "เวียนเทียน" ไหม? ชวนหาคำตอบทำไมชาวพุทธนิยมเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาพุทธ แล้วมีวันสำคัญไหนอีกบ้างที่ต้องเวียนเทียนเช่นกัน
ปีนี้ "วันมาฆบูชา" ตรงกับวันที่ 6 มีนาคม 2566 ซึ่งถือเป็นวันพระใหญ่ของคนไทยพุทธ และมีเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น นอกจากการไหว้พระ ทำบุญ ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ชาวพุทธนิยมปฏิบัติกันทุกปีก็คือการ "เวียนเทียน" โดยปีนี้เชื่อว่าจะมีพุทธศาสนานิกชนออกไปเวียนเทียนที่วัดค่อนข้างมาก เนื่องจากสถานการณ์โควิดได้เบาบางลงแล้ว
สำหรับพิธีกรรม "เวียนเทียน" นั้น ยังมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องไปเวียนเทียนในวันมาฆบูชา เวียนเทียนแล้วได้อะไร แล้วต้องเวียนเทียนวันไหนบ้าง กรุงเทพธุรกิจหาคำตอบมาให้รู้กัน ดังนี้
- "เวียนเทียน" แล้วดียังไง? ต้องทำวันไหนบ้าง?
มีข้อมูลจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และเว็บไซต์ธรรมะไทยอธิบายไปในทิศทางเดียวกันว่า พิธีกรรม "เวียนเทียน" เป็นกุศลพิธีอย่างหนึ่ง ที่พุทธบริษัทพึงปฏิบัติในเบื้องต้นอย่างสามัญ โดยพิธีกรรมเวียนเทียนนั้น สามารถเวียนเทียนได้ในวันสำคัญทางศาสนา 4 วันด้วยกัน คือ
- วันมาฆบูชา
- วันวิสาขบูชา
- วันอาสาฬหบูชา
- วันอัฐมีบูชา
แล้วการ "เวียนเทียน" ในวันสำคัญทางศาสนา ในที่นี้คือเวียนเทียนวันมาฆบูชา ทำแล้วดีอย่างไร? คำตอบคือ ผลดีที่จะได้รับจากการเวียนเทียนตามความเชื่อของชาวพุทธเถรวาท ได้แก่
ช่วยให้ชีวิตสุกสว่าง : ไฟถือเป็นสื่อกลางในการแสดงความศรัทธาต่อศาสนาพุทธ การเวียนเทียนจึงเปรียบเหมือนการเพิ่มความสุกสว่างให้ชีวิตราบรื่นเจริญรุ่งเรือง เป็นความเชื่อที่ตกทอดมาแต่โบราณในแถบอินเดียและเอเชียตะวันออก ส่วนมากใช้ในพิธีเผาเทียนเล่นไฟ พิธีปล่อยโคมลอย ใช้เผาศพ และใช้จุดธูปเทียนสำหรับการเวียนเทียน
ช่วยเตือนสติชาวพุทธ : การเวียนเทียนนอกจากเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อปูชนียบุคคลหรือปูชนียสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นเหมือนกุศโลบายเตือนสติให้ตระหนักถึง "วัฏสงสาร" หรือการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อให้ใช้ชีวิตไม่ประมาท
ได้อานิสงส์แรง-ได้บุญหนัก : การเวียนเทียนจะช่วยส่งอานิสงส์ผลบุญให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติ ในทางตรงคือผู้ปฏิบัติจะมีกายที่สำรวมขึ้น มีจิตใจที่สะอาด สงบ ระหว่างที่เดินเวียนเทียน และในทางอ้อม (ตามความเชื่อ) คือ จะทำให้ผู้ปฏิบัติได้บุญหนัก หลุดพ้นจากภูมิเปรต เดรัจฉาน อีกทั้งบันดาลให้จิตพ้นอบายภูมิได้
- 7 ขั้นตอนการ "เวียนเทียน" ให้ถูกต้อง
1. ชำระร่างกายและจิตใจ : ก่อนที่จะไปเวียนเทียนที่วัด เนื่องใน "วันมาฆบูชา" ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด แต่งกายให้สุภาพ เรียบร้อย เหมาะสมกับสถานที่ งดใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น เสื้อสายเดี่ยว ควรสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด กางเกงหรือกระโปรงยาวคลุมเข่า
2. เตรียม 3 สิ่งสำคัญที่ต้องมี! : เตรียม "ของบูชา" ที่จะนำไปสักการะพระพุทธเจ้าตามความเชื่อของชาวพุทธ นั่นก็คือ ดอกไม้ 1 คู่ เช่น ดอกบัว ดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ หรือจะใช้พวงมาลัยดอกไม้สำหรับถวายพระก็ได้ นอกจากนี้ก็ต้องมีธูป 3 ดอก และเทียน 1 เล่ม
3. ไหว้พระประธานในโบสถ์ก่อน : เมื่อไปถึงวัด ให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานหลักด้านในโบสถ์ก่อน แล้วค่อยออกมาตั้งแถวเตรียมตัวเวียนเทียน หัวแถวจะมีพระภิกษุเดินนำ ต่อด้วยสามเณร ท้ายสุดเป็นอุบาสก อุบาสิกา ชายหญิงทั่วไป
4. เวียนประทักษิณาวัตร : จากนั้นจุดธูปและเทียน นำมาถือไว้ในมือพร้อมดอกไม้ พนมมือขึ้น แล้วเดินวนรอบโบสถ์ไปทางด้านขวามือ 3 รอบ เรียกว่าการเวียนแบบประทักษิณาวัตร พร้อมสวดมนต์ไปด้วยในแต่ละรอบ
5. บทสวดมนต์ขณะเวียนเทียน : รอบที่ 1 ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ โดยสวดบทอิติปิโส "อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ..."
รอบที่ 2 ให้ระลึกถึงพระธรรมคุณ สวดบทสวากขาโต "สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม..."
รอบที่ 3 ให้ระลึกถึงพระสังฆคคุณ โดยสวดบทสุปะฏิปันโน "สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ..."
6. ระวังอันตรายจากธูปเทียน : ขณะเดินเวียนเทียนต้องสำรวมกาย วาจา ใจ และควรรักษาระยะการเดินทางให้ห่างจากคนข้างหน้าพอสมควร เพื่อไม่ให้ธูปเทียนโดนผู้อื่น อาจทำให้บาดเจ็บได้
7. วางดอกไม้ธูปเทียน : หลังจากเวียนเทียนจนครบ 3 รอบ ให้นำดอกไม้ธูปเทียนไปปักบูชาตามจุดที่เตรียมไว้
- ย้อนรอยรู้ประวัติและความสำคัญของ "วันมาฆบูชา"
คำว่า มาฆบูชา ย่อมาจาก "มาฆปูรณมีบูชา" หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะ ตามปฏิทินอินเดีย หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย
วันมาฆบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธโดยชาวพุทธทั่วโลก เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” หรือ การแสดงธรรมที่เป็นหัวใจหลักของพระพุทธศาสนา ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา
พร้อมกับมีเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้น 4 ประการ คือ
- พระภิกษุ 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย
- พระภิกษุทั้งหมดได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
- พระภิกษุทั้งหมดนั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา
- วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 ดังนั้น จึงเรียกวันนี้อีกอย่างหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4
--------------------------------------
อ้างอิง : กรมการศาสนา, dhammathai.org, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ