สารพัดคำถาม ‘ลิเวอร์พูล’ หลังยุค ‘คลอปป์’ เตรียมหาตัวแบกแทน ‘ซาลาห์’ ?
เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายตามมาเกี่ยวกับอนาคตของ “ลิเวอร์พูล” หลังประกาศข่าวช็อกวงการว่า “เจอร์เกน คลอปป์” จะอำลาสโมสรเมื่อจบฤดูกาลนี้ ปิดฉากการคุมทีมนานเกือบ 9 ปีของกุนซือชาวเยอรมัน
Keypoints:
- การที่ เจอร์เกน คลอปป์ แยกทางกับลิเวอร์พูลหลังจบฤดูกาลนี้ จะทำให้เกิด “ช่องว่างขนาดมหึมา” ไม่ว่าผู้จัดการทีมคนต่อไปจะเป็นใครก็ตาม
- ตัวเก็งที่จะมารับงานคุมทัพหงส์แดงต่อในฤดูกาลหน้าคือ “ชาบี อลอนโซ” วัย 42 ปีซึ่งปัจจุบันคุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซนในศึกบุนเดสลีกา แต่คำถามคือ เขาพร้อมหรือยัง?
- โม ซาลาห์ จะมีอายุครบ 32 ปีในเดือนมิถุนายนนี้ และปัจจุบันเหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์เพียง 1 ปีครึ่ง ไปต่อหรือพอแค่นี้ ซัมเมอร์นี้น่าจะรู้คำตอบ
ถึงแม้ เจอร์เกน คลอปป์ วัย 56 ปี อดีตเฮดโค้ชของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังในศึกบุนเดสลีกาของเยอรมนี ซึ่งรับงานคุมทีมลิเวอร์พูลต่อจาก เบรนแดน รอดเจอร์ส เมื่อเดือนตุลาคม 2015 ได้กอบกู้ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรให้กับสโมสรในยุคการคุมทัพของเขาด้วยการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่การแยกทางกับสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้จะทำให้เกิด “ช่องว่างขนาดมหึมา” ไม่ว่าผู้จัดการทีมคนต่อไปจะเป็นใครก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ถึงการออกจากถิ่นแอนฟิลด์ของคลอปป์จะเป็น “ปัญหาใหญ่ที่สุด” ที่กลุ่มทุนอเมริกันเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลอย่าง “Fenway Sports Group” หรือ FSG เคยเจอมาตั้งแต่เข้าซื้อกิจการสโมสรเมื่อเดือนตุลาคม 2010 แต่มันอาจไม่ใช่ปัญหาเดียวที่พวกเขาจะต้องรับมือในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้
- เจอร์เกน คลอปป์ จะอำลาลิเวอร์พูลเมื่อจบซีซันนี้ หลังคุมทีมนาน 8 ปีครึ่ง (เครดิตภาพ: AFP) -
ผลกระทบแบบระลอกคลื่น (ripple effect) จากการตัดสินใจแยกทางกับทีมของคลอปป์ จะสะเทือนถึงทั้งในและนอกสนามแอนฟิลด์ และไม่น่าจะมีทางออกอันง่ายดายสำหรับ FSG
ถึงแม้การหาคนมาแทนที่ผู้จัดการทีมซึ่งประสบความสำเร็จที่สุดของลิเวอร์พูลในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ ถือเป็นความท้าทายใหญ่หลวงอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น การที่คลอปป์อำลาทีมไป จะทำให้เกิดคำถามที่ต้องตอบมากมาย รวมถึง “กุนซือคนใหม่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ” หรือไม่
- ตัวเต็งผู้จัดการทีมคนต่อไป มีใครบ้าง
นี่ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ และการพิสูจน์ความสามารถของลิเวอร์พูลว่าจะเด้งเชือกกลับมาจากอาการเมาหมัดหลังข่าวแยกทางกับคลอปป์ได้ดีเพียงใด โดยในช่วงเวลาที่เหลือก่อนปิดฤดูกาลนี้ สโมสรจะต้องเลือก “คนที่ใช่” มาแทนที่และพร้อมสานต่อสไตล์การเล่นและความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตัวเก็งที่จะมารับงานคุมทัพหงส์แดงต่อในฤดูกาลหน้าคือ “ชาบี อลอนโซ” วัย 42 ปีซึ่งปัจจุบันคุมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซนในศึกบุนเดสลีกา โดยตำนานนักเตะเลือดสเปนเคยเล่นให้ลิเวอร์พูลชุดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปี 2005 และออกมาพูดถึงความผูกพันระหว่างตัวเขากับลิเวอร์พูลและแฟนหงส์แดงอยู่บ่อยครั้ง
- ชาบี อลอนโซ วัย 42 ปี ซึ่งปัจจุบันพาทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เป็นจ่าฝูงบุนเดสลีกา (เครดิตภาพ: AFP) -
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งคนที่ยังมองข้ามไม่ได้แต่กลับไม่ถูกพูดถึงมากนักคือ “สตีเวน เจอร์ราร์ด” ตำนานนักเตะและลูกหม้อของลิเวอร์พูลซึ่งเคยเล่นร่วมกับอลอนโซเช่นกัน โดย “สตีวี จี” เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับสโมสรกลาสโกว์ เรนเจอร์สในสกอตแลนด์ ก่อนมารับงานที่แอสตัน วิลลาแต่ทำผลงานไม่ดีนักจนถูกปลด และปัจจุบันกำลังคุมทีมอัล อิตติฟาคในลีกสููงสุดของซาอุดีอาระเบีย
นั่นทำให้ อลอนโซ กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากทำทีมเลเวอร์คูเซนขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงบุนเดสลีกาในเวลานี้ (นับถึงวันที่ 28 ม.ค.) ด้วยคะแนนรวม 49 คะแนนและยังไม่แพ้ใครจาก 19 นัด ทิ้งห่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค รองจ่าฝูงอยู่ 2 คะแนน (47 คะแนนจาก 19 นัด)
สำหรับสไตล์การเล่นของเลเวอร์คูเซนในยุคอลอนโซนั้น เน้นเกมรุกดุดันซึ่งดูจะเหมาะสมลงตัวกับดีเอ็นเอของลิเวอร์พูลในยุคนี้ ทว่าในโลกฟุตบอล ทุกอย่างอาจไม่ง่ายดายอย่างที่ตาเห็น การรับงานใหญ่หลังจากเริ่มต้นเส้นทางอาชีพผู้จัดการทีมเพียง 2 ฤดูกาลของอลอนโซ ก็อาจทำให้เขาดูยังไม่พร้อมสำหรับลิเวอร์พูล ทั้งจากในมุมตัวอลอนโซเองหรือในมุมสโมสร
หากตัวเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ยังไม่ใช่อลอนโซ ลิเวอร์พูลก็อาจหันไปพิจารณาตัวเลือกรายอื่น ๆ อย่าง “เกรแฮม พอตเตอร์” อดีตกุนซือเชลซี ผู้สร้างชื่อสมัยคุมทีมไบรท์ตัน “จูเลียน นาเกลส์มันน์” อดีตเฮดโค้ชบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นกุนซือเลือดใหม่ไฟแรงของเยอรมนี หรือ “โรแบร์โต เด แซร์บี” ซึ่งกำลังพาทีมไบรท์ตันโชว์ฟอร์มโดดเด่นในพรีเมียร์ลีกขณะนี้
หรือแม้แต่ตัวเลือกกุนซือรุ่นเก๋าอย่าง “โชเซ มูรินโญ” ยอดกุนซือจอมแท็กติกชาวโปรตุเกส “ฆูเลน โลเปเตกี” อดีตผู้จัดการทีมเรอัล มาดริดและวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และ “อันโตนิโอ คอนเต” กุนซือมาดเฮี้ยบชาวอิตาลี ซึ่งทุกคนที่กล่าวมานี้ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ว่า สโมสรลิเวอร์พูลจะตัดสินใจเลือกใครเป็นคำตอบสุดท้าย
- “โม ซาลาห์” กับปัญหาคาราคาซัง
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธข้อเสนอก้อนโตมูลค่า 150 ล้านปอนด์จากทีมอัล อิตติฮัดในซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอซื้อ “โมฮัมเหม็ด ซาลาห์” ดาวยิงชาวอียิปต์ของทีม แต่หากอัล อิตติฮัดกลับมาตามจีบซาลาห์อีกในปีนี้ อาจจะทำให้ลิเวอร์พูลตัดสินใจได้ยากยิ่งขึ้น
- โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวความหวังของลิเวอร์พูล (เครดิตภาพ: AFP) -
ซาลาห์จะมีอายุครบ 32 ปีในเดือนมิถุนายนนี้ และปัจจุบันเหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์เพียง 1 ปีครึ่ง ถึงแม้ฟอร์มการเล่นของแข้งอียิปต์ในฤดูกาลนี้ยังคงยอดเยี่ยมสมเป็นสตาร์ของทีมเช่นเคย แต่ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลมักใช้เกณฑ์ “อายุ” ของนักเตะในการตัดสินใจว่าสมควรจะลงทุนไปกับอนาคตของนักเตะในวัยนี้หรือไม่
หากมองในมุมธุรกิจ การขายซาลาห์ออกจากทีมด้วยค่าตัวมหาศาลในช่วงซัมเมอร์นี้ น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีต่อสโมสร เพราะจะทำให้ได้เงินทุนไปซื้อผู้เล่นใหม่มาเสริมแกร่งให้กับทีม และไม่ต้องเสี่ยงเสียแข้งคนสำคัญรายนี้ไปแบบฟรี ๆ ในซัมเมอร์ปี 2025 อีกด้วย
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือ เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้กับซาลาห์ และหวังว่าเขาจะยังคงเป็นกำลังหลักของทีมได้จนถึงอายุ 34 หรือ 35 ปี อย่างที่ทำได้ในตอนนี้
ถึงอย่างนั้น เหตุผลทางการเงินในการแยกทางกับซาลาห์นั้น ดูเหมือนจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า และจะทำให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในสโมสร หากทั้งคลอปป์และซาลาห์อำลาทีมไปพร้อมกันช่วงซัมเมอร์นี้
นอกจากนั้น ผู้จัดการทีมคนใหม่จะต้องมีส่วนในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับประเด็นอนาคตของสโมสร เช่น ต้องการจะสร้างทีมใหม่หลังจบฤดูกาลนี้เลย หรือจะยังเก็บซาลาห์ไว้กับทีมแล้วค่อยไปหาวิธีรับมือโอกาสเสียเขาไปแบบฟรี ๆ เอาดาบหน้า
อย่างไรก็ตาม คำถามเหล่านี้ไม่สามารถจะตอบกันได้ง่าย ๆ นักเตะอย่างซาลาห์เองก็ถือเป็นศูนย์กลางของความสำเร็จในยุคการคุมทีมของคลอปป์ช่วงกว่า 8 ปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่า เราจะได้เห็นคำตอบที่ชัดเจนและการตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของดาวยิงชาวอียิปต์กับลิเวอร์พูล ภายในซัมเมอร์นี้
อ้างอิง: ESPN