'เปิด' ประสบการณ์ In-suite dining Experience โรงแรม ‘โอเรียนเต็ล’
โรงแรมโอเรียนเต็ล เปิดประสบการณ์ใหม่ ไฟน์ไดนิ่งหรูแบบ new normal จัดเซตเมนูอาหารฝรั่งเศสจากห้อง “เลอ นอร์มังดี” เสิร์ฟให้เป็นส่วนตัวเฉพาะคุณและเพื่อน 2-4 คนในห้องพักสุดคลาสสิก “เจ้าพระยาสวีท” วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มตาจากชั้น 5 อาคาร การ์เด้น วิง
โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับนักชิมผู้ปรารถนาออกมารับประทานอาหารมื้อค่ำนอกบ้านอย่างมีระดับ แต่ยังต้องการความเป็นส่วนตัวรับรูปแบบ วิถีชีวิตแนวใหม่ (New Normal) ด้วยแคมเปญ Le Normandie In-suite dining Experience (เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่ง เอ็กซพีเรียนซ์)
นักชิมจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทาน ‘อาหารฝรั่งเศส’ อันเลื่องชื่อของห้องอาหาร เลอ นอร์มังดี (Le Normandie) ในห้องพักแบบ เจ้าพระยาสวีท พร้อมทีมบริกรมืออาชีพมาตรฐานห้อง เลอ นอร์มังดี
เลอ นอร์มังดี เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสในตำนานของเมืองไทย เปิดบริการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ปี ปัจจุบันได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว รังสรรค์เมนูโดย เชฟอาโน ดูนัง โซทีเอร์ (Arnaud Dunand Sauthier)
เจ้าพระยาสวีท เป็นห้องพักที่มีดีไซน์อย่างที่คอนโดมิเนียมยุคนี้นำมาเป็นจุดขายความทันสมัย นั่นก็คือดีไซน์แบบ ดูเพล็กซ์(duplex) เพียงแต่มีขนาดที่ย่อส่วนลงมาให้เหมาะสำหรับการเป็นห้องพักโรงแรม พื้นห้องปูด้วยไม้และมีบันไดไม้จากบริเวณห้องรับแขกเดินขึ้นไปยังห้องนอนและห้องน้ำ เป็นดีไซน์ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2501 ซึ่งเป็นปีแรกที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเปิดให้บริการอาคาร Garden Wing (การ์เด้น วิง) อาคารห้องพัก จำนวน 24 ห้อง ทุกห้องมองเห็นวิว ‘แม่น้ำเจ้าพระยา’ ได้อย่างเต็มตา และบนชั้น 5 ชั้นสูงสุดของอาคารทรงสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลหลังนี้คือที่ตั้งของห้องอาหาร ‘เลอ นอร์มังดี’ ซึ่งเปิดให้บริการพร้อมการเปิดอาคารในปีนั้นนั่นเอง
ปกติห้องพักแบบ ‘เจ้าพระยาสวีท’ มีค่าเข้าพักคืนละ 53,000 บาทสุทธิ(รวมอาหารเช้า) แต่ "เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่ง เอ็กซพีเรียนซ์" จะทำให้คุณได้นั่งอยู่ในบรรยากาศความคลาสสิกของห้อง ‘เจ้าพระยาสวีท’ พร้อมรื่นรมย์ไปกับ Degustation dinner menu หรือเซตเมนูอาหารฝรั่งเศส 7 คอร์สแบบเป็นส่วนตัว 2-4 ท่าน ได้ในราคาท่านละ 6,700++บาท โดยไม่คิดค่าบริการห้องสวีทแต่อย่างใด
“การเซตอัพโต๊ะ เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่งฯ เราสามารถเซตให้ได้ตั้งแต่ 2 ท่าน และสูงสุดสำหรับ 4 ท่าน เหมาะสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว สร้างสรรค์มื้อค่ำโรแมนติกแบบคู่รักก็ได้ สังสรรค์แบบกลุ่มเพื่อน รับรองผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือครอบครัวที่มีเด็กๆ มาด้วยก็ได้ อาหารเมนูเดียวกับผู้ใหญ่ แต่เชฟจะครีเอทให้เหมาะกับอายุของเด็ก” สาวิตรี รัชพรมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการประชาสัมพันธ์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ กล่าว
การจัดโต๊ะสำหรับ "เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่ง เอ็กซพีเรียนซ์" ไม่ใช่แค่ใช้โต๊ะเดิมที่มีอยู่แล้วในห้องสวีท แต่เป็นการยก ‘ความเป็น เลอ นอร์มังดี’ มาไว้ในห้องสวีท ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร เก้าอี้ไม้สลักลายดอกไม้บุผ้าสีเหลืองทอง ผ้าปูโต๊ะทอเส้นใหญ่หนา-นุ่ม ชุดภาชนะบนโต๊ะอาหาร-แจกันดอกไม้ดีไซน์ของแบรนด์ เบอนาโด (Bernardaud) จากฝรั่งเศส ใช้มาตั้งแต่เปิดห้องอาหารวันแรก รวมทั้งการจัดดอกไม้โทนสีพาสเทล
เซตเมนูอาหารฝรั่งเศส 7 คอร์ส (Degustation dinner menu) ของ เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่ง เอ็กซพีเรียนซ์ แต่ละจานคือเมนูเด่นที่เป็นจิตวิญญาณของห้องอาหาร ‘เลอ นอร์มังดี’ และจานที่ปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมที่มีในแต่ละฤดูกาล
ความเป็นส่วนตัวเริ่มได้ตั้งแต่การออกไปยืนริมระเบียงของห้อง ‘เจ้าพระยาสวีท’ สูดอากาศดีๆ สบายตากับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สวนสีเขียวและสระว่ายน้ำของโรงแรม รอชมและเก็บภาพความงามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า พร้อมจิบความสดชื่นจากเครื่องดื่มต้อนรับ (free welcome drink) อาทิ แชมเปญ หรือน้ำส้มคั้นสด น้ำแตงโมแท้ สำหรับผู้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อกลับมาที่โต๊ะอาหาร คุณเต้ย-จตุพร บริกรหนุ่มสุภาพ-บุคลิกดีในเครื่องแบบสีคลาสสิกประจำห้องอาหารเลอ นอร์มังดี สวมถุงมือผ้าและหน้ากากอนามัยตลอดการให้บริการด้วยความกระฉับกระเฉง เริ่มต้นความพิเศษของ “เลอ นอร์มังดี อิน-สวีท ไดนิ่ง เอ็กซพีเรียนซ์” ด้วยการนำเสนอ Surprise pre-dinner จากเชฟอาโน ถึง 4 เมนู
เซอร์ไพรสแรก ชีสแครกเกอร์แป้งข้าวโพด อบกรอบพร้อมงาขาว งาดำ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน วางมาบนเมล็ดข้าวโพดในแก้วทรงกรวย
เซอร์ไพรสที่สอง หอยนางรม ลวกเล็กน้อย ราดชีสกาม็องแบร์โรยแอปเปิ้ลเขียวสดและเจลบัลซามิกแอปเปิ้ลเขียว เสิร์ฟในฝาหอยนางรม วางมาบนฝาแผ่นใสของกล่องไม้ เมื่อเลื่อนฝาออก ในกล่องไม้พบเซอร์ไพรส มูสฟัวกราส์ เสิร์ฟกับมะม่วงกวนผสมซอสมิโสะ วางบนขนมปังบริยอช (Brioche) โรยผงกาแฟ และ ทาร์ตลิ้นแกะอบ ผสมเมล็ดเคเปอร์และวอลนัท เสิร์ฟพร้อมสลัดผัก
อาหารคอร์สที่หนึ่งเริ่มด้วย กุ้งแดงคาราบิเนรอส ในเมนู Mediterranean carabinieros prawn, cucumber, green olive กุ้งแดงคาราบิเนรอสสดจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของสเปน เสิร์ฟคู่มะกอกเขียว สลัดแตงกวาและเมล็ดสน พร้อมซอสครีมหัวมันกุ้งที่มีกลิ่นหอมและรสชาติคล้ายบุยยาเบส (Bouillabaisse) แต่รสชาติเข้มข้นกว่ามาก เพราะเชฟเคี่ยวจนขึ้นรูปเป็นทรงลูกรักบี้ได้ แนะนำให้ตักอาหารทุกอย่างในจานชิมในช้อนเดียวกัน จะได้รสชาติอย่างที่เชฟคิดมาให้แล้ว ถ้าแยกชิมแต่ละอย่าง จะได้รสชาติที่โดดต่างกันออกไป
คอร์สที่สองเป็นจานซิกเนเจอร์คู่ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี ไม่เคยเปลี่ยนมานานนับสิบปี คาเวียร์-ไข่หอยเม่น ในเมนู Potato caviar, sea urchin ไข่หอยเม่นฮอกไกโด เสิร์ฟกับไข่ปลาคาเวียร์ ออสซีตรา พร้อมโฟมมันฝรั่ง โรยผิวมะนาวและซอสแชมเปญ ตัวช้อนสำหรับตักเมนูนี้เป็นสีดำทำจาก ‘เขาสัตว์’ เพื่อไม่ให้ลดทอนรสชาติคาเวียร์
จานนี้แนะนำใช้ช้อนตักให้ถึงก้นภาชนะ จะได้ทั้งไข่หอยเม่นสด โฟมมันฝรั่ง คาเวียร์ ซอสแชมเปญ รสชาติที่ผสานกันได้อย่างกลมกล่อมสุดมหัศจรรย์ในคำเดียวสมคำร่ำลือ
คอร์สที่สามเป็นจานปลา ปลากะพง ในเมนู Line caught sea bass, celery, onion ปลากะพงที่ใช้วิธีจับด้วยการตกเบ็ดทีละตัว แล่เนื้อปรุงสุกด้วยเทคนิคซูวี ด้านบนวางเกล็ดปลากะพงทอดกรอบ เสิร์ฟคู่กับหัวหอมและเซเลอรีคลุกไข่ปลาแห้งโบทาก้า (Bottarga)ที่มีความมันหน่อยๆ แบบไข่ปลา เสริมรสชาติด้วยอาร์ติโชคมันฝรั่งพูเร ราดซอสเบอร์บล็อง (beurre blanc) ทำจากปลากะพงผสมครีมเซเลอรี่และขมิ้น เป็นการใส่ขมิ้นที่ทำให้จานนี้สนุกที่ได้ชิมมากยิ่งขึ้น
คอร์สที่สี่สร้างสรรค์ใหม่จากวัตถุดิบตามฤดูกาล เมล่อนฝรั่งเศส ในเมนูคลาสสิก French melon, olive oil, tuna ham, porto เยลโลเมล่อนฝรั่งเศสซูวีโรยพริกไทยเสฉวน ชาวอิตาเลียนนิยมกินกับพาร์มาแฮม แต่สำหรับฝรั่งเศส เชฟอาโนจับคู่กับโอโทโร่รมควันและเจลพอร์ตไวน์ขาว วางทั้งหมดมาบนเมล่อนหั่นเต๋าปรุงรสด้วยซอสน้ำมันมะกอกและต้นหอม
คอร์สที่ห้า เบบี้อาร์ดิโชค สวยแปลกตาเหมือนผลไม้ในเทพนิยายกับเมนู Baby artichoke, black winter truffle, kampot pepper เบบี้อาร์ติโชคฝรั่งเศสยัดไส้อาร์ติโชคพูเรที่มีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิลดำ ปรุงรสด้วยพริกไทยกำปอต (kampot pepper) พริกไทยจากตอนใต้ของประเทศกัมพูชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครองจากสหภาพยุโรปเข้าร่วมกลุ่มสินค้าอาหารที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ
เชฟอาโนนำเบบี้อาร์ติโชคที่ยัดไส้เสร็จแล้วไปชุบแป้งบางๆ แล้วทอดกรอบ แต่งด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำฝานเป็นแผ่นบางๆ วางมาบนซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลดำ พอวางจานอาหารลงบนโต๊ะ บริกรก็จะบรรจงรินซอสอาร์ติโชคไวน์ขาวรอบซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลดำอีกชั้น ให้สีอ่อน-แก่ในโทนสีเดียวกันทั้งจาน มองดูแล้วเหมือนเวลาถูกสะกดให้หยุดนิ่ง
วิธีกินคือให้ลงมีดที่ด้านข้างของก้านอาร์ติโชค เวลารับประทานจะได้เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มในพร้อมความครีมมี่และกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลดำ
มาถึงคอร์สที่หก ‘อาหารจานหลัก’ เลือกได้ระหว่าง นกพิราบ ในเมนู Bresse mieral pigeon, corn, black garlic เนื้อนกพิราบจากฟาร์มเลี้ยงนกที่เมืองเบรสส์ ประเทศฝรั่งเศส ย่างกึ่งอบในซอสเบอร์เบินวิสกี้ เลือกระดับความสุกได้ตามต้องการ เสิร์ฟกับฝักข้าวโพดอ่อนเคลือบกระเทียมดำที่ได้จากการหมักกระเทียม แต่งหน้าด้วยครีมพูเร่ข้าวโพดสีเหลืองสดใส
หรือเลือก เนื้อลูกวัว จากเมนู Milk fed veal, girolle, lettuce เนื้อลูกวัวอบและซอสเห็ดจิฮอง (Girolle เห็ดสีเหลืองรูปทรงเหมือนปากแตร) เสิร์ฟคู่ผักกาดแก้วปรุงสุกห่อเป็นชั้นๆ ทรงโดมเคลือบผักกาดแก้วพูเร
ก่อนปิดท้ายคอร์สสุดท้ายที่เจ็ด เชฟยังมี Surprise pre-dessert พิเศษอีกด้วยเมนู ลูกพีชเคลือบเมอแรงก์และแชมเปญเจลลี่ สอดไส้แชมเปญซอร์เบท์ ล้างกลิ่นอายความหนักหน่วงของอาหารจานหลักในปากให้ตื่นตัวพร้อมสำหรับของหวานได้ดีจริงๆ
ปิดท้ายคอร์สที่เจ็ดด้วย ‘ของหวาน’ เลือกได้ระหว่าง สตรอว์เบอร์รี่ ในเมนู Strawberry, tea, creme fraiche เครปกรอบแผ่นกลมเล็กวางเป็นชั้นๆ กับสตรอว์เบอร์รีสด เสิร์ฟกับครีมเฟรเช่ส์ผสมชาขาวซิลเวอร์มูน ราดซอสสตรอว์เบอร์รี่ เหมาะสำหรับคนชอบของหวานรสเปรี้ยวนำ
หรือเลือก ช็อกโกแลต กับเมนู Chocolate texture, cocoa nib ดาร์กช็อกโกแลต เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมโกโก้ นิบส์ และซอสช็อกโกแลตร้อนผสมคอนยัค สำหรับคนชอบของหวานเจือรสขม
นอกจากอาหารทั้ง 7 คอร์ส ตะกร้าขนมปัง ประจำห้องอาหารเลอ นอร์มังดี ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด มีให้เลือกทั้งขนมปังซาวร์โดยีสต์หมักนานสิบปี เหนียวหนึบ, บัตเตอร์บริยอช ขนมปังเนื้อเบา ออกรสหวานนิดๆ ชุ่มเนย, เทรดิชั่นนัลเฟรนช์บาแกต และฟูกาส (Fougasse) เสิร์ฟกับเนยบริตตานีโฮมเมดจากฝรั่งเศส มีให้เลือก 4 ชนิด เนยจืด เนยเค็ม เนยกลิ่นแฮมรมควัน และเนยอินฟิวส์กับสาหร่ายทะเล
ประสบการณ์ Le Normandie In-suite dining Experience เปิดให้บริการเฉพาะ มื้อค่ำ วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เริ่มเสิร์ฟอาหาร 19.00 น. ผู้สนใจสัมผัสประสบการณ์นี้สามารถแจ้งให้ทางโรงแรมฯ ทราบล่วงหน้า 24 ชั่วโมงที่โทร.0 2659 9000 เพื่อการสำรองห้อง ‘เจ้าพระยาสวีท’ พร้อมมาตรฐานรักษาความสะอาด-ฆ่าเชื้อ เรียนเชิญให้ลูกค้าเช็คอิน-เช็คเอาท์เว็บไซต์ “ไทยชนะ” พนักงานโรงแรมฯ ทุกระดับตรวจวัดไข้ 3 ครั้ง/วัน ก่อนเข้างาน หลังรับประทานอาหารเที่ยง และก่อนกลับบ้าน มั่นใจได้ว่าพนักงานทุกระดับไม่มีใครป่วยระหว่างวัน
เพื่อความมั่นใจสูงสุดระหว่างการใช้เวลาอยู่ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
ภาพ : สาวิตรี รัชพรมงคล