5 สิ่งหัวหน้าที่ดีต้องทำ ช่วยดึงดูดคนเก่งทำงานในองค์กรไปนานๆ

การขึ้นเงินเดือนอย่างเดียว อาจไม่ใช่วิธีที่จะดึงคนเก่ง-ทักษะสูง ให้อยู่กับองค์กรได้เสมอไป แต่การทำให้พนักงานมีความสุขกับงานต่างหากที่สำคัญกว่า
KEY
POINTS
- ท่ามกลางวิกฤติขาดแคลนแรงงานของหลายองค์กร การรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความต่อเนื่องของธุรกิจและความมั่นคงของทีมงาน แต่การดึงดูดพนักงานด้วยการขึ้นเงินเดือนอย่างเดียว อาจไม่พอ
- ผลการศึกษาจาก Paychex ในปี 2022 พบว่า 48% ของพนักงานมีแผนจะเปลี่ยนงานภ
เมื่อการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความต่อเนื่องของธุรกิจและความมั่นคงของทีมงาน แต่การดึงดูดพนักงานด้วยการขึ้นเงินเดือนอย่างเดียว อาจไม่ใช่วิธีที่จะรักษาแรงงานทักษะสูงให้อยู่กับองค์กรได้เสมอไป แต่การทำให้พนักงานมีความสุขกับงานต่างหากที่สำคัญกว่า เพราะเมื่อมีความสุขในงานพวกเขาก็จะมีแรงจูงใจในการทำงาน มีผลิตผลงานได้ดีขึ้น และช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างมั่นคง
ในทางตรงกันข้าม หากอัตราการลาออกของพนักงานสูง องค์กรจะต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการสรรหาบุคลากรใหม่ รวมถึงเวลาที่เสียไปกับการฝึกอบรมพนักงานใหม่ อีกทั้งการลาออกยังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทีมที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ในที่ทำงาน
จากการศึกษาของ Paychex ในปี 2022 พบว่า 48% ของพนักงานมีแผนจะเปลี่ยนงานภายใน 12 เดือน และในปี 2023 รายงานจาก Gallup ระบุว่า ตัวเลขของคนที่อยากเปลี่ยนงานเพิ่มขึ้นเป็น 51% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ทำให้พนักงานอยากอยู่ต่อไปในอนาคต มากกว่าการให้แค่ขึ้นเงินเดือนและสวัสดิการพื้นฐานเท่านั้น
ทั้งนี้ องค์กรและหัวหน้าที่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี จะช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กรและมีความพึงพอใจในงานมากขึ้น โดย ดร.ซินเทีย เจ. ยัง (Cynthia J. Young) นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านลีดเดอร์ชิพและกลยุทธการเติบโตด้านอาชีพการงาน ได้ให้คำแนะนำผ่าน Forbes เกี่ยวกับ 5 วิธีที่องค์กรหรือหัวหน้างานควรทำ เพื่อรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้นานขึ้น นอกเหนือจากการให้ค่าตอบแทนที่ดี
หัวหน้าควรให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการทำงาน
ทำไมความยืดหยุ่นถึงสำคัญ? ปัจจุบันพนักงานจำนวนมากให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance หรือสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากขึ้น พวกเขาต้องการมีอิสระในการกำหนดตารางการทำงานของตนเอง เพื่อให้สามารถจัดสรรเวลาให้กับครอบครัว สุขภาพ และภารกิจส่วนตัวได้อย่างลงตัว
จากการสำรวจพบว่า 66% ของพนักงานต้องการทางเลือกในการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นรูปแบบของการทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) หรือการเลือกเวลาทำงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน การให้ความยืดหยุ่นในที่ทำงาน ไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจในงานมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดอัตราการลาออกได้อีกด้วย
วิธีที่ผู้นำองค์กรทำได้: อนุญาตให้พนักงานสามารถเลือกเวลาทำงานได้ เช่น บางคนอาจต้องการเริ่มงานเช้าขึ้นและเลิกงานเร็วขึ้น หรือทำงานช่วงค่ำแทน หรือเสนอทางเลือกในการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) ที่ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านบางวันและเข้าออฟฟิศบางวัน หรือให้พนักงานทำงานเกินชั่วโมงในวันหนึ่ง เพื่อชดเชยเวลาที่ต้องออกไปทำธุระส่วนตัวในวันอื่นๆ ได้ เป็นต้น
หัวหน้าควรสนับสนุนให้ลูกน้องพัฒนา และเติบโตในสายอาชีพ
ความต้องการที่สำคัญที่สุดของวัยทำงานทุกคน คงหนีไม่พ้นเรื่องโอกาสในเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพของตนเอง หากพนักงานมองไม่เห็นอนาคตของตนเองในองค์กรที่ทำงานอยู่ ก็มักจะรู้สึกไม่มีแรงจูงใจ และอาจเริ่มมองหางานใหม่ที่ให้โอกาสก้าวหน้ามากกว่า การให้โอกาสพนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับการเติบโตของพวกเขา
วิธีที่ผู้นำองค์กรทำได้: จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับสายงาน มีโปรแกรมพี่เลี้ยง (Mentorship) ที่ช่วยให้พนักงานรุ่นน้องได้รับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์รุ่นพี่ ขั้นตอนนี้จะช่วยให้พนักงานมีโอกาสได้เปลี่ยนแผนก หรือทดลองทำงานในตำแหน่งอื่น เพื่อค้นหาความสามารถและความสนใจของตนเอง เมื่อพนักงานมองเห็นโอกาสในการเติบโตของตนได้ชัดเจนขึ้น พวกเขาก็จะรู้สึกว่าพวกเขามีอนาคตในองค์กร ทำให้เกิดความกระตือรือร้น และมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
หัวหน้าควรติชมและให้คำแนะนำกับลูกน้องอย่างสม่ำเสมอ
พนักงานต้องการได้รับการยอมรับและรู้ว่าผลงานของพวกเขามีคุณค่า หากพนักงานรู้สึกว่าความพยายามของพวกเขาไม่ถูกมองเห็น พวกเขาอาจรู้สึกหมดกำลังใจและอาจเริ่มมองหางานใหม่
วิธีที่ผู้นำองค์กรทำได้: ให้ฟีดแบ็กอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ระหว่างการประเมินผลประจำปี แต่ลองชื่นชมพนักงานในที่สาธารณะ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและกระตุ้นให้พวกเขาทำงานอย่างเต็มที่ หรือใช้การประชุมทีมเป็นโอกาสในการแสดงความขอบคุณและให้คำชมเชย
ผู้นำองค์กรต้องให้ความสนใจพนักงานอย่างแท้จริง
พนักงานต้องการรู้สึกว่าเสียงของพวกเขามีความหมาย และได้รับความเคารพจากผู้บริหาร การที่ผู้นำแสดงออกถึงความเอาใจใส่และให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพนักงาน สามารถช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและอยากอยู่กับองค์กรต่อไป
วิธีที่ผู้นำองค์กรทำได้: เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจขององค์กร อีกอย่างที่สำคัญคือ หัวหน้าควรหลีกเลี่ยงการทำงานหลายอย่างพร้อมกันขณะพูดคุยกับพนักงาน เช่น แวะคุยกับคนอื่น, รับโทรศัพท์ จนขัดจังหวะการคุยงาน ฯลฯ รวมถึงจัดให้มีการประชุมแบบเปิดโอกาสให้พนักงานได้แชร์ความคิดเห็นของพวกเขา
องค์กรควรจัดสรรพื้นที่ทำงานให้เหมาะสมกับพนักงานของแต่ละแผนก
พื้นที่ทำงานที่เหมาะสมช่วยให้พนักงานมีสมาธิและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากพื้นที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน หรือมีเสียงรบกวนมากเกินไป อาจส่งผลให้พนักงานรู้สึกติดขัดกับงาน และไม่มีความสุขในการทำงาน
วิธีที่ผู้นำองค์กรทำได้: จัดวางฉากกั้นระหว่างโต๊ะทำงานเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวหรือ จัดให้มีพื้นที่เงียบสงบสำหรับพนักงานที่ต้องการสมาธิ อีกทั้งควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสำนักงานมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอสำหรับพนักงานทุกคน
อย่างไรก็ตาม แม้การขึ้นเงินเดือนและสวัสดิการเป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกองค์กรต้องมอบให้พนักงานตามสิทธิที่ควรได้รับ แต่มันก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จทั้งหมดในการรักษาพนักงานทักษะสูงเอาไว้ได้ หากอยากดึงดูดคนเก่งเอาไว้นานๆ องค์กรหรือหัวหน้างานควรปรับมุมใหม่ หันมามอบความยืดหยุ่น โอกาสในการเติบโต คำชื่นชม ความเอาใจใส่ และสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่พนักงานของคุณ สิ่งเหล่านี้จะสามารถรักษาพนักงานที่มีคุณค่าให้อยู่กับบริษัทได้นานขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในระยะยาว