ทำไมการเดินสายโปรโมตหนังดัง กลายเป็นสมรภูมิแฟชั่นอันดุเดือดของฮอลลีวูด?
การเดินสายโปรโมตภาพยนตร์นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเท่านั้น แต่ส่งผลถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นด้วย เพราะถือว่าเป็นสนามการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ ดุเดือด และการที่แบรนด์ได้ไปอวดโฉมพร้อมเหล่านักแสดงก็เป็นการตลาดที่สำคัญ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากมายข้ามปี และสร้างปรากฏการณ์สำคัญให้กับวงการบันเทิง เช่น Oppenheimer, Barbie, Dune, Challengers หรือ The Fall Guy เป็นต้น นอกจากตัวของภาพยนตร์ ผู้กำกับ และนักแสดงซึ่งเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนคลับแล้ว อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่มองเห็นมากขึ้นก็คือ การเดินสายแถลงข่าวและโปรโมตภาพยนตร์ไปทั่วโลก (Press Tours) ของเหล่านักแสดงและทีมงาน นอกจากจะทำให้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้นแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่แบรนด์แฟชั่นต่างๆ เลือกที่จะส่งสินค้าไปโฆษณาอีกด้วย จนเกิดเป็นการแข่งขันกันอย่างดุเดือดใน “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
สำหรับปรากฏการณ์การโปรโมตภาพยนตร์ในปีที่ผ่านมาที่กระแสแรงที่สุดเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้น “Barbie” หรือ บาร์บี้ ที่นักแสดงนำ มาร์โก รอบบี (Margot Robbie) และ ไรอัน กลอสลิง (Ryan Gosling) รวมถึงผู้กำกับและนักแสดงคนอื่นๆ เดินสายโปรโมตภาพยนตร์ไปเกือบทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้ เม็กซิโก อังกฤษ และในอีกหลายเมืองของอเมริกา
แน่นอนว่าด้วยความเป็น “บาร์บี้” สีชมพูย่อมถูกใช้เป็นสีหลักของงานโดยเฉพาะเสื้อผ้าที่คนดังสวมใส่ โดยเฉพาะแฟชั่นของนักแสดงสาว มาร์โก ที่นอกจากจะเน้นสีชมพูเป็นหลักแล้ว เธอยังแต่งตัวเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นต่างๆ ที่มีวางขายอยู่จริงอีกด้วย ดังนั้นแบรนด์ดังต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุนเสื้อผ้าให้กับเธอย่อมได้รับการพูดถึงตามไปด้วย เช่น Vivienne Westwood Couture, Moschino, Schiaparelli, Chanel, Gucci หรือ Bottega Veneta ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งความยิ่งใหญ่อลังการของเสื้อผ้าหน้าผมในการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ งานแถลงข่าว และงานประกาศรางวัลต่างๆ นั้นทำให้ในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวหนังสือ “Barbie: The World Tour” ซึ่งทำขึ้นเพื่อรวบรวมลุคออกงานต่างๆ จากหลายแบรนด์ของมาร์โก ที่มีความเชื่อมโยงกับชุดของบาร์บี้ในหลายคอลเลกชัน
ตัดภาพมาที่ปัจจุบันเราได้เห็นการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ดังอีกหลายเรื่อง โดยในแต่ละครั้งเรามักได้เห็นแฟชั่นของนักแสดงจากแบรนด์ต่างๆ ที่ออกแบบหรือปรับแต่งมาให้สอดคล้องกับธีมของภาพยนตร์มากมาย แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือจากเรื่อง “Challengers” หรือ ชาเลนเจอร์ นำแสดงโดยนักแสดงสาวมากความสามารถ เซนเดย์อา หรือ Zendaya เล่าถึงเรื่องราวของนักเทนนิสสาวที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างแข่งขันและผันตัวมาเป็นโค้ชให้กับสามี แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องราวและผู้คนในอดีตหวนกลับมาพาให้ปวดหัว (ซึ่งเราจะข้ามเรื่องราวในส่วนนี้ไป เพื่อไม่ให้เป็นการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์)
ก่อนที่ชาเลนเจอร์จะเข้าฉายเราก็ได้เห็นเซนเดย์อาและนักแสดงนำอีก 2 คน คือ ไมค์ ไฟสต์ (Milk Faist) และ จอร์ช โอคอนเนอร์ (Josh O' Connor) เดินสายโปรโมตภาพยนตร์และปรากฏตัวในการฉายภาพยนตร์รอบสื่ออย่างต่อเนื่อง และที่เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างมากก็คือ แฟชั่นธีมเทนนิสของเซนเดย์อานั่นเอง
ด้วยความที่เซนเดย์อามีภาพจำว่าเป็นนักแสดงที่มีความโดดเด่นเรื่องแฟชั่นอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้ทุกครั้งที่เธอออกงานจะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและกูรูแฟชั่นอยู่เสมอ และการโปรโมตภาพยนตร์ชาเลนเจอร์ เธอก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังด้วยการสวมรองเท้าที่มีส้นเป็นลูกเทนนิสจาก Loewe และชุดเดรสสีเขียวที่มีลูกเทนนิสผูกอยู่บริเวณหน้าท้องของ Celia Kritharioti
ภาพจาก People
หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นเซนเดย์อาสวมชุดจากหลายแบรนด์ที่พยายามทำออกมาให้เข้ากับคอนเซปต์ “กีฬาเทนนิส” โดยสไตลิสต์คู่บุญของเธอ ลอว์ โรช (Law Roach) ก็คัดสรรเสื้อผ้ามาได้เข้ากับธีมของภาพยนตร์เป็นอย่างมาก นอกจากรองเท้าและเดรสลูกเทนนิสของเธอแล้ว ก็ยังมีอีกหลายลุค เช่น ชุดเดรสแขนยาวตัวสั้นลายตารางขนาดใหญ่สีขาวสลับเขียวของ Louis Vuitton, เดรสสีขาวคอปกตัวยาวเรียบง่ายแต่มีลายไม้เทนนิสซ่อนอยู่ของ Thom Browne, ชุดเดรสคอปกสีขาวตัวสั้นสไตล์วินเทจจาก Ralph Lauren หรือกระโปรงเทนนิสสีขาวขลิบด้วยสีเขียวมะนาวจาก Longchamp และไม่ใช่แค่แบรนด์เสื้อผ้าเท่านั้น แต่เซนเดย์อายังใช้กระเป๋าผ้าจาก Black Girls Tennis Club ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนเด็กผู้หญิงผิวสีที่สนใจกีฬาเทนนิส
จากความสำเร็จในแฟชั่นของเซนเดย์อาและลอว์ โรชในการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ครั้งนี้ทำใหนิตยสารด้านแฟชั่นชื่อดัง Vouge กล่าวว่าทั้งคู่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแฟชั่นสำหรับการออกงานแถลงข่าวเลยทีเดียว เพราะแม้แต่ลุคที่ดูเรียบง่ายก็ยังสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างมากจนมีหลากหลายลุคที่กลายเป็นที่จดจำ
แม้ว่าการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับแฟชั่นนั้นถือเป็นอีเวนต์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการแต่งกายของนักแสดงนั้นนอกจากจะต้องมีความสวยงามโดดเด่นแล้วในบางครั้งก็จำเป็นต้องมีนัยสำคัญหรือ Easter-egg ซ่อนอยู่ เหมือนกับเซนเดย์อาที่สวมรองเท้าลูกเทนนิสในการแถลงข่าวครั้งแรกที่ซิดนีย์ แต่เนื่องจากเธอเพิ่งเสร็จสิ้นจากการโปรโมตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกหนึ่งเรื่องอย่าง Dune: Part TwoDune: Part Two ซึ่ง ลอว์ โรช ออกมาเปิดเผยว่าจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างให้กับสไตล์ของเซนเดย์อาเป็นอย่างมากตั้งแต่ทรงผม การแต่งหน้า ไปจนถึงเสื้อผ้า เพื่อสลัดภาพจำของเธอที่มีอยู่ไม่กี่วันก่อนออก เพราะในการโปรโมต Dune เซนเดย์อาจะมาในเสื้อผ้าที่เหนือจริง ล้ำสมัย และดูเหมือนหลุดมาจากโลกอนาคตที่แตกต่างกับสาวสดใสสไตล์นักกีฬาในชาเลนเจอร์โดยสิ้นเชิง
ข้อมูลจาก GQ ระบุว่า เป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรทั้งสำหรับนักแสดงและสไตลิสต์ที่ต้องพยายามวิเคราะห์เนื้อหาของภาพยนตร์ให้ออกมาเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสมทั้งกับตัวนักแสดงเองและสื่อสารเนื้อหาของภาพยนตร์ออกมาได้ตั้งแต่แรกเห็น และที่สำคัญต้องสามารถสะกดสายตาของช่างภาพได้อีกด้วย
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเหล่าแบรนด์ดังทั้งหลายต่างต้องแข่งขันกันเพื่อนำเสนอเสื้อผ้าและรองเท้า รวมถึงเครื่องประดับที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ดึงดูดสายตาได้มากที่สุดให้กับภาพยนตร์ดังต่างๆ เพราะจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการโปรโมตสินค้าของตัวเองออกไปทั่วโลก และเผลอๆ อาจมากกว่าตอนที่แบรนด์จัดแฟชั่นโชว์ของตัวเองเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะได้รับความสนใจจากผู้คนในอุตสาหกรรมแฟชั่นแล้ว ยังทำให้แฟนคลับและคนทั่วไปได้มองเห็นและเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้นผ่านพื้นที่สื่อและโลกออนไลน์ ซึ่งการโปรโมตในลักษณะนี้ก็ค่อนข้างได้ผลมากพอสมควรเนื่องจากกระโปรงเทนนิส Longchamp ที่เซนเดย์อาสวมใส่ในเว็บไซต์ก็ขึ้น Sold Out ไปแล้วหลายไซส์
นอกจากบาร์บี้และชาเลนเจอร์ที่ทำให้การเดินสายโปรโมตภาพยนตร์กลายเป็นเรื่องน่าจับตามองของสื่อมวลชนและคนในแวดวงแฟชั่นแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่กำลังเป็นที่พูดถึงก็คือ Wicked หลังจากที่นักแสดงนำของภาพยนตร์ทั้ง ซินเธีย เอริโว่ (Cynthia Erivo) และ อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) สวมใส่เสื้อของ Louis Vuitton ปักเลื่อมเป็นตัวเลข 27 ซึ่งเป็นวันที่ภาพยนตร์จะเข้าฉายแบบสั่งทำพิเศษลงในโซเชียลมีเดียก็ทำให้ภาพยนตร์และเสื้อผ้าอีกหลายชุดของพวกเธอกลายเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็วในทันทีแม้ว่าภาพยนตร์จะเข้าฉายในเดือน พ.ย. ก็ตาม
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้ “ฮอลลีวูด” จึงกลายเป็นสนามประลองของ “อุตสาหกรรมแฟชั่น” ที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหรือแบรนด์ทั่วไปที่กำลังพยายามก้าวเข้ามาแข่งขันในโลกของแฟชั่นจึงมองว่าการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์เป็นอีกหนึ่งสนามที่เสื้อผ้าของตัวเองจะได้ไปปรากฏอยู่บนพื้นที่สื่อและได้รับการพูดถึงไปทั่วโลก (ถ้าทำถึง)