กลับดอยกับ 'ริชชี่' ชวนเที่ยว 'ดอยปู่หมื่น' ชมวิถีชนเผ่าลาหู่
ชวนปักหมุดเที่ยว "ดอยปู่หมื่น" แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติบนดอยสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนักแสดงสาวสวยอย่าง "ริชชี่" อรเณศ ดีคาบาเลส ที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในขณะนี้
จากกระแสดราม่าเรื่องการเปลี่ยนตัวนักแสดงจาก "ริชชี่" อรเณศ ดีคาบาเลส ไปเป็นนักแสดงคนอื่นแทน ของละครเรื่อง "ซ่อนเงารัก" ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียลขณะนี้ บวกกับดราม่าเกี่ยวกับการบูลลี่ชาติพันธุ์ชนเผ่าชาวดอย โดยมีพิธีกรฝีปากจัดจ้านคนหนึ่งโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวโยงถึงนักแสดงสาวในทำนองที่ว่าให้ "กลับดอย" ไป เนื่องจาก "ริชชี่" มีบ้านเกิดอยู่ที่ "ดอยปู่หมื่น" อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ แต่ทางนักแสดงสาวก็ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเพราะบ้านของเธออยู่ที่นั่นเป้นธรรมดาที่ต้องกลับดอยอยู่แล้ว
ดูท่าว่าดราม่าเรื่องการบูลลี่ชาติพันธุ์ชนเผ่าชาวดอยจะยังไม่จบง่ายๆ แต่อยากให้พักเรื่องดราม่าไว้ก่อน แล้วไปทำความรู้จัก "ดอยปู่หมื่น" บ้านเกิดที่น่าอยู่ของ "ริชชี่" กันหน่อยดีกว่า เพราะมีความน่าสนใจตรงที่เธอเป็นถึงเหลนของคุณทวดที่เป็นผู้นำชนเผ่าชื่อ "นายปู่หมื่น" (นายแตงเต้า) ที่เคยเป็นหน่วยลับทำหน้าที่ปกป้องตะเข็บชายแดนไทยในอดีต ซึ่งสมัยนั้นที่นี่ถือเป็นรัฐกันชนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
และ "ริชชี่" ยังเป็นหลานของบุคคลสำคัญอย่าง "จะฟะ ไชยกอ" หรือคุณตาของเธอ ผู้นำชุมชนชาวเผ่าลาหู่ที่ได้รับต้นชาพระราชทานต้นแรกจากในหลวงรัชกาลที่ 9 จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าลาหู่ให้มาทำไร่ชาอัสสัมหารายได้เลี้ยงชีพทดแทนการปลูกฝิ่นที่ชนเผ่านี้เคยทำกันมาในอดีต
จากวันนั้นถึงวันนี้ชุมชนชาวเขาเผาลาหู่ได้มีรายได้ที่ดีจากการขายใบชาและสินค้าแปรรูปจากใบชา รวมถึงครอบครัวของ "ริชชี่" เองก็มีความภาคภูมิใจในบ้านเกิดและรากเหง้าความเป็นเด็กดอยของเธอเอง ปัจจุบันครอบครัวของ "ริชชี่" ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวจากรุ่นของคุณตา ที่ทำไร่ชาและเก็บใบชาขาย นำมาต่อยอดพัฒนาผลิตเป็นชาสำหรับชงพร้อมดื่มแบรนด์ 'จาฟาที' (มาจากชื่อของคุณตา) จำหน่ายทางออนไลน์ และยังมีธุรกิจโฮมสเตย์ ที่ชื่อว่า "ดอยปู่หมื่นโฮมสเตย์" เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยววิถีชุมชนอีกด้วย
สำหรับ "ดอยปู่หมื่น" ในปัจจุบันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าลาหู่ที่สำคัญของเมืองไทย โดยเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วได้มีหน่วยงานภาครัฐเคยเข้ามาจัดกิจกรรม Village Tourism 4.0 ภายใต้โครงการ Village to the World 4.0 เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น และยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชนบทให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยได้เลือก 10 ชุมชนต้นแบบจากทั่วประเทศมาเข้าร่วมโครงการฯ หนึ่งในนั้นก็คือ ชุมชนปู่หมื่น ณ ดอยปู่หมื่น ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
ในครั้งนั้นชุมชน "ดอยปู่หมื่น" ได้รับการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวในเส้นทางท่องเที่ยว "Life of tea" เนื่องจากชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนที่ได้รับพระราชทาน ชาสายพันธ์อัสสัม จากในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งอดีต โดยหมู่บ้านตั้งอยู่บนเทือกเขาแดนลาว ในเขตท้องที่ของ ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
ย้อนกลับไปสมัยอดีต "ดอยปู่หมื่น" เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ด้านติดชายแดน อาชีพของเกษตรกรจะทำไร่เลื่อนลอย มีการบุกรุกถางป่าเพื่อปลูกพืช ทำให้สภาพป่ากลายเป็นเขาหัวโล้น ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยี่ยมชาวไทยภูเขาที่บ้านปู่หมื่นในปี พ.ศ.2515 และได้พระราชทานต้นชาให้นำมาปลูกที่บ้านปู่หมื่น นับเป็นชาต้นแรกที่ปลูกและขยายพันธุ์แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยเป็นชาสายพันธุ์อัสสัม ปัจจุบันนี้บ้านดอยปู่หมื่นเป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่ปลูกชาอัสสัมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชาวบ้านประกอบอาชีพการรับจ้างเก็บใบชา จำหน่ายสินค้าอื่นๆ จากใบชา รวมไปถึงการปลูกและขายกาแฟพันธุ์อาราบิกาอีกด้วย
นอกจากเป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญแล้ว ปัจจุบัน "ดอยปู่หมื่น" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพธรรมชาติสวยงาม รวมถึงวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าลาหู่ที่เรียบง่ายมีเสน่ห์ โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความน่ารักของชาวบ้านจากการพักโฮมสเตย์, ชมการเต้นจะคึก และทานอาหารพื้นเมืองของชาวลาหู่, จะได้ดื่มชา, เก็บใบชา, อบใบชา ด้วยตัวเอง รวมถึงท่องเที่ยวเส้นทางใกล้ๆอาทิ ฝางน้ำพุร้อน และน้ำตกปู่หมื่น เป็นต้น
นอกจากนี้ "ดอยปู่หมื่น" ยังมีเส้นทางเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติและความงามของน้ำตกอีกด้วย นั่นคือ ‘น้ำตกปู่หมื่น’ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘น้ำตกงวงช้าง’ ซึ่งน้ำตกปู่หมื่นเป็นน้ำที่ไหลมาจากดอยผาหลวง (ดอยผ้าห่มปก) ความโดดเด่นของน้ำตกปู่หมื่นคือ มีลักษณะเหมือนงวงช้าง ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เมื่อกระแสน้ำได้ไหลไปกระทบกับหลุมบนหินที่อยู่ตรงกลางของระหว่างชั้นแล้ว จะพุ่งขึ้นไปฟุ้งกระจายเป็นฝอยโค้งซึ่งมีลักษณะคล้ายงวงช้างที่สวยงามมาก ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยากและไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมด้วยประการทั้งปวง
ที่มาภาพ:
