สิงคโปร์เล็งแจกเงินช่วยเหลือคนว่างงาน เน้นกลุ่มโดนเลิกจ้าง

สิงคโปร์เล็งแจกเงินช่วยเหลือคนว่างงาน เน้นกลุ่มโดนเลิกจ้าง

สิงคโปร์เล็งแจกเงินช่วยคนว่างงาน! นโยบายนี้ถูกปรับปรุงใหม่โดยจะเริ่มเดือนเมษายน เน้นกลุ่มโดนเลิกจ้าง บริษัทปิดตัว ท่ามกลางคำถามสังคม แจกเงินแล้วจะได้ผลแค่ไหน?

KEY

POINTS

  • เดือนหน้ารัฐบาลสิงคโปร์เตรียม "แจกเงิน" ช่วยเหลือให้กับแรงงานชาวสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ภายใต้โครงการ สวัสดิการว่างงานรูปแบบใหม่ สำหรับผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป
  • นโยบายนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสิงคโปร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีท่าทีต่อต้านการจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงานมาโดยตลอด 
  • ก่อนหน้านี้เคยมีแนวคิดเดิมๆ ที่ว่า ถ้าคุณตกงานแสดงว่าคุณทำงานไม่ดีพอ แต่ในยุคนี้ พูดแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไป เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน เทคโนโลยีก็มาดิสรัปต์ วัยทำงานจำนวนมากอาจตกงานโดยที่ไม่ใช่พวกเขาเลย

สิงคโปร์ปรับนโยบายแก้วิกฤติตกงานครั้งใหญ่ จ่อออกมาตรการแจกเงินช่วยคนว่างงาน หวังต่อลมหายใจให้แรงงานและกระตุ้นให้หางานทำในตลาดงานต่อไป ขณะที่กระแสสังคมก็กังวลว่าการแจกเงินดังกล่าวจะได้ผลดีแค่ไหน? ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชี้ว่า นโยบายดังกล่าวเกิดจากปัจจัยความเปลี่ยนแปลงระดับโลก ที่ส่งผลต่อสิงคโปร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

ยกตัวอย่างเคสวัยทำงานอย่าง "จูลี ลี" (Julie Lee) วัย 53 ปี เธอเป็นที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา เธอถูกเลิกจ้างจากบริษัทดังกล่าว ทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง

ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกเลิกจ้างมาก่อนถึงสองครั้ง เมื่อเจอการถูกเลิกจ้างอีกครั้ง มันทำให้เธอทั้งหมดไฟและรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง โดยเฉพาะเมื่อต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของครอบครัว รวมถึงค่าเล่าเรียนของลูกสาวที่กำลังเรียนปริญญาตรีอยู่ที่ออสเตรเลีย

"ฉันรู้สึกเหมือนทำให้ครอบครัวต้องเครียดไปด้วย" ลีกล่าว เธอใช้เวลาหางานอยู่ 10 เดือนก่อนจะตัดสินใจเปิดธุรกิจที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคลของตัวเอง ระหว่างนั้น เธอเข้าร่วมการฝึกอบรมและอบรมทักษะใหม่ๆ พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่งอาชีพในโปรไฟล์ของตัวเองเป็น Chief Human Resource Officer (CHRO) หรือหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล

แม้ว่า ลี จะต้องใช้เงินเก็บของตัวเองเพื่อจ่ายค่าอบรม แต่ภาระทางการเงินก็ลดลงได้บ้างด้วยเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลสิงคโปร์ภายใต้โครงการ SkillsFuture ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2015 เธอบอกว่า การตัดสินใจลงทุนเรียนรู้เพิ่มเติม ก็เพื่อให้ตนเองสามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้ต่อไป 

สิงคโปร์แจกเงินช่วยคนตกงาน สูงสุด 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป (เมษายน 2025) รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับแรงงานชาวสิงคโปร์ที่ถูกเลิกจ้าง ภายใต้โครงการ สวัสดิการว่างงานรูปแบบใหม่ สำหรับผู้ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป

โดยจะให้เงินช่วยเหลือสูงสุด 6,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 152,000 บาท) ซึ่งจะทยอยจ่ายให้ในระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่มีเงื่อนไขบังคับเรื่องการใช้จ่าย และฐานเงินเดือนจะต้องไม่สูงเกินเกณฑ์กำหนด

แต่ในครั้งนี้มีเงื่อนไขในการรับเงินช่วยเหลือ คือ ผู้สมัครต้องว่างงานจากเหตุสุดวิสัย เช่น ถูกเลิกจ้าง บริษัทปิดกิจการ ถูกให้ออกจากงาน หรือไม่สามารถทำงานได้เพราะเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องแสดงให้เห็นว่ากำลังหางานใหม่อย่างจริงจัง เช่น อัปเดตประวัติการทำงานในแพลตฟอร์มหางาน ไปร่วมงานแฟร์จัดหางาน หรือเข้ารับคำปรึกษาด้านอาชีพ

แต่ถึงแม้ลีจะเข้าข่ายทุกเงื่อนไข เธอก็ไม่ได้รับสิทธิ์ เนื่องจากรายได้เดิมของเธอสูงเกินเพดานที่กำหนดไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน

จุดเปลี่ยนสำคัญแนวคิด "แจกเงินช่วยเหลือ" ของสิงคโปร์ แม้ก่อนหน้านี้ค้านมาตลอด

ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจให้ความเห็นว่า นโยบายนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสิงคโปร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีท่าทีต่อต้านการจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงานมาโดยตลอด

ศาสตราจารย์ เทรเวอร์ ยู (Trevor Yu) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (NTU) อธิบายว่า "สิงคโปร์มีจุดยืนต่อต้านสวัสดิการคนว่างงานมาโดยตลอด เพราะกังวลว่าอาจทำให้คนขาดแรงจูงใจในการหางาน และสร้างภาระระยะยาวต่อรัฐ ซึ่งขัดกับแนวคิดการพึ่งพาตนเองที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่ได้รับเอกราช"

อดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู เคยกล่าวไว้ในปี 1978 ว่า สิงคโปร์ตระหนักถึง อันตรายของระบบรัฐสวัสดิการที่มากเกินไป และเงินช่วยเหลือคนว่างงาน โดยมองว่าประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดอย่างสิงคโปร์ ควรเน้นให้รางวัลกับคนที่ทำงานหนักและมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดทุนและเทคโนโลยีจากต่างชาติ

แต่เวลาผ่านไป สถานการณ์ในตลาดแรงงานเปลี่ยนไปมาก ดร.วอลเตอร์ ธีเซรา (Walter Theseira) นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์แห่งสิงคโปร์ (SUSS) กล่าวว่า แนวคิดเดิมที่ว่า ถ้าคุณตกงานแสดงว่าคุณทำงานไม่ดีพอ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

"ทุกวันนี้ หลายคนตระหนักดีว่าด้วยวัฏจักรเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอันรวดเร็ว คนจำนวนมากอาจตกงานโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย" นักเศรษฐศาสตร์อธิบาย

ดร.เคลวิน ซีอาห์ (Kelvin Seah) นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) เสริมว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามาปฏิวัติภาคธุรกิจ และทำให้งานบางประเภทหมดความจำเป็น

ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคาร DBS ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว 4,000 คนภายในสามปีข้างหน้า เพราะ AI สามารถเข้ามาทำงานแทนที่ได้มากขึ้น

รัฐบาลสิงคโปร์ต้องคุมสมดุลแรงงาน ไม่ให้ระบบเป็นภาระ

ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ระบุว่า แม้จำนวนคนถูกเลิกจ้างทั้งปีจะลดลงจาก 14,590 คนในปี 2023 เหลือ 13,020 คนในปี 2024 แต่ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว จำนวนคนตกงานกลับเพิ่มขึ้นจาก 3,050 คนในไตรมาสสาม เป็น 3,680 คนในไตรมาสสี่ โดยเฉพาะในภาคการเงินและประกันภัย ซึ่งมีอัตราการปลดพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 270 คนเป็น 620 คน เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น

ดร.ธีเซรา ชี้ว่า เพดานรายได้ที่กำหนดไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน ดูเหมือนจะมุ่งช่วยเหลือกลุ่มแรงงานที่มีรายได้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยกลางของประเทศ ส่วนกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป จะได้รับการช่วยเหลือผ่านมาตรการอื่น เช่น เงินสนับสนุนการฝึกอบรมแบบที่ลีเคยได้รับ

ในรัฐสภาเดือนนี้ รัฐมนตรีอาวุโสกระทรวงแรงงาน โก๊ะ โพห์ คูน (Koh Poh Koon) ระบุว่า โครงการนี้มีขึ้นเพื่อให้แนวทางที่ชัดเจนสำหรับคนว่างงานในการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่ากฎเกณฑ์ต้องไม่เข้มงวดเกินไปจนกลายเป็นแค่ "การทำตามเงื่อนไขเพื่อให้ได้เงิน"

"แต่ละคนมีความต้องการและสถานการณ์ที่ต่างกัน บางคนที่มีทักษะสูงอยู่แล้ว หรือรู้วิธีหางานอยู่แล้ว เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้าน HR อาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมหรือคำแนะนำเพิ่มเติม พวกเขาอาจแค่ต้องการเวลาในการหางานที่เหมาะสม" เขากล่าว

ถึงอย่างนั้น เขาก็มองว่ารัฐบาลต้องดำเนินนโยบายนี้ตั้งแต่ตอนนี้ เพราะในอนาคต ปัจจัยความเปลี่ยนแปลงระดับโลกอาจทำให้แรงงานสิงคโปร์ตกงานมากขึ้นเรื่อยๆ หากถ้าไม่มีระบบช่วยเหลือแบบนี้ อาจเป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจำนวนมากขึ้นในอนาคต

 

อ้างอิง: SCMP