"ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส” การแข่งขันที่จะพาวงการ "บาร์เทนเดอร์ไทย" ไประดับโลก
ดริ้งค์แก้วพิเศษที่กลั่นมาจากความฝัน ความพยายาม และความคิดสร้างสรรค์ “ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส” พาวงการบาร์เทนเดอร์ไทยไปไกลระดับโลก สุดยอด "การแข่งขันบาร์เทนเดอร์" ระดับโลกที่ผลักดันวงการผับบาร์และการท่องเที่ยวไทย เปิดประตูสู่โอกาสและความเป็นไปได้ไม่รู้จบ
กว่าสิบปีที่ผ่านมา วงการกินดื่มนับว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาร์ค็อกเทลที่นำเสนอเครื่องดื่มสเปเชียลตี้อันมีเอกลักษณ์โดดเด่น การขึ้นมาเป็นกระแสของ บาร์ลับ หรือร้านสไตล์สปีคอีซี่ที่ซ่อนตัวอย่างแนบเนียนตามใจกลางเมือง เผยให้เห็นถึงรสนิยมที่เปลี่ยนไปของนักดื่มวัยบรรลุนิติภาวะ
การกินดื่มกลายมาเป็นเรื่องของการลิ้มรสบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งอย่างมีรสนิยม ดนตรีที่เลือกเปิดภายในร้าน และที่สำคัญที่สุด คือการลิ้มรสดริ้งค์แก้วพิเศษที่ดีไซน์และพัฒนาขึ้นอย่างละเอียดละออ ผ่านกระบวนการและนวัตกรรมต่างๆ ที่สร้างรสชาติที่ซับซ้อนลุ่มลึก ความงดงามสะดุดตา ประกอบเรื่องราวที่มอบความหมายให้เป็นมากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป ในขณะที่การบริการอันประณีตและมืออาชีพของ บาร์เทนเดอร์ ส่งผลให้บาร์ไทยมีชื่อติดโผ World’s 50 Best Bars และ Asia World’s 50 Best Bars ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กว่า วงการบาร์เทนเดอร์ไทย จะเดินทางมาถึงจุดที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในระดับนานาชาติ จนเรียกได้ว่าถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนก็ต้องแวะมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษถึงที่
มีหนึ่งเวทีการแข่งขันสำคัญที่ช่วยยกระดับและผลักดันทักษะเหล่าบาร์เทนเดอร์ไทยสู่มาตรฐานสากลอย่าง Diageo World Class (ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส) ซึ่งจัดโดย ดิอาจิโอ ผู้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียมที่มีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอยู่ใต้ร่มมากมาย และจัดต่อเนื่องยาวนานมามากกว่าทศวรรษ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้แก่บาร์เทนเดอร์ เพื่อเตรียมความพร้อมและขัดเกลาฝีมือให้พวกเขารับบทบาทสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ จุดประกายให้เกิดการสร้างสรรค์เครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ทำให้นักดื่มตื่นตาตื่นใจเสมอ พร้อมเฟ้นหาแชมเปี้ยนการแข่งขันเวิลด์ คลาส ระดับประเทศและระดับโลก การแข่งขัน "ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส" จึงนับเป็นเวทีอันทรงเกียรติของวงการบาร์เทนเดอร์ที่ต่างปรารถนาครอบครองตำแหน่งผู้ชนะจากเวทีนี้
สำหรับประเทศไทย การแข่งขัน "ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส" เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 2011 หรือกว่า 12 ปีที่แล้ว โดยนอกจากจะสนับสนุน "บาร์เทนเดอร์ไทย" ในด้านองค์ความรู้ เทรนด์เครื่องดื่ม การทำงานอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพ ยังยกระดับทักษะศิลปะการชงเครื่องดื่มและการเสิร์ฟอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ ผ่านการฝึกฝน ทดลอง และอบรมอย่างเข้มข้น นอกจากนั้นยังมีภารกิจสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นอย่าง มะพร้าว มะม่วง เพื่อสร้างกลิ่นและรสชาติที่โดดเด่น หรือการนำเอาแนวคิดความยั่งยืนมาผสมผสานเพื่อสร้างสรรค์เครื่องดื่ม จึงยกระดับและพลิกโฉมวงการกินดื่ม พร้อมผลักดันและมอบโอกาสให้บาร์เทนเดอร์มากฝีมือได้เฉิดฉายในเวทีโลกอีกด้วย
หนึ่ง - รณภร คณิวิชาภรณ์ บาร์เทนเดอร์แถวหน้าจาก “มหานิยม ค็อกเทลบาร์” ที่เลือกใช้ส่วนผสมและวัตถุดิบแต่ละอย่างให้คุ้มค่ามากที่สุด ผู้ชนะการแข่งขันดิอาจิโอ เวิล์ด คลาส ไทยแลนด์ถึง 2 ครั้ง ได้พบกับจุดเปลี่ยนในชีวิตที่จุดประกายให้เดินตามฝัน และหันเหสู่วงการบาร์เทนเดอร์ จากการรับหน้าที่เป็นพิธีกรการแข่งดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ระดับประเทศไทย ระหว่างปี 2011 – 2013 ทำให้ตัดสินใจเข้าแข่งขันในปี 2014 จนเป็นผู้ชนะเวทีระดับชาติ ไปคว้าอันดับที่ 11 จาก 50 อันดับ ระดับโลกที่อังกฤษ ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดที่คนไทยก้าวไปถึง
โดยจากการได้เดินทางไปแข่งขันระดับโลก ทำให้ได้เจอคณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆ ประกอบกับการที่ได้ไปเห็นบาร์ในต่างประเทศ ทำให้คิดว่าบาร์เทนเดอร์และค็อกเทลบาร์เป็นอาชีพได้จริงๆ ผนวกกับความชอบในรสชาติ การดื่มอย่างมีคุณภาพ การทำเครื่องดื่มอย่างมีศิลปะ และเมื่อเข้าสู่วงการบาร์เทนเดอร์อย่างเต็มตัว คุณหนึ่งก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นแต่ยังนำแพชชั่นมาผสานกับความมุ่งมั่นหาประสบการณ์ เรียนรู้จากบาร์ในประเทศต่างๆ ที่เดินทางไปแข่งขันและท่องเที่ยวส่วนตัว เพื่อดึงจุดเด่นมาปรับใช้กับบาร์ของตนเอง
ด้าน เจน แก้วยอด แชมป์ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ ปี 2018 เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ทักษะและประสบการณ์จากการแข่งขันและการทำงานที่สั่งสมมา ไปใช้ในการสนับสนุนภูมิปัญญาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการในท้องถิ่น โดยเจนเล่าว่า เวลาที่คิดเมนูเครื่องดื่มไม่ออก มักจะกลับบ้านและสำรวจวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ทำให้ตระหนักได้ว่าอาชีพบาร์เทนเดอร์ ไม่ได้เพียงสนับสนุนแค่ตัวเองเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนสังคม ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตของชุมชนได้ ผ่านการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำเครื่องดื่ม
เช่นตัวเจนเองที่ก็เคยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาทำเครื่องดื่มในตอนที่เข้าร่วมการแข่งขันเช่นกัน และการกลับบ้านเพื่อหาแรงบันดาลใจนี่เองที่เป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้ตัดสินใจหันเหเส้นทางออกจากการทำงานในกรุงเทพมหานครและเดินทางกลับบ้านที่ภาคใต้ เพื่อเปิดบาร์ของตัวเองในชื่อ “สุวรรณ” ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นอีกแรงเล็กๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนวัฒนธรรมการดื่มและสนับสนุนท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน
ในขณะที่ มิ้ล - คุณณ์ ธนาวรชยกิจ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจของบาร์เทนเดอร์หญิงทั่วประเทศ กับการเป็นผู้ชนะ ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ที่เป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2016 โดยเวที เวิลด์ คลาส คือความฝันของเธอตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ
ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการฝึกฝนคือหัวใจสำคัญสู่ชัยชนะ มิ้ลจึงทำการบ้านและฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ความท้าทายหลักคือการตีโจทย์ให้แตก นำเสนอให้โดดเด่น สื่อสารให้น่าประทับใจ ซึ่งเป็นทักษะที่เธอได้เรียนรู้จากการแข่งขันดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส การทำงานอย่างเป็นระบบและทักษะการนำเสนออันยอดเยี่ยมที่ได้จากการแข่งขัน และตำแหน่งแชมป์ปี 2016 ส่งผลให้คุณมิ้ลก้าวขึ้นมาเป็น Beverage Manager ของโรงแรมชั้นนำอย่าง เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร และรับผิดชอบบาร์ชั้นนำของโรงแรมถึง 6 ร้าน ทั้งยังคงพัฒนาคิดค้นเครื่องดื่มที่มีมิติซับซ้อนเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้นักดื่ม พร้อมส่งต่อประสบการณ์และผลักดันวงการบาร์เทนเดอร์ไทยต่อไป
สำหรับปีนี้ การแข่งขัน “ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2023” จะจัดรอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศในวันที่ 2 – 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 236 คน ที่ต้องทดสอบฝีมือและทักษะการชงเครื่องดื่มอย่างเข้มข้นเพื่อชิงชัยความเป็นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Speed Challenge ประชันความเร็วในการชงเครื่องดื่ม หรือการตีความและสร้างสรรค์ค็อกเทลจาก ซิงเกิ้ลมอลต์ (The Singleton), จิน (Tanqueray), เตกิล่า (Don Julio), และสก็อตช์ วิสกี้ (Johnnie Walker Blue Label) โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากวงการบาร์เทนเดอร์และเครื่องดื่มจากไทยและต่างประเทศเป็นผู้ตัดสิน เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขัน ดิอาจิโอ เวิลด์ คลาส ในระดับโลก ณ เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ในเดือนกันยายนปีนี้