‘ไมเคิล จอร์แดน’ รวยสุดในวงการกีฬา ขึ้นแท่นค่าตัวสูงสุดตลอดกาล

‘ไมเคิล จอร์แดน’ รวยสุดในวงการกีฬา ขึ้นแท่นค่าตัวสูงสุดตลอดกาล

“ค่าเหนื่อย” สำหรับ “นักกีฬาอาชีพ” โดยเฉพาะผู้เล่นระดับตำนานแล้วเรียกได้ว่ามากมายมหาศาล อย่างเช่น “ไมเคิล จอร์แดน” ที่ได้ค่าเหนื่อยจากการเล่นบาสเกตบอลสูงถึง 3,750 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13,700 ล้านบาท

นักกีฬา” เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนหรือที่เรียกว่า “ค่าเหนื่อย” สูงที่สุดอาชีพหนึ่ง แต่นักกีฬาอาชีพที่จะมีรายได้อย่างมหาศาลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะนอกจากพรสวรรค์แล้วต้องแลกมาด้วยวินัยในการฝึกซ้อมอย่างหนัก รวมถึงต้องสร้างผลงานได้ดีจนเป็นที่ประจักษ์

แม้ว่าในปัจจุบันนักกีฬาบางคนอาจได้รับเงินจากสปอนเซอร์ แต่ถ้านับเพียงแค่ค่าเหนื่อยอย่างเดียวพบว่ามีนักกีฬาอาชีพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีค่าเหนื่อยสูงสุดตลอดกาลเกินพันล้านดอลลาร์มีเพียงแค่ 16 คนเท่านั้น และคนที่ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลกตลอดกาลก็คือ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) อดีตนักบาสเกตบอลในตำนานทีมชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) กับตัวเลขที่คำนวณอัตราเงินเฟ้อแล้วจะอยู่ที่ 3,750 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 137,240,625,000 บาท

ข้อมูลจาก Sportico เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลธุรกิจในวงการกีฬาพบว่า “บาสเกตบอล” เป็นกีฬาที่มีนักกีฬาได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดตลอดกาลรวมกันทั้งวงการแล้วมากที่สุดถึง 13 ล้านดอลลาร์ และใน 10 อันดับแรกมีนักกีฬาบาสเกตบอล NBA ติดมาทั้งหมด 2 คน ได้แก่ ไมเคิล จอร์แดน และ เลอบรอน เจมส์ (LeBron James)

สำหรับ 10 อันดับนักกีฬาที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลกตลอดกาล ได้แก่

อันดับ 1 ไมเคิล จอร์แดน 3.75 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 137 ล้านบาท

แม้ปัจจุบันไมเคิลจะมีรายได้เป็นจำนวนมากจาก Jordan Brand โดยรายได้ล่าสุดจากแบรนด์อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 แต่คิดเฉพาะแค่ค่าตัวเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้คำนวณอัตราเงินเฟ้อก็สูงถึง 2,700 ล้านดอลลาร์

หลังจาก “ไมเคิล จอร์แดน” เซ็นสัญญากับ “ชิคาโก บูลส์” และลงเล่นลีก NBA ใน 2 ฤดูกาลแรกจากทั้งหมด 15 ฤดูกาลเขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นที่มีรายได้มากที่สุดในลีก หลังจากนั้นเขาสามารถทำรายได้รวมทั้งหมดประมาณ 94 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะเขาจะออกจากวงการไปในปี 2003

อันดับ 2 ไทเกอร์ วูดส์ 2,660 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 97,000 ล้านบาท

กอล์ฟ เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนมองว่าหากเทิร์นโปรแล้วและมีผลงานโดดเด่นก็สามารถเพิ่มค่าตัวได้ไม่ยาก ถ้าหากอ้างอิงตามข้อมูลก็จะพบว่าใน 50 อันดับแรก มีนักกอล์ฟค่าตัวแพงติดโผมาหลายคน ซึ่งคนที่ค่าตัวแพงที่สุดก็อาจเป็นไปตามความคาดหมายของใครหลายคนสำหรับ ไทเกอร์ วูดส์ (Tiger Woods) อดีตนักกอล์ฟมือวางอันดับ 1 ของโลก ที่เคยทำเงินจากพีจีเอทัวร์ได้ถึง 121 ล้านดอลลาร์ และมีค่าตัวอยู่ที่ 2,660 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ไทเกอร์ยังมีรายได้จากช่องทางอื่นอีกด้วย เช่น ค่าตัวในการโฆษณา และค่าลิขสิทธิ์อื่นๆ

อันดับ 3 คริสเตียโน โรนัลโด 1,920 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 7,000 ล้านบาท

ถือเป็นนักฟุตบอลอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานสำหรับวงการกีฬาในปัจจุบันและยังมียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากที่สุดในโลกอีกด้วยสำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) นักเตะสัญชาติโปรตุเกสที่ผ่านมาแล้วหลายสนามตั้งแต่ระดับฟุตบอลสโมสรไปจนถึงฟุตบอลโลก

คริสเตียโน มีรายได้ตลอดชีวิตรวมแล้วประมาณ 1,570 ล้านดอลลาร์ และมีค่าตัวที่บวกอัตราเงินเฟ้อแล้วอยู่ที่ประมาณ 1,920 ล้านดอลลาร์ จากความสำเร็จและความนิยมจากโลกออนไลน์ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

อันดับ 4 อาร์โนลด์ พาลเมอร์ 1,760 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 6,400 ล้านบาท

อีกหนึ่งโปรกอล์ฟที่ถือว่าเป็นตำนานระดับโลกตลอดกาลและยากจะหาใครมาล้มล้างได้ก็คือ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ (Arnold Palmer) เจ้าของฉายา The King ที่แม้ว่าเขาจะทำเงินจากทัวร์พีจีเอและทัวร์แชมเปียนส์ได้เพียง 3.6 ล้านดอลลาร์ แต่เขากลับมีค่าตัวสูงถึง 1,760 ล้านดอลลาร์ หากเทียบกับค่าเงินในปัจจุบัน เนื่องจากเขามีผลงานอยู่ระหว่างยุค 50-60

แม้ว่าอาร์โนลด์จะเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2016 แต่ก็ฝากผลงานเอาไว้มากมายในการแข่งขันระดับอาชีพทั้งหมด 92 รายการ ตัวอย่างเช่น เป็นแชมป์รายการ The Masters จำนวน 4 ครั้ง ในปี 1958,1960,1962 และ 1964 แชมป์รายการ The Open ในปี 1961 และ 1962 รวมถึงเคยเป็นนักกอล์ฟที่ร่วมแข่งขัน Ryder Cup ถึง 6 ครั้ง และเป็นกัปตันทีม 2 ครั้ง นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจเกี่ยวกับสนามกอล์ฟอีกด้วย

อันดับ 5 เลอบรอน เจมส์ 1,700 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 6,200 ล้านบาท

อีกหนึ่งนักกีฬาค่าตัวแพงจาก NBA ก็คือ เลอบรอน เจมส์ (LeBron James) ผู้เล่นคนสำคัญของทีมเลเกอร์ส (LA Lakers) โดยเขาเป็นผู้เล่น NBA ที่มีรายได้สูงที่สุดในปี 2023 อยู่ที่ 126 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าอาจสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ในฤดูกาลหน้า และไม่ใช่แค่รายได้จากวงการกีฬาเท่านั้น เลอบรอนยังมีรายรับจากการคอลแลปส์กับรองเท้าผ้าใบชื่อดังอย่างไนกี้ที่จ่ายให้เขาต่อปีมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์

อันดับ 6 แจ็ค นิคลอส 1,670 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 6,100 ล้านบาท

แจ็ค นิคลอส (Jack Nicklaus) นักกอล์ฟในตำนานชาวอเมริกัน เจ้าของสถิติแชมป์เมเจอร์สูงสุดตลอดกาล 18 สมัย วัย 84 ปี ที่เทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 21 และคว้าแชมป์รายการแรกในชีวิตระดับเมเจอร์ ยูเอส โอเพน ในปีต่อมา

นอกจากนี้ในปี 1989 แจ็คในวัย 46 ปี คว้าแชมป์เมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ ได้เป็นสมัยที่ 6 และเป็นแชมป์เมเจอร์รายการสุดท้ายด้วยการทำสถิติเป็นนักกอล์ฟอายุมากที่สุดในการคว้าแชมป์

นอกจากค่าตัวแล้วแจ็คยังได้เงินจากธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟอีกด้วย ทำให้รายได้ของเขาสูงถึงประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปีในปลายยุค 2000

อันดับ 7 ลิโอเนล เมสซี 1,670 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 61,000 ล้านบาท

นักฟุตบอลอีกคนหนึ่งที่ติดโผการจัดอันดับมาในครั้งนี้ก็คือ ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi) นักเตะชาวอาร์เจนตินา เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 7 สมัย ที่พาทีมชาติคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปในปี 2022 ที่มีค่าตัวอยู่ที่ 1,670 ล้านดอลลาร์ แต่ก็เหมือนกับนักกีฬาดังคนอื่นๆ ที่มีค่าโฆษณาและค่าลิขสิทธิ์จากธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเสริม

อันดับ 8 เดวิด เบ็คแฮม 1,580 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 58,000 ล้านบาท

อีกหนึ่งนักฟุตบอลขวัญใจใครหลายคนที่ติดอันดับมาด้วยก็คือ เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเขาเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่ออายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ก่อนจะพาทีมไปสู่ความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ หรือ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

แม้ว่าในปัจจุบันเดวิดจะไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว แต่ก็ยังพบเห็นเขาปรากฏตัวตามสื่ออยู่ตลอด ทั้งในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์สินค้าต่างๆ นิตยสารแฟชั่น แขกรับเชิญในการแข่งขันกีฬานัดสำคัญๆ ไปจนถึงในรายการเรียลลิตีกับภรรยา วิกตอเรีย เบ็คแฮม

อันดับ 9 โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ 1,490 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 55,000 ล้านบาท

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (Roger Federer) อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลก ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลม ได้มากถึง 20 รายการ เป็นเพียงนักเทนนิสอาชีพเพียงคนเดียวที่ติดมาใน 10 อันดับแรกของการจัดอันดับ

นอกจากรายได้จากการแข่งขันเทนนิสจำนวนมากแล้วโรเจอร์ก็มีรายได้จากสปอนเซอร์เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือการเซ็นสัญญาระยะยาวถึง 10 ปีกับ Uniqlo ด้วยมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ในปี 2018 รวมถึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนกับแบรนด์รองเท้าผ้าใบ On อีกด้วย

อันดับ 10 ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ 1,480 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 54,000 ล้านบาท

นักมวยเพียงคนเดียวที่ติด 10 อันดับแรกก็คือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ (Floyd Mayweather) เจ้าของฉายา The Money ที่มีจุดเริ่มต้นในวงการในฐานะนักมวยมือสมัครเล่น แต่ก็ก้าวขึ้นมาสู่มืออาชีพและครองแชมป์โลกถึง 5 สมัย แม้ว่าปัจจุบันฟลอยด์จะประกาศแขวนนวมและไม่ได้ชกมวยเป็นอาชีพแล้ว แต่เขาก็ยังมีการชกมวยโชว์ในงานต่างๆ อยู่บ้างเป็นบางครั้ง รวมถึงยังมีรายได้จากแหล่งอื่นอีกด้วย

หากสังเกตดีๆ จะพบว่ารายชื่อนักกีฬาที่ติด 10 อันดับแรกเป็นผู้ชายทั้งหมด แต่จากข้อมูลฉบับเต็ม 50 อันดับแล้ว มีนักกีฬาหญิงเพียงคนเดียวที่ติดโผมาในอันดับที่ 40 นั่นก็คือ เซเรนา วิลเลียมส์ (Serena Williams) กับค่าตัว 630 ล้านดอลลาร์

อ้างอิงข้อมูล : sportico, statista และ Thailand PGA