กรุงเทพฯ ติดอันดับ 17 เมืองที่ต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดของโลกปี 2567
กรุงเทพฯ รั้งอันดับ 17 เมืองยอดนิยมที่ต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดของโลกปี 2567 ขณะที่กรุงลอนดอนขึ้นแท่นอันดับ 1 ส่วนสิงคโปร์คว้าอันดับ 7 ไปครอง
ยุคนี้การทำงานและใช้ชีวิตในต่างประเทศกลายเป็นความฝันที่เป็นไปได้มากขึ้น ไม่ยากเหมือนในอดีต ตอบโจทย์วัยทำงานที่ต้องการโอกาสใหม่ๆ ด้านการงานการเงิน โดยเฉพาะแรงงานทักษะสูงกำลังไหลบ่าสู่ตลาดงานต่างประเทศทั่วโลก
ยืนยันจากผลสำรวจของ Decoding Global Talent Report 2024 ซึ่งจัดทำโดยบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (BCG) ร่วมกับเดอะ เน็ตเวิร์ก (The Network) และเดอะ สเต็ปสโตน กรุ๊ป (The Stepstone Group) ที่ได้เปิดเผยรายงาน “10 เมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายไปทำงานมากที่สุดในโลก ประจำปี 2024” ซึ่งระบุว่า
“กรุงลอนดอน” ประเทศอังกฤษ ขึ้นแท่นอันดับ 1 (9%) เป็นเมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติกลุ่มแรงงานทักษะสูงนิยมย้ายไปทำงานมากที่สุดในโลก ตามมาด้วย “กรุงอัมสเตอร์ดัม” ประเทศเนเธอร์แลนด์คว้าอันดับ 2 (8%) และ “ดูไบ” จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้อันดับ 3 (7%) ส่วน “อาบูดาบี” จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ “นิวยอร์ก” จากสหรัฐอเมริกา ติดอันดับ 4 (7%) และ 5 (6%) ตามลำดับ
ทั้งนี้ สำหรับอีก 5 ประเทศที่เหลือที่ติดอันดับใน Top 10 destination cities for global talent ได้แก่
อันดับ 6 กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี (5%)
อันดับ 7 สิงคโปร์ (5%)
อันดับ 8 บาร์เซโลนา ประเทศสเปน (5%)
อันดับ 9 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (5%)
อันดับ 10 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (4%)
ในแถบเอเชีย กรุงเทพฯ รั้งอันดับ 17 เมืองยอดนิยมของโลก ขณะที่สิงคโปร์ คว้าอันดับ 7 ไปครอง
ขณะที่ “กรุงเทพฯ” จากประเทศไทยรั้งอันดับ 17 เมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาทำงานมากที่สุดในโลก โดยนับเป็น 1 ใน 9 เมืองจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เข้ามาติดอันดับ 30 อันดับแรกของโลก โดยเมื่อดูภาพรวมของเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ติดอันดับเข้ามาด้วย ได้แก่
- สิงคโปร์ (อันดับที่ 7)
- โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (อันดับที่ 9)
- ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (อันดับที่ 10)
- เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย (อันดับที่ 14)
- โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ (อันดับที่ 16)
- กรุงเทพฯ ประเทศไทย (อันดับที่ 17)
- ปักกิ่ง ประเทศจีน (อันดับที่ 25)
- กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (อันดับที่ 26)
- โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น (อันดับที่ 30)
นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าว (เผยแพร่ ณ 24 เมษายน) ยังระบุด้วยว่า สัดส่วนของคนที่กำลังหางานทำในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายเป็นวงกว้างไปทั่วโลกก็ตาม โดยพบว่าบุคคลที่โยกย้ายไปทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 23% ในปี 2566 จากเดิมเพียง 21% ในปี 2563 อ้างอิงจากการสำรวจประชากรกว่า 150,000 รายใน 188 ประเทศทั่วโลก
“แรงงานทักษะสูงมากถึง 800 ล้านคน สามารถหางานในต่างประเทศได้” รายงานดังกล่าวระบุ
เปิด 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้แรงงานทักษะสูงอยากย้ายประเทศ ขณะที่นายจ้างก็มีความต้องการแรงงานกลุ่มนี้สูง
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์คำตอบจากกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด พบปัจจัยหลัก 3 ประการที่ส่งผลให้แรงงานทักษะสูงต้องการย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง ได้แก่ โอกาสทางเศรษฐกิจที่มากกว่า, ความก้าวหน้าในอาชีพที่มากกว่า และศักยภาพในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้การศึกษายังพบว่า นายจ้างทั่วโลกถึง 92% กล่าวว่า “การดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถเป็นหนึ่งในสามลำดับความสำคัญสูงสุดของพวกเขา การจ้างแรงงานต่างชาติไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างด้านกำลังการผลิตเท่านั้น แต่บริษัทที่มีความหลากหลายในเชื้อชาติและวัฒนธรรมแบบ Multi-Culture มากขึ้น ยังก่อให้เกิดนวัตกรรมและความสำเร็จมากกว่าอีกด้วย พวกเขาสามารถสร้างผลกำไรที่สูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเป็นนักสร้างสรรค์ระดับโลกมากกว่า 75%”
แรงงานอยากย้ายไปทำงานที่ลอนดอน-สิงคโปร์ ก็เพราะ มีเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง, มีโอกาสทางการเงินสูง, ปลอดภัยสูง
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่ทำให้แรงงานทักษะสูงอยากย้ายไปทำงานที่กรุงลอนดอนถึง 9% ได้แก่ เป็นเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก, มีเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่งซึ่งผู้มีความสามารถจำนวนมากในเมืองนี้มาจากประเทศอื่น, มีโอกาสทางการเงินมากมาย, ชาวเมืองให้การต้อนรับและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการต่อยอดเข้าถึงเมืองอื่นๆ ได้ทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ สิงคโปร์ ถือเป็นจุดหมายปลายทางของแรงงานทักษะสูงในอันดับต้นๆ ของภูมิภาคแถบเอเชีย (รั้งอันดับที่ 7 ที่คนอยากย้ายไปทำงานมากที่สุดโลก) โดยพบว่ามีการไหลเข้าของผู้มีความสามารถที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมาจากประเทศใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย (30%) ไทย (22%) อินโดนีเซีย (19%) ฟิลิปปินส์ (14%) และฮ่องกง (13%)
74% ของบรรดาผู้ที่ยินดีย้ายไปสิงคโปร์ กล่าวว่า คุณภาพของงานและโอกาสในการทำงานของสิงคโปร์ ดึงดูดให้พวกเขาอยากเข้ามาหางานทำที่นี่ อีกทั้งผลสำรวจพบว่า 57% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า ชอบคุณภาพชีวิตของสิงคโปร์ เช่นเดียวกับรายได้ ภาษี และค่าครองชีพ นอกจากนี้ 55% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ชี้ว่า สิงคโปร์มีความปลอดภัยเป็นเลิศ และมีความมั่นคง ทำให้พวกเขาเลือกสิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ สำหรับการทำงาน