MBA จะยังอยู่ไหม
เมื่อจำนวนผู้เรียน MBA ลดลง เนื่องจากรูปแบบการเรียนรู้เปิดกว้างหลากหลายมากขึ้น เช่น ออนไลน์ ทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเฉพาะส่วนได้ แล้วอนาคตหลักสูตร MBA จะยังสำคัญอยู่หรือไม่
ในโอกาสที่ศศินทร์ฯ ได้ต้อนรับคณาจารย์ผู้บริหาร Business Schools ชั้นนำของโลกที่มาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นกับการรับรอง (Accreditation) EQUIS ของสถาบันฯ มีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน และดำเนินงานโปรแกรม MBA และยังสะท้อนถึงทิศทางอนาคตที่น่าคิดและเป็นประโยชน์กับคนในภาคธุรกิจ ทั้งที่เรียน MBA มาแล้ว ที่กำลังคิดจะเรียน หรือส่งลูกเรียน หรือที่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องเรียนก็ได้
เป็นที่เห็นตรงกันจากสถิติทั่วโลก ว่าจำนวนผู้เรียน MBA ลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าความสนใจเรียนรู้การบริหารธุรกิจจะถดถอยลง แต่เป็นเพราะรูปแบบในการเรียนรู้เปิดกว้างหลากหลายมากขึ้น ทั้งโปรแกรมออนไลน์ที่ผุดขึ้นมากมาย ทำให้คนสามารถเลือกบริโภคข้อมูลที่อยากรู้ได้ โดยไม่ต้องรวมศูนย์ที่สถาบันการศึกษา
เป็นข้อคิดให้ต้องเกิดการปรับตัว โดยพบการให้ความสำคัญกับ Blended Learning ที่ให้ผู้เรียนสามารถศึกษา ผสมผสานจากช่องทางออนไลน์ในบางส่วน และช่องทาง Onsite หรือในห้องเรียน ซึ่งต้องปรับปรุงรูปแบบให้เป็นการแลกเปลี่ยน มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ยัง ขาดหายไปจากการเรียนออนไลน์
จำนวนผู้เรียน MBA ที่ลดลงยังมาจากการลดบทบาทความสำคัญของการต้องได้ปริญญา โดยมีคนจำนวนมากเห็นว่า เลือกเรียนเฉพาะส่วนที่สนใจก็พอใจแล้ว ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปริญญาโทมาแล้ว หรือคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจผู้ประกอบการที่ไม่ต้องเอาวุฒิไปแสดงตัวตนกับนายจ้าง
เป็นข้อคิดให้สถาบันการศึกษาต้องเกิดการปรับตัวด้านการจัดการหน่วยกิต โดยเปิดโอกาสให้มีการเก็บสะสมได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนกันเป็นรุ่นๆ แล้วจบกันไป เป็นรุ่นๆ แต่เรียนเมื่อมีความพร้อมและความต้องการเรียนได้ครบตามข้อกำหนด เมื่อไรจึงมีสิทธิ์ได้ปริญญา
แนวโน้มดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งในแง่การออกแบบเนื้อหา โปรแกรม การจัดช่องทางและวิธี การเรียนรู้การรับสมัครและดูแลนักศึกษาที่หลากหลาย พร้อมกันกับการนำเสนอนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ
"การเชื่อมโยงที่สำคัญของ MBA คือการประสานความร่วมมือกับภาคธุรกิจ ให้เกิด impact ที่จับต้องได้"
ซึ่งทีมบริหาร EQUIS ตอกย้ำว่า Innovation ไม่จำเป็นต้องหมายถึง Digital เท่านั้น แม้ว่าหลายกรณีจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Data Analytic ที่ทุกสถาบันหันมาให้ความสนใจ มีการเปิดคอร์สหรือสร้างเป็นสาขา เป็นโปรแกรมเฉพาะเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดที่มีมากขึ้น
Innovation ด้านอื่นๆ ยังได้แก่การเปิดโลกและมุมมองจากบริบทของฐานเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น ภูมิภาค Asia Pacific ที่แต่เดิมไม่ได้เป็นฐานหลักในการเรียนรู้ การบริหารธุรกิจ ทำให้หลายครั้งต้องไปใช้ทฤษฎีที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากบริบทของโลกตะวันตก ปัจจุบันกระแสโลกพลิกมุมให้คนตื่นตัวศึกษาการบริหารจัดการ ของโลกฝั่งตะวันออกมากขึ้น พร้อมๆ กันกับเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ที่ภาคธุรกิจต้องคำนึงถึง ทำให้เกิดมีนวัตกรรมใหม่ๆ ในเนื้อหาการเรียนรู้
ทีมบริหารเสนอแนวคิดว่า ในเมื่อโลกยุคใหม่ผสมผสานข้ามสายมีประเด็นใหม่ๆ เกิดขึ้น ตลอดการจัดการทรัพยากร อาจารย์ผู้ให้ความรู้ก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป จะจำกัดตัวแค่คนกลุ่มเก่ากลุ่มเดิม คงไม่ได้ แต่ต้องมีการเชื่อมงานข้ามสาย ดึงคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาแลกเปลี่ยนกันให้มากขึ้น โดยผ่านบทบาทการมีส่วนผสมการทำงานของ Visiting Professor หรือ Visiting Research Fellows รวมทั้งการผลักดันให้คณาจารย์ของตัวเองต้องออกไปเปิดโลกหลุดจากกรอบ Comfort Zone เดิมๆ
การเชื่อมโยงที่สำคัญของ MBA ได้แก่ การประสานความร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อให้เกิด impact ที่จับต้องได้ชัดเจน ไม่ใช่เป็นองค์ความรู้ตามตำรา ส่งผลต่อการปรับตัวเรื่องการจัดการการเรียนการสอนที่ให้เนื้อหามาจากบริบทการทำงานจริง เป็นสิ่งที่ผู้เรียนเข้าใจ เข้าถึง และมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนกับคนที่ปฏิบัติอยู่ได้ โดยช่องทาง อาจผ่านเครือข่ายศิษย์เก่าที่จบไป เป็นเจ้าของกิจการเป็นผู้บริหารในองค์กรต่างๆ และต้องการนำสิ่งที่ทำมาเชื่อมกับกระบวนการเรียนรู้ เพื่อเป็นโอกาส ได้มุมมองใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็เป็นการเหลาทักษะผู้สอนและผู้เรียนให้ร่วมสมัยอยู่เสมอ
การได้ประชุมกับคนเก่งๆ ในวงการ อย่างนี้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ได้อัพเดทความรู้ความคิดใหม่ๆ รู้แล้วก็มาแบ่งปันกัน อย่างนี้ก็เป็นอีกช่องทางให้ได้พัฒนา ร่วมกันไปในวงกว้างด้วย