วิจัยชี้ “ผู้หญิง” ยังต้องทำงานบ้าน แม้จะหาเงินได้มากกว่า “ผู้ชาย”
ผลการสำรวจเผย ผู้หญิงยุคปัจจุบันยังต้องเลี้ยงลูกและทำงานบ้านมากกว่าผู้ชาย แม้ว่าพวกเธอจะเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน และผู้ชายมีเวลาว่างมากกว่าก็ตาม
ปัจจุบันช่องว่างรายได้ระหว่างเพศนั้นลดลงในหลายประเทศ ทำให้ผู้หญิงหลายคนมีรายได้ไล่เลี่ยกับสามี เผลอ ๆ หลายบ้านภรรยามีรายได้มากกว่าสามีด้วยซ้ำ แต่ผลการศึกษาใหม่พบว่า ผู้หญิงส่วนมากยังคงใช้เวลาหลังจากการทำงาน หมดไปกับการทำงานบ้าน และเลี้ยงลูก ในขณะที่สามีกลับมีเวลาว่างมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยทำงานบ้าน
- ผู้หญิง มือก็ไกว ดาบก็แกว่ง
การสำรวจเมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ของ Pew Research Center บริษัทสำรวจข้อมูลของสหรัฐ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 5,152 คน พบว่า 29% ของคู่สามีภรรยาที่ทำงานทั้งคู่ มีรายได้ต่อคนพอ ๆ กัน อยู่ที่ 60,000 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่อีก 55% ของครอบครัวที่ทำการสำรวจ สามีมีรายได้มากกว่าภรรยา โดยสามีทำรายได้เฉลี่ยที่ 96,000 ดอลลาร์ ส่วนรายได้เฉลี่ยของภรรยาอยู่ที่ราว 30,000 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น
ขณะที่ครอบครัวที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัวมีอยู่ 16% ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 5% จากเมื่อห้าทศวรรษที่แล้วที่มีเพียง 11% แต่ในส่วนการทำงานบ้านนั้นกลับแบ่งกันทำในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายมีเวลาว่างถึง 47.2 ชั่วโมง
แม้ว่าในปัจจุบันผู้หญิงจะมีบทบาทในการหาเลี้ยงครอบครัวมากยิ่งขึ้นต่างจากเมื่อ 50 ปีก่อน ที่ 85% ของครอบครัวในสหรัฐมีผู้ชายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว แต่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวแบบใด การสำรวจพบว่า สามียังคงมีเวลาทำกิจกรรมยามว่างและสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากกว่าประมาณ 3.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่ผู้หญิงเสียเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งในการทำงานบ้าน และดูแลลูกมากกว่าผู้ชาย 2 ชั่วโมง
เคท แมนจิโน ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศ ตั้งข้อสังเกตว่างานบ้านที่ผู้ชายและผู้หญิงรับผิดชอบ มีความแตกต่างกันอยู่ ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะทำงานบ้านที่ต้องทำทุกวัน เช่น ทำอาหาร ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ตลอดจนเลี้ยงลูก ขณะที่ผู้ชายมักจะรับผิดชอบงานกลางแจ้ง เช่น รดน้ำต้นไม้ ตัดหญ้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน และใช้เวลาน้อยกว่าการทำงานในบ้าน
ริชาร์ด ฟราย นักวิจัยอาวุโสของ Pew กล่าวว่า “แม้ว่าทั้งสามีและภรรยาจะออกไปทำงานนอกบ้านกันทั้งคู่ แต่หน้าที่ความรับผิดชอบภายในบ้านยังไม่เท่าเทียมกัน ในบ้านที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัว พวกเธอยังต้องกลับมาทำงานบ้านเท่ากับผู้ชายอยู่ดี”
- ผู้หญิงมีรายได้เพิ่มขึ้น
ในปัจจุบัน ผู้หญิงซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวหลักมากยิ่งขึ้น เพียงแต่อาจจะแตกต่างกันไปตามอายุ สถานะครอบครัว การศึกษา และเชื้อชาติ โดยผลสำรวจจาก Pew พบว่า ผู้หญิงผิวสี 26% มีรายได้มากกว่าสามีของตนเอง ขณะที่มีผู้หญิงผิวขาว 17% และผู้หญิงเชื้อสายฮิสแปนิก 13% เท่านั้นที่มีรายได้สูงกว่าผู้ชายในครอบครัว
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้หญิงผิวสีที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า และมีบุตร 1-2 คน มีแนวโน้มจะรับเงินเดือนสูงกว่าสามีมากที่สุด
ขณะที่ รายงาน “Women in the Workplace” ประจำปี 2022 ของ McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ ระบุว่า รายได้ของ “หัวหน้างานผู้หญิง” ที่เปลี่ยนงานใหม่มีอัตราสูงกว่าหัวหน้างานผู้ชาย และสูงที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา เป็นเพราะในปัจจุบันผู้หญิงได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น
- แนวคิดทางการเมืองส่งผลต่อความเชื่อ
จากข้อมูลการสำรวจนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าสังคมสหรัฐยังมีทัศนคติที่ยึดติดกับบทบาททางเพศของคนในครอบครัวที่มีมาตั้งแต่อดีต เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ชายอเมริกัน (48%) กล่าวว่า สามีควรมีรายได้มากกว่าภรรยา มีเพียง 13% เท่านั้นที่ต้องการให้ทั้งสามีและภรรยามีรายได้พอ ๆ กัน สวนทางกับผู้หญิงอเมริกัน 26% ต้องการให้ทั้งคู่มีรายได้ไล่เลี่ยกัน ส่วน 22% ของผู้หญิงอเมริกันระบุว่า ผู้ชายควรมีรายได้มากกว่าผู้หญิง
ในขณะที่บทบาทการเลี้ยงลูก ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 77% เห็นตรงกันว่าทั้งพ่อและแม่ควรให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูลูกและงานในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน ขณะที่ 19% เท่านั้นที่ยังยึดถือกับบทบาททางสังคมแบบดังเดิม ที่ระบุว่า ลูก ๆ จะเติบโตได้อย่างดี เมื่อแม่ของพวกเขาให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูและทำงานบ้านเป็นหลัก ส่วนพ่อควรให้ความสำคัญกับงานเป็นอย่างแรก
“เรามีความเชื่อเรื่องบทบาททางสังคมที่ฝังหัวมานานว่า หน้าที่หลักของผู้ชายคือหาเงินเข้าบ้าน ส่วนผู้หญิงต้องดูแลบ้าน เลี้ยงลูก เพราะคิดว่าผู้หญิงเข้ากับเด็กได้ดีกว่า และรู้ว่าต้องทำงานบ้านอย่างไร” แมนจิโน ระบุ
ความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับบทบาททางเพศนี้ เป็นผลมาจากแนวคิดทางการเมืองของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยผู้ที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตที่มีแนวคิดเสรีนิยมอุดมการณ์หลักราว 85% เห็นว่าผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการทำงานและดูแลครอบครัวเท่ากัน ต่างจากผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันอันมีแนวคิดอนุรักษนิยมที่มีเพียง 68% ที่เห็นว่าพ่อและแม่ควรให้ความสำคัญกับการดูแลครอบครัวไปพร้อมกับการทำงาน
อาลียา ฮามิด ราว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ในภาควิชาวิธีวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน ชี้ว่าสหรัฐควรต้องทำให้ค่าเลี้ยงดูบุตรต่ำลงและให้ผู้เป็นพ่อลางานเพื่อดูแลบุตรโดยได้รับค่าจ้าง เพราะชาวอเมริกันต้องการ “เวลา” ที่ยืดหยุ่นในการทำงานและการทำงานระยะไกลมากขึ้น เพื่อปรับสมดุลหน้าที่ความรับผิดชอบภายในบ้าน พร้อมให้ผู้ชายมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตร และทำงานบ้านมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ชายก็ต้องการใช้เวลาอยู่กับลูกของพวกเขาด้วยเช่นกัน