ขนมครกไทย คว้าอันดับ 4 แพนเค้กที่ดีที่สุดในโลกปี 2024 โดย Tasteatlas
"ขนมครก" ของไทย คว้าอันดับ 4 ในหมวดเมนู "แพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก" ปี 2024 และยังครองแชมป์อันดับ 1 ขนมที่อร่อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!
เมื่อไม่กี่วันก่อน Tasteatlas เว็บไซต์จัดอันดับอาหารชื่อดังระดับโลกเพิ่งจะประกาศผลการจัดอันดับอาหารล่าสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในหมวด "แพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก" โดยในรายงานดังกล่าวระบุว่า "ขนมครก" ของประเทศไทย มาแรงติดอันดับ 4 ของโลก!
ทั้งนี้จากเมนูแพนเค้กที่ดีที่สุด 85 อันดับทั่วโลก “ขนมครกไทย” คว้าอันดับ 4 ด้วยเรตติ้ง 4.5 ดาว โดยเมื่อดูข้อมูลภาพรวมทั้งหมดพบว่า 7 อันดับแรกของแพนเค้กที่ดีที่สุดในโลก ได้แก่
อันดับ 1 เครป (Crêpes) “ฝรั่งเศส” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 2 ไกเซอร์ชมาร์น (Kaiserschmarrn) “ออสเตรีย” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 3 เจียนปิ่ง (Jianbing) “จีน” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 4 ขนมครก (Khanom Khrok) “ไทย” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 5 เครปนอร์มังดี (Crêpes Normande) “ฝรั่งเศส” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 6 เครสเปล อัลลา วัลโดสตานา (Crespelle alla Valdostana) “อิตาลี” ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 7 บลินี (Blini) “รัสเซีย” ได้คะแนน 4.4 ดาว
ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะ “แพนเค้กในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่ติดอันดับต่างๆ มานั้น พบว่ามี 7 อันดับมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “ขนมครก” ของไทยมาแรงครองแชมป์เป็นอันดับ 1 แพนเค้กที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยวัดจากคะแนนเรตติ้ง ดังนี้
อันดับ 4 : ขนมครก (Khanom Khrok) ไทย ได้คะแนน 4.5 ดาว
อันดับ 23 : เซราบี (Serabi) อินโดนีเซีย ได้คะแนน 4.3 ดาว
อันดับ 24 : ดาดาร์กูลุง (Dadar gulung) อินโดนีเซีย ได้คะแนน 4.3 ดาว
อันดับ 27 : คิวเอป (Kue Ape) อินโดนีเซีย ได้คะแนน 4.3 ดาว
อันดับ 31 : แพนเค้กกรอบ (Bánh xèo) เวียดนาม ได้คะแนน 4.2 ดาว
อันดับ 35 : อาปัม บาลิก (Apam Balik) มาเลเซีย ได้คะแนน 4.2 ดาว
อันดับ 48 : มินิแพนเค้กรสเผ็ด (Bánh khọt) เวียดนาม ได้คะแนน 4.1 ดาว
สำหรับประวัติและต้นกำเนิดของ “ขนมครก” ของไทยนั้นสันนิษฐานว่า เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณสมัยอยุธยา มีหลักฐานพบการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องความหอมอร่อยนุ่มลิ้น ใช้แป้ง น้ำตาล และกะทิ เป็นวัตถุดิบหลักในการทำ เมื่อทำเสร็จแล้วหน้าตาของขนมมีลักษณะเป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันเป็นคู่ก่อนเสิร์ฟ
ในสูตรการทำขนมครกไทยโบราณจะใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำข้ามคืน จากนั้นนำไปโม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวยหุงสุก และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ วิธีการทำคร่าวๆ คือ นำแป้งที่ผสมแล้วหยอดลงบนเตาหลุม (เตาขนมครก) โรยด้วยต้นหอม รอจนเหลืองกรอบจึงแคะออกมาเป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันเป็นคู่ก่อนรับประทาน
ต่อมาในยุคปัจจุบันพบว่ามีการพัฒนาสูตรขนมให้เป็น “ขนมครกชาววัง” มีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกแตกต่างไปจากสูตรโบราณ เช่น หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าแครอท หน้าฝอยทอง เป็นต้น
ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยที่มีขนมครก แต่ยังพบขนมหน้าตากคล้ายๆ กันนี้ในพม่า ลาว และอินโดนีเซียด้วย โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่า เซอราบี (serabi) เป็นต้น