'อิ๋งอิ๋ง-สิทธิณี' รักเหมียวดั่ง 'ลูก'
วันสบายหลังเหน็ดเหนื่อยกับอาชีพการงานของคุณคืออะไร สำหรับ เธอคนนี้ คือสัตว์เลี้ยง แมวเหมียว ที่รักเสมือนลูกเนื่องจากเธอนั้นไม่มีลูก
เดิมไม่เคยสนใจเจ้าสัตว์สี่ขาขี้อ้อน ที่ร้อง “เหมียว” จนกระทั่ง ดร.สิทธิณี กิตติสิทโธ หรือ รู้จักกันในนาม อิ๋งอิ๋ง พิธีกรชื่อดัง เจอแมวตัวแรกในชีวิตเมื่อปี 2539 ชื่อเจ้า “ชิงชิง” นับแต่นั้นกลายเป็นทาสแมวเก็บของสะสมสิ่งของที่ระลึกต่างๆเกี่ยวกับแมวจากทั่วโลกจนเต็มบ้าน แล้วมีความสุขที่ได้ชื่นชม
“เป็นอะไรที่รักแมว เป็นทาสแมวตั้งแต่ตอนนั้น เขาอ้อน จะกินข้าว จะนอน ต้องเอาหน้ามาแนบซุกอยู่ที่คอทำตัวเหมือนเป็นกระรอก ไม่ใช่แมว(หัวเราะ) ก็เลยเก็บของสะสมที่เป็นแมวเกือบทั่วโลก ไปที่ไหนก็ซื้อมาเป็นของที่ระลึก 1 ชิ้น จนตอนนี้เต็มตู้ ยังทำอีกตู้ไม่เสร็จ มีทั้งแมคเน็ตแมวที่ถอดหัวได้ มีแมวกวักทั้งแบบไฟฟ้าและพลังแสงอาทิตย์ คิตตี้ โดราเอมอนก็มี ไม่เคยนับเลยว่ามีกี่ชิ้น ทำตู้จัดเรียงไปเรื่อยๆ ถ้าเต็มก็หาผนังหรือทำตู้ตรงที่ว่างอื่นๆไปเรื่อยๆ เป็นความสุขใจเล็กๆน้อยๆของเรา คนอื่นอาจจะไม่ได้สนใจของพวกนี้ที่อาจจะดูเยอะแยะเต็มบ้านไปหมด
ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นของประโลมจิตใจ เป็นของที่ดูแล้วสบายตา สบายใจ สร้างความสดชื่น เพราะแมวแต่ละแบบก็ไม่เหมือนกัน ดูไปแล้วก็เพลิดเพลิน นอกจากตุ๊กตายังมีแก้วน้ำ โถกาแฟสารพัด ปกติชอบคิตตี้มากแต่ไม่ได้สะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับคิตตี้ ไม่ถึงขนาดที่ว่า ฝักบัว ที่นอน ผ้าห่ม ฯลฯ ต้องเป็นคิตตี้ แต่จริงๆแล้วก็เคยอยากมีห้องๆหนึ่งที่เป็นคิตตี้ทั้งหมดเหมือนกันนะ(หัวเราะ) วันไหนว่างๆ จะลองคิดทำห้องคิตตี้ขึ้นมาดีกว่า”
เธอเปิดใจว่าที่ทำไปทุกอย่างก็คือความสุข ปัจจุบันมีแมวตัวใหม่หน้าตาเหมือน “ชิงชิง” ตัวเดิม ให้ชื่อเดียวกัน เพราะยังรักและผูกพันกับเจ้าแมวเหมียวตัวแรก ทว่าเจ้าตัวที่สองนี้มีอุปนิสัยขี้อ้อนน้อยกว่า เนื่องจากไม่ได้นอนด้วยกัน
“เพราะชิงชิง 1 เรานอนด้วยกันก็เลยสนิทกันมาก ส่วนชิงชิง 2 (ตอนนี้อายุ 7-8 ขวบแล้ว) ไม่ได้นอนด้วยกันพอพี่ป่วย(เป็นโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือ SLE) หมอก็ไม่ให้นอนกับสัตว์ แต่ก็สนิทกันนะเช่นเวลาเรียกเขาก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักเลย เมื่อก่อนมีแมวทั้งหมด 13 ตัว ตอนนี้เหลือแค่ 3 ตัว มีชื่อ อิทธิพล อายุ 7-8 ขวบ จิ้วจิ้ว อายุ3-4 ขวบ เป็นแมวเปอร์เซียสีเทา แล้วก็ชิงชิง2 ของสะสมที่เป็นแมวบางทีก็ไม่ได้มาจากต่างประเทศนะ แค่ไปซื้อต้นไม้แล้วเห็นเขามีขายก็เลยซื้อมา เพราะหน้าตาเหมือนแรคคูน น่ารักดี ของสะสมที่เป็นแมวสีฟ้า ทำจากแก้วอย่างดีมาจากเมืองเมมฟิส ประเทศอียิปต์ ตอนนั้นจำได้ว่าไปถ่ายรายการทีวี พอเห็นแมวตัวนี้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภก็เลยซื้อกลับมาเพราะเราชอบแมวอยู่แล้วเป็นทุน ส่วนแมวสีทอง สีเงิน มาจากประเทศฝรั่งเศส นอกนั้นก็มาจากญี่ปุ่นบ้าง คละเคล้ากันไป”
ครั้งที่เจ้าแมวเหมียว “ชิงชิง1” จากไปยอมรับว่าเสียใจมาก เศร้ามาก ทานอาหารไม่ลง ได้แต่ร้องไห้ จัดงานศพให้แมว ทำหลุมศพให้อย่างดีมีดอกไม้ ขุดหลุมไว้ภายในบริเวณบ้าน เพราะรักเสมือนลูก
“อยู่ด้วยกันมา 10 กว่าปี จนวาระสุดท้ายของเขา ถ้าเรากลับบ้านช้า เขาจะออกไปยืนชะเง้อรอดูว่าแม่มาหรือยัง ถ้าแม่มาก็จะกระโดด ดีใจ ความผูกพันมันมากจริงๆ ซึ่งต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ ถ้าจะเลี้ยงอีก ก็ต้องเลี้ยงให้ได้แบบชิงชิง 1 จะได้ความรู้สึกจากใจจริงๆประหนึ่งเรามีเขา และเขาก็มีเราเท่านั้น อาบน้ำเช็ดตัวให้ก่อนนอน แปรงขนเป่าให้แห้งก่อนขึ้นเตียง อาบเขาก่อนแล้วเราค่อยอาบ เขาก็จะนอนรออยู่บนหมอน นอนเอาหัวชนกัน พอดีรูปพวกนี้ไม่รู้อยู่ในลังไหน พอดีเก็บตึกจัดบ้านใหม่ พอเขาจากไปเราเหมือนเสียลูก เสียญาติ เสียสิ่งที่รักคนที่รักไป เพราะเราไม่มีลูก เรามีแมวคือลูก นั่งกินข้าวเราก็จะเอาอีกจานให้เขา ก็จะนั่งกินพร้อมกัน ไม่ลุกล้ำจานเรา ก็บอกให้กินของหนูไปนะไม่วุ่นวายไม่เข้ามาตะกุยจานเรา”
ยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงถ้าเลี้ยงด้วยใจให้เวลากับเขาสิ่งที่ได้กลับมานั้นก็จะแสนชื่นใจ เวลาเธอไปถ่ายรายการต่างประเทศทางบ้านให้คุยโทรศัพท์กับเจ้าแมวเหมียวชิงชิง เขาฟังเสียงแล้วทำตาปิ๊งๆราวกับสื่อสารกันรู้เรื่อง เอาหน้ามาแนบถูคุ้ยโทรศัพท์ส่งเสียงสื่อสารในแบบของแมว “อิ๋งอิ๋ง” ว่าเจอแบบนี้ไม่ให้รัก ไม่ให้หลง ได้อย่างไร ถ้าใครไม่เป็นทาสแมวก็จะไม่มีวันเข้าใจ
ส่วนเรื่องงาน เธอยังคงมีรายการโทรทัศน์ “เปิดโลกสดใส”ทำมายาวนานกว่า 33 ปี รายการ “คนไทยใต้ร่มราชัน” ทำมา 20 ปี ออกอากาศทางช่อง 5 เช่นกัน และมี รายการ “ทำด้วยใจเพื่อแผ่นดิน” ทาง NBT ช่อง 11 มีทีมงานประมาณ 15 กว่าคนถือว่าไม่เยอะมาก
ในช่วงโควิด-19 ยังไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากเซ็นต์สัญญาล่วงหน้าถึงสิ้นปี เวลาถ่ายรายการก็ต้องระวังตัวมากขึ้น ใส่หน้ากากอนามัย มีเจลล้างมือ ไม่เข้าไปในที่ฝูงชนแออัด เธอมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราไม่เคยสร้างกรรมไว้ก็คงรอดจากโรคระบาด ดังเช่นพระพุทธองค์ตรัสไว้ในสมัยก่อนเรียกว่า ห่าลง พระอานนท์ถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้าไม่กลัวติดโรค
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเราไม่เคยสร้างกรรมไว้ เราก็คงไม่เจอ ดังนั้นเธอเชื่อว่าถ้าเราหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้เยอะ โดยการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นคนที่ดีของสังคม ก็ไม่ต้องหวั่นไหว ขณะเดียวกันเราต้องดูแลป้องกันตัวเองให้ดีด้วยระดับหนึ่ง เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้มนุษย์คงได้เห็นสัจธรรมมากขึ้น มีความโอบอ้อมอารี เผื่อแผ่กันมากขึ้น เพราะผ่านภาวะยากลำบากที่เหมือนเป็นบททดสอบครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า “โควิด-19”