สรุป มาตรการ 'การไฟฟ้า' ช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทไหน และช่วยเหลือ ‘ไฟฟ้า’ อะไรบ้าง?
สรุปชัด มาตรการช่วยเหลือ "การไฟฟ้า" ผู้รับสิทธิมาตรการช่วยเหลือด้านไฟฟ้าประเภทใด จะได้รับสิทธิ์เรื่องใดบ้าง? เช็ครายละเอียดได้ที่นี่
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา มีการแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากกว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการมาควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งการล็อกดาวน์ หรือการประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ผลกระทบลูกโซ่ที่ตามมาคือ เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ปกติ กลุ่มลูกจ้างบางส่วนต้องออกจากงานหรือถูกลดค่าจ้างลง
รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการมาช่วยเหลือจำวนวนมาก เพื่อหวังให้ครอบคลุมประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม หนึ่งในมาตรการนั้นคือ มาตรการช่วยเหลือด้านไฟฟ้า โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งหลักๆ แล้วมี 6 เรื่อง ได้แก่
1.มาตรการลดค่าไฟฟ้าลง 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2563 ซึ่งให้สิทธิกับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ดังนี้
- ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย
- ประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก
- ประเภทที่ 3 กิจการขนาดกลาง
- ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่
- ประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง
- ประเภทที่ 6 องค์กรไม่แสวงหากำไร
- ประเภทที่ 7 สูบน้ำเพื่อการเกษตร
- ประเภทที่ 8 ไฟฟ้าชั่วคราว
2.มาตรการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า 6 เดือน ซึ่งจะครอบคุลมค่าไฟฟ้า เดือนเมษายน -พฤษภาคม 2563 มาตรการนี้มุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง เช่น กลุ่มโรงแรม และกิจการให้เช่าอาศัย
3.มาตรการให้ใช้ไฟฟ้าฟรี สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.1 บ้านอยู่อาศัย ที่มีมิเตอร์ไฟฟ้าไม่เกิน 5 แอมป์ (5A) ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2563 โดยจะได้สิทธิฟรีค่าไฟฟ้า 150 หน่วย
4.มาตรการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า ให้กับผู้รับไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าว สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าไปลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ http://dmsxupload.pea.co.th/cdp
- การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้าไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.mea.or.th หรือผ่านแอพพลิเคชั่น MEA Smart Life หรือเพจเฟซบุ๊คการไฟฟ้านครหลวง MEA หรือไลน์ @meathailand หรือคิวอาร์โค้ด (QR Code) ในบิลแจ้งค่าไฟฟ้า หรือทางช่องทางโทรศัพท์ โทร 0-2256-3333 ในวันและเวลาทำการ
5.มาตรการผ่อนผันการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าอัตราขั้นต่ำ ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3-7 กิจการขนาดกลาง-ใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง เช่น โรงแรม องค์กรไม่แสวงหากำไร และสูบน้ำเพื่อการเกษตร ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563
6.มาตรการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า 6 เดือน ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.1 บ้านอยู่อาศัย ที่มีขนาดมิเตอร์ไม่เกิน 5A ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย
7.มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.1-1.2 บ้านอยู่อาศัย ตั้งแต่เดือนมรนนาคม-พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือน โดยเทียบเคียงส่วนลดค่าไฟฟ้ากับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นหน่วยเดือนฐานในการคำนวณ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- หากค่าไฟฟ้าในเดือนนั้น น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จ่ายเท่าหน่วยตามการใช้จริง
- หากใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 800 หน่วย เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ให้จ่ายเท่าหน่วยเดือนกุมภาพันธ์ 2563
- หากใช้ไฟฟ้าเกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์ 2563 + 50% ของหน่วยส่วนเกินจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563
- หากใช้ไฟฟ้าเกิน 3,000 หน่วย จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเท่าเดือนกุมภาพันธ์ 2563 + 70% ของหน่วยส่วนเกินจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563
7.มาตรการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 และ 2 โดยเปิดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวเข้าไปลงทะเบียนตามช่องทางของ กฟภ. และ กฟน. ซึ่งไม่กำหนดระยะปิดโครงการนี้ หรือไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดโครงการ ดังนี้
- กฟภ. สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ดวยการสแกน QR Code ที่ท้ายใบแจ้งค่าไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพจเฟซบุ๊คการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA แอพพลิเคชั่น PEA Smart Plus หรือไลน์ @peathailand หรือเว็บไซต์ www.pea.co.th
- กฟน. สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ดวยการสแกน QR Code ที่ท้ายใบแจ้งค่าไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 หรือเว็บไซต์ www.mea.or.th หรือแอพพลิเคชั้น MEA Smart Life หรือเพจเฟซบุ๊คการไฟฟ้านครหลวง MEA หรือทวิตเอร์ @mea_news หรือไลน์ @meathailand หรือโทรศัพท์ 0-2256-3333
ทั้งนี้ช่องทางการรับเงินมีหลากหลายช่องทาง ได้แก่ พร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน บัญชีธนาคารต่าง ๆ เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย ธนาคารอิสลาม เป็นต้น หรือที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสโดยต้องแสดงบัตรประชาชนและ PIN Code ของผู้รับเงินเท่านั้น