ทริคง่ายๆ ใช้แอร์ให้ (สุด) คุ้ม
ผู้นำนวัตกรรมด้านระบบปรับอากาศระดับโลก นำข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับระบบการหมุนเวียนอากาศภายในห้องมาเผยแพร่ให้กับผู้บริโภค เพื่อให้คนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
จากรูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับสู่ ‘ชีวิตวิถีใหม่’ (New Normal) เน้นการใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้นซึ่งการทำให้ระบบการหมุนเวียนอากาศภายในห้องที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสดชื่นอยู่เสมอ
อาคิฮิสะ โยโคยามา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า การหมุนเวียนอากาศ เป็นการสลับสับเปลี่ยนอากาศระหว่างภายในและภายนอก เพื่อทำให้อากาศภายในห้องที่อาจปนเปื้อน หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือจางลง หรือได้รับการปล่อยออก ซึ่งปัจจุบันมลพิษทางอากาศมีมากมาย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, ฝุ่นภายในบ้าน, เกสรดอกไม้ รวมไปถึง แบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ ซึ่งที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโด มีลักษณะของอากาศปิด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่อากาศสกปรกจะถ่ายเทออกนอกห้องได้ ซึ่งทำให้มลพิษยังคงวนเวียนและสะสมอยู่ภายในที่พัก
ด้วยวิธีการทำงานของเครื่องปรับอากาศ คือ การดูดอากาศภายในห้อง ทำปฏิกิริยาภายในให้อากาศเย็นลง ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนอากาศจากภายในสู่ภายนอก เครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่ จึงไม่สามารถทำหน้าที่หมุนเวียนถ่ายเทอากาศได้ บริษัทจึงมีข้อแนะนำเพื่อทำให้เกิดการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง 3 วิธี ได้แก่
1. ระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 24 ชั่วโมง โดยติดตั้งช่องระบายอากาศอยู่บนกำแพงหรือเพดาน เมื่อเปิดใช้พัดลมระบายอากาศในห้องต่างๆ เช่น ห้องน้ำ หรือห้องอื่นๆ เป็นระบบการถ่ายเทอากาศที่ใช้กันทั่วไปในบ้านและคอนโด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ต่อการเปลี่ยนถ่ายอากาศทั้งหมดภายในห้องอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นแนะนำว่าควรเปิดระบบถ่ายเทหมุนเวียนอากาศ 24 ชั่วโมง ไว้เสมอและใช้อย่างถูกวิธี
2. เปิดหน้าต่างช่วยให้อากาศหมุนเวียน หากเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ 5-10 นาทีต่อชั่วโมง จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการไหลของอากาศนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าต่าง ขนาดห้อง รวมไปถึงชนิดของมลพิษที่ลอยอยู่ในห้อง ยิ่งการหมุนเวียนของอากาศมีประสิทธิภาพมากเท่าไร ย่อมลดความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรคที่ไม่แน่นอนได้มากเท่านั้น
โดยการเปิดหน้าต่างครั้งละ 5 นาที 2 ครั้งภายใน 1 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพในการหมุนเวียนอากาศสูงว่าการเปิดหน้าต่าง 10 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ยิ่งทำบ่อยประสิทธิภาพยิ่งเพิ่มขึ้น แต่หากเป็นกังวลกับมลภาวะ ที่อาจเล็ดลอดเข้ามาในขณะที่เปิดหน้าต่าง การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้บริเวณหน้าต่าง สามารช่วยลดปัญหานี้ได้เช่นเดียวกับการติดตั้งผ้าม่านลูกไม้ที่สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีข้อแนะนำอื่นๆ ได้แก่ อากาศมีแนวโน้มจะไหลเข้าผ่านช่องที่เล็ก และไหลออกผ่านช่องที่ใหญ่ ดังนั้น การแย้มหน้าต่างเพียงเล็กน้อย บริเวณที่อากาศไหลเข้า และเปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุดบริเวณที่อากาศไหลออก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนของอากาศได้ดี ส่วนกรณีที่เปิดหน้าต่างได้เพียงบานเดียว การเปิดประตูพร้อมกับเปิดพัดลม โดยหันพัดลมไปด้านนอกห้อง ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการระบายอากาศภายใน แต่การหันพัดลมเข้ามาด้านใน จะทำให้อากาศภายนอกไหลเข้ามามากขึ้น และไม่สามารถระบายอากาศสกปรกภายในออกไปได้
ทั้งนี้ บ้านหรือคอนโดที่มีหน้าต่างเพียงบานเดียว สามารถถ่ายเทอากาศได้โดยวางพัดลมไว้ที่หน้าต่าง กรณีที่ห้องไม่มีหน้าต่าง ให้เปิดประตูไว้และหันพัดลมออกด้านนอก จากนั้นเปิดพัดลมระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องน้ำ อากาศที่ไหลเข้ามาผ่านทางห้องอื่นๆ จะช่วยทำให้การหมุนเวียนอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เปิดใช้งานพัดลมระบายอากาศภายในห้องครัว การหมุนเวียนของอากาศสามารถทำได้ผ่านการใช้งานพัดลมระบายอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องครัว ซึ่งเป็นระบบระบายอากาศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในที่พักอาศัย แต่หากเปิดหน้าต่างที่อยู่ใกล้กับห้องครัวควบคู่ไปด้วย จะทำให้การหมุนเวียนของอากาศนั้นเป็นไปได้ยาก จึงแนะนำให้เปิดหน้าต่างในบริเวณที่ไกลจากห้องครัวมากที่สุดซึ่งการเปิดหน้าต่าง 2 บานและเปิดพัดลมระบายอากาศภายในครัว จะทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี จึงแนะนำให้ทำทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กันไป
อย่างไรก็ตาม อาคิฮิสะ กล่าวเสริมว่ากระบวนการหมุนเวียนอากาศภายในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพนั้น สามารถทำได้โดยประยุกต์ใช้หลักการทั้ง 3 ข้อดังกล่าว โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย หากต้องการหมุนเวียนอากาศในบ้านทั้งหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดหน้าต่างทั้งบริเวณระเบียงหรือทางเข้าบ้าน และเปิดประตูที่อยู่ในเส้นทางลมพัดผ่าน
“ยังมีเทคนิคอื่นๆ อาทิ หากต้องการระบายอากาศในห้องนั่งเล่นเท่านั้น ในกรณีที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างบริเวณหน้าบ้านได้ ให้เปิดหน้าต่างทางด้านซ้ายและขวาที่หันหน้าออกไปทางระเบียง เมื่อทำการระบายอากาศด้วยการเปิดหน้าต่างระเบียง ถึงแม้จะเปิดเพียงแค่จุดเดียว อากาศจะไม่สามารถถ่ายเทได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเปิดทั้ง 2 ฝั่งเพื่อให้อากาศหมุนเวียนได้
แต่หากอากาศยังคงไม่ไหลเวียน ให้เปิดการทำงานของพัดลมระบายอากาศ (เครื่องดูดควัน) ภายในห้องครัว พร้อมเปิดหน้าต่างบริเวณระเบียง จะสามารถช่วยให้อากาศเกิดการหมุนเวียนได้เพราะอากาศจะหมุนเวียนออกทางเครื่องดูดควัน” อาคิฮิสะ กล่าวทิ้งท้าย