แพทย์ผิวหนัง ตอบชัด ไฮยาลูรอน ช่วยผิวอิ่มน้ำ ทา หรือ ฉีด แบบไหนได้ผลดีกว่ากัน
แพทย์ผิวหนัง เคลียร์ชัด ไฮยาลูรอน ช่วยผิวอิ่มน้ำ ทา หรือ ฉีด แบบไหนได้ผลดีกว่ากัน พร้อมไขข้อสงสัยหลังดราม่าเลือกใช้ระหว่าง ไฮยา หรือ เรตินอล
กลายเป็นประเด็นดราม่าของการใช้สกินแคร์กลุ่ม Active ingredient หรือส่วนผสมที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ออกฤทธิ์แบบแก้ปัญหาตรงจุด อย่างการใช้ เซรั่ม ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ให้ความชุ่มชื่น ช่วยผิวอิ่มน้ำ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เมื่อนำมาทาแล้วไม่ได้ผล หากต้องการผลดีควรฉีดเท่านั้น
เรื่องนี้ พญ.ศศธร สิงห์ทอง นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ไฮยามีหลายรูปแบบ โดยไฮยาเป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า พอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบต่างๆ ของเนื้อเยื่อในร่างกายอยู่แล้ว ทั้งผิวหนัง ข้อต่อ อย่างคนที่เป็นข้อเสื่อมก็เพราะไฮยาในข้อเข่าลดลง
ไฮยาจะได้ผลจำเป็นต้องฉีดเท่านั้นหรือไม่?
พญ.ศศธร เผยว่า ไฮยา หรือ ไฮยาลูรอน คือ ไฮยาลูโรนิก แอซิด มีทั้งรูปแบบเครื่องสำอางชนิดทา และเครื่องมือแพทย์สำหรับฉีด โดยมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป หากเป็นชนิดทามีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องผิว โดยขนาดของโมเลกุลไฮยาที่มีหน่วยเรียกว่า kDa (กิโลดาลตัน) ต้องมีขนาดเล็กนิดหนึ่งระดับหนึ่ง จึงจะสามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ แต่หากอนุพันธ์ใหญ่ก็จะเป็นลักษณะเคลือบผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงต่างๆ จะมีไฮยาช่วยให้ผิวอุ้มน้ำเพิ่มมากขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นได้
แบบที่มีขายในท้องตลาดจะใช้ได้ผลหรือไม่ และจะสังเกตผลิตภัณฑ์อย่างไร?
พญ.ศศธร กล่าวว่า ไฮยามีขนาดโมเลกุลที่หลากหลายที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางมาตรฐาน มีเลขจดแจ้ง ผลิตจากโรงงานที่มี GMP น่าจะเพียงพอสำหรับการเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณผิวหนัง
เมื่อถามว่าไฮยาต้องฉีดเท่านั้นถึงจะได้ผลหรือไม่ ต้องบอกว่าการฉีดไฮยาเข้าผิวหนัง เช่น ฟิลเลอร์ ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ซึ่งมีหลักฐานการแพทย์ว่ามีประสิทธิผลดี ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ
มีคนใช้ไฮยาแล้วแพ้หรือไม่?
พญ.ศศธร เผยว่า เรามีโอกาสแพ้เครื่องสำอางได้ เพราะมีสารประกอบหลายตัว ทั้งไฮยา น้ำหอม สารกันเสีย ฯลฯ ดังนั้นอาจทดลองทาบริเวณท้องแขนก่อนก็ได้ ส่วนกลุ่มที่ควรใช้ไฮยานั้นใช้ได้ตั้งแต่วัยรุ่นได้จนถึงทุกวัย อาจใช้ควบคู่กับครีมบำรุงผิวทั่วไป
มีดราม่าว่าหากทาไฮยา ให้ทาเรตินอลดีกว่า?
พญ.ศศธร กล่าวว่า สารทั้งสองชนิดนั้นมีความแตกต่างกัน โดยเรตินอล เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ซึ่งจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส แต่ก็อาจมีโอกาสระคายเคืองได้ วิธีการใช้ต้องเลือกให้เหมาะสม ค่อยๆ ปรับ เริ่มต้นใช้จากความแรงน้อยๆ ความถี่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ส่วนไฮยานั้นจะเน้นบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่า
'ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลเรื่องความงาม ครีมบำรุงผิวจำนวนมาก หลายอย่างต้องระวัง อาจไม่จริงเสมอไป ดังนั้นก่อนเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหรือเครื่องสำอางใดๆ ควรศึกษารายละเอียดก่อน พิจารณาว่าเหมาะกับผิวตนเองหรือไม่ หรือหากไม่แน่ใจปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนจะดีที่สุด'