ชี้เป้า 7 ที่เที่ยว 'หน้าฝน' สดชื่นใกล้กรุง สายกรีนห้ามพลาด
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว "หน้าฝน" ที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ ใกล้กรุงเทพฯ และใช้เวลาแค่ 1-2 วันก็เที่ยวได้
ชวนเที่ยว “หน้าฝน” ใกล้กรุงเทพฯ กับ 7 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บรรยากาศสดชื่น ทิวทัศน์เขียวชอุ่มสบายตา ซึ่งที่มีให้เที่ยวชมเฉพาะในฤดูกาลนี้เท่านั้น แถมใช้เวลาเดินทางไม่นานจากกรุงเทพฯ แพลนทริปเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงสั้นๆ 1-2 วัน ได้ง่ายๆ
ฃสำหรับใครที่อยากวางแผนไปเที่ยว “หน้าฝน” แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ มีพิกัดที่เที่ยวหน้าฝน ใกล้กรุงเทพฯ มาแนะนำให้พิจารณากัน 7 แห่ง ซึ่งน่าจะถูกใจขาเที่ยวสายกรีนไม่น้อย อย่ารอช้า.. ตามมาเช็คอินทางนี้
1. บางกระเจ้า, สมุทรปราการ
“คุ้งบางกะเจ้า” คือ พื้นที่ส่วนหนึ่งที่เป็นบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้แก่ บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง คิดเป็นพื้นที่ป่าสีเขียวประมาณ 12,000 ไร่ โดยเมื่อปี 2549 นิตยสาร Time ได้ยกให้พื้นที่บางกระเจ้าเป็น The best Urban Oasis of Asia หรือที่เรียกว่า เป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย จึงเหมาะอย่างมากที่จะไปเที่ยวชมวิวเขียวสวยใน "หน้าฝน"
กิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” จะเน้นเป็นการปั่นจักรยานลัดเลาะชมวิวไปเรื่อยๆ ในพื้นที่สีเขียว ท่ามกลางแหล่งโอเอซิสผลิตออกซิเจนให้คนเมืองด้วยพื้นที่สวนกว่า 200 ไร่ ร่มรื่นเย็นชื้นเพราะมีต้นไม้นานาพันธุ์ มีไม้ใหญ่และรากไทรปกคลุม บางพื้นที่มีอุโมงค์ต้นไม้ที่ตระการตา มีวิถีชีวิตเกษตรกรรม และภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่าสนใจมากมาย มีบริการนวดด้วยลูกประคบสมุนไพร กิจกรรมทำธูปหอมสมุนไพร ทำผ้ามัดย้อม บริการโฮมสเตย์ เป็นต้น
2. อุทยานวังตะไคร้, นครนายก
“อุทยานวังตะไคร้” ตั้งอยู่ที่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อระดับต้นๆ ของจังหวัดนครนายก ซึ่งอุทยานแห่งนี้ ที่นี่เกิดขึ้นจากพระปณิธานของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์บริพัตร เพื่อหวังให้เป็นสถานที่บ่มเพาะความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ และได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2505
ภายในเต็มไปด้วยกิจกรรมชมไม้ดอกไม้ประดับในพื้นที่กว้างกว่า 1,500 ไร่ ยังเปิดให้เยี่ยมชมบ้านทรงไทยโบราณ อาทิ บ้านธารทิพย์, บ้านแก่ง, บ้านเกาะ, บ้านใหญ่ และด้วยบริเวณโดยรอบวังตะไคร้แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และพรรณไม้นานาชนิด แถมยังมีธารน้ำ 2 สายไหลผ่านให้ความชุ่มชื้นตลอดทั้งปีที่แห่งนี้จึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อน ดื่มด่ำธรรมชาติและอากาศอันบริสุทธิ์ เล่นสนุกไปกับกิจกรรมเล่นน้ำ ล่องแก่งและกิจกรรมผจญภัยต่าง ๆ เพื่อเติมพลังกายและพลังใจได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
3. น้ำตกไทรโยคน้อย และแพริมน้ำแคว, กาญจนบุรี
น้ำตกไทรโยคน้อย อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 323 (ถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) กิโลเมตรที่ 46 โดยนับว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เดิมทีเดียวชาวบ้านเรียกน้ำตกสายนี้ว่าน้ำตกเขาพัก เนื่องจากเป็นน้ำตกที่เกิดจากหน้าผาหินปูนซึ่งพังทลายลงมาจนเกิดเป็นโขดหินปูนลดหลั่นลงมาอยู่ตรงเชิงเขา
เมื่อเกิดน้ำผุดขึ้นเรื่อยๆ ออกมาจากภูเขา จึงก่อเกิดลำธารสายเล็กๆ ไหลตกลงมาตามแนวผาหินปูน สายธารเหล่านี้มีความสูงประมาณ 15 เมตร ก่อนแผ่กระจายแตกแขนงไปตามพื้นที่เขาที่ลาดเอียงใต้เงาไม้อันร่มรื่น กลายเป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม น่าประทับใจเมื่อแรกเห็น
ด้วยบรรยากาศความเป็นธรรมชาติที่สวยงามอลังการแบบนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่มีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางมาสัมผัสความชุ่มฉ่ำของน้ำตกไทรโยคน้อยแห่งนี้ทุกปี อีกทั้งยังสามารถแวะนอนบ้านแพริมแม่น้ำแควน้อย และเที่ยวชมสะพานข้ามแม่น้ำแควได้อีกด้วย
4. น้ำตก 7 คต, สระบุรี
น้ำตกเจ็ดคต ตั้งอยู่ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป้งก้อนเสา อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากลำห้วยเจ็ดคต เริ่มจากน้ำตกเจ็ดคตเหนือ ถัดลงไปทางตอนใต้จะเป็นน้ำตกเจ็ดคตกลาง น้ำตกเจ็ดคตใต้ และน้ำตกเจ็ดคตใหญ่ ตามลำดับ การเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกสามารถขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ และหลังจากนั้นต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตก
กิจกรรมท่องเที่ยวหลักก็คือ กิจกรรมการเดินป่าชมธรรมชาติเขียวขจีใน “หน้าฝน” เส้นทางน้ำตกเจ็ดคตจะคล้ายๆ กับเดินป่าเส้นทางผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต คือจะเดินเป็นวงกลม ผ่านน้ำตกหลายน้ำตกแล้วกลับมาที่จุดพักแรม จากที่ทำการฯ เดินเข้าไปชมน้ำตกอีกประมาณ 1.2 กิโล
5. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, นครราชสีมา
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเนื้อที่ 2,165 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครนายก นครราชสีมา ปราจีนบุรี และสระบุรี มียอดเขาที่สูงที่สุด คือยอดเขาแหลม มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,292 เมตร เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และองค์กรยูเนสโก ประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ภายในอุทยานฯ ได้แก่
- น้ำตกเหวนรก : เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ความสูง 150 เมตร ลักษณะการไหลของน้ำตกเป็นแบบ 90 องศา สู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ต้องระวังการเที่ยวชมในช่วงฤดูฝนเพราะน้ำไหลแรงมาก
- น้ำตกผากล้วยไม้ : อยู่บนถนนธนะรัชต์ เป็นน้ำตกขนาดกลาง ที่หน้าผาของน้ำตกมีกล้วยไม้หวายแดงขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
- น้ำตกเหวสุวัต : อยู่ปลายสุดของถนนธนะรัชต์เกิดจากห้วยลำตะคองไหลตกจากหน้าผาสูง 25 เมตร ในฤดูฝนมีน้ำ ไหลเชี่ยว
6. ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส, ระยอง
ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง เป็นแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ จะมีพลังที่สุดแสนบริสุทธิ์ปกคลุมอยู่ เมื่อก้าวเข้าไปใน “ทุ่งโปรงทอง” จะพบความสุขบนสะพานไม้ทอดยาวกลางป่าอันสมบูรณ์ ท่ามกลางบรรยากาศแสนสบาย บวกกับวิวทิวทัศน์สวยงามกว้างไกลสุดสายตา
ถ้าไปเที่ยวในช่วงเช้าจะได้เห็นวิวทุ่งโปรงทองต้องแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสว่างไสวเหลืองทองอร่าม แต่ถ้าไปเที่ยวช่วงบ่ายหรือช่วงเย็น อาจจะไม่มีแสงสวยๆ แต่ก็ยังได้ความร่มรื่นเย็นสบายไปอีกแบบ แถมยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดจากธรรมชาติป่าชายเลนที่ผ่านเกณฑ์ประเมินมาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และด้วยจำนวนป่าต้นไม้ชายทะเลจำนวนมหาศาล จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เที่ยวชมความเขียวชอุ่มสวยงามสบายตาในหน้าฝน
7. ล่องแก่งหินเพิง, ปราจีนบุรี
สำหรับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์แล้ว เมื่อถึง “หน้าฝน” ทีไรก็คงนึกถึงกิจกรรมล่องแก่งอย่างแน่นอน หนึ่งในสถานที่ทำกิจกรรมล่องแก่งที่โด่งดังในเมืองไทยหนีไม่พ้น "แก่งหินเพิง" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งปราจีนบุรี โดยแก่งหินเพิงเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่สวยงามอยู่ในลำน้ำใสใหญ่ มีชื่อเสียงที่เหมาะแก่การล่องแก่งเรือยางที่ท้าทาย และสนุกสนาน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน
ในช่วงฤดูฝนของทุกปี ที่นี่จะคึกคักด้วยนักท่องเที่ยวที่มีหัวใจรักการผจญภัยเดินทางมาท้าทายความเร้าใจกลางสายน้ำเชี่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลล่องแก่งหินเพิงนั้นเป็นช่วงเวลาที่คึกคักมากที่สุด แก่งหินเพิงจัดเป็นแก่งในระดับ 3-5 และยังมีไฮไลต์อยู่ที่ "แก่งสไลเดอร์" ที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปนอนเล่นในน้ำได้ปล่อยตัวลอยขนานไปกับสายน้ำซึ่งจะพาไหลไปเหมือนกับการเล่นสไลเดอร์สร้างความสนุกสนานตื่นเต้นได้ทุกครั้งที่ไปเที่ยว
------------------------
ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)