จิตรกรรมฝาผนัง ‘พระมหาชนก’ วัดราชผาติการาม จากพระราชนิพนธ์'ในหลวง ร.9'
เที่ยววัด ดูความงามของจิตรกรรมฝาผนัง"พระมหาชนก" ในวัดที่มีศิลปะแบบจีนผสมญวน และกราบไหว้หลวงพ่อสุก พระประธานในพระอุโบสถ พระพุทธรูปล้านช้างที่งดงามยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์อื่น
ก่อนจะเล่าถึงจิตรกรรมฝาผนังพระมหาชนกอันงดงาม คงต้องเล่าถึงความเป็นมาของวัดราชผาติการาม ถนนราชวิถี เชิงสะพานกรุงธนฯ สักนิด
ว่ากันว่า วัดราชผาติการาม เป็นวัดที่มีความสำคัญในหลายรัชกาล เป็นวัดที่พระราชาทรงผาติกรรม หรือทำให้เจริญขึ้น ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2379 จึงผ่านมาหลายยุคหลายสมัย
วัดแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวัด 3 กรุง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนบ้านญวนสามเสนหรือด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบัน กระทั่งเข้าสู่ยุคกรุงธนบุรี อาณาเขตพระนครขยายครอบคลุมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา วัดแห่งนี้จึงตั้งอยู่นอกกำแพงพระนครฝั่งตะวันออกด้านทิศเหนือในบริเวณพื้นที่เกษตรนอกเมือง
จนมาถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีการย้ายพระนครจากกรุงธนบุรีมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามต่างๆ และวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะในหลายรัชกาล
พระอุโบสถวัด สร้างด้วยสถาปัตยกรรม”นอกอย่าง” ตามแบบพระราชนิยมของรัชกาลที่ 3 ผสมผสานศิลปะแบบจีนและญวน ภายในพระอุโบสถเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน ผนังด้านหลัง"หลวงพ่อสุก' พระประธาน เป็นภาพจักรวาลไตรภูมิตามคติในพุทธศาสนา
ส่วนผนังด้านสกัดฝั่งตรงข้าม เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ และผนังด้านซ้ายและขวาเป็นภาพจิตรกรรมเล่าเรื่อง มหาชนกชาดก ผสานไปกับบทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยในการทรงพระราชนิพนธ์จากที่ได้ทรงสดับพระธรรมเทศนามหาชนกชาดก จากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 12 เมื่อปีพ.ศ. 2520
ในช่วง ในหลวง รัชกาลที่ 9 มีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา (วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ) กรมศิลปากร และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ร่วมกันทำโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามวัดราชผาติการาม ซึ่งทรุดโทรมตามกาลเวลา
ในปีนั้นในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เรื่องพระมหาชนก จากบทพระราชนิพนธ์ รวมถึงพระราชทานพระราชทรัพย์ในการซ่อมแซมฉัตรขาว 7 ชั้นที่กางกั้นหลวงพ่อสุก พระประธานภายในพระอุโบสถ
มหาชนกเป็นชาดกเรื่องหนึ่งที่นิยมนำมาสร้างงานศิลปกรรม โดยเฉพาะงานจิตรกรรมฝาผนังในหลายๆ วัดอาทิ ภายในกรุพระปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ ทำตามแบบศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น ฯลฯ ส่วนสมัยรัตนโกสินทร์ ปรากฏจิตรกรรมฝาผนังมหาชนกชาดกที่พระอุโบสถวัดสุวรรณาราม ,พระอุโบสถวัดคงคาราม และพระอุโบสถวัดราชผาติการาม
ในพระอุโบสถแห่งนี้ จิตรกรรมชุดพระมหาชนก กลุ่มจิตรกรไทย นำโดยจำนง รัตนกูล เป็นผู้เขียนภาพตามท้องเรื่องที่ปรากฏในมหาชนกชาดก จำนวน 10 ชุด ชุดละ 3 ภาพ โดยประมวลภาพมหาชนกชาดกทั้งหมดไว้ในภาพเดียวกัน ขนาด 1.50 เมตร ผสมผสานเทคโนโลยีและวิทยาการร่วมสมัย แต่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ศิลปกรรมรูปแบบดั้งเดิม
ในวัดราชผาติการาม นอกจากจิตรกรรมฝาผนังพระมหาชนกสองด้าน, ภาพจักรวาลไตรภูมิ และภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ที่มีความโดดเด่นแล้ว
ฝ้าเพดานภายในพระอุโบสถทาด้วยพื้นสีแดง เขียนภาพดาวเพดานกระบวนจีน ดวงกลางเป็นภาพหงส์ ดวงบริวารเป็นภาพผีเสื้อ ผูกเป็นลายเกลียว ซึ่งเป็นภาพสัญลักษณ์มงคลตามคติความเชื่อของจีน โดยการวาดลวดลายแบบนี้เป็นแบบอย่างให้นักศึกษาจิตรกรรมไทยมาเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ
ศิลปะที่งดงามและโดดเด่นที่ต้องกล่าวถึงอีกอย่างคือ หลวงพ่อสุก พระพุทธรูปหล่อสำริด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาเป็นพระประธานในพระอุโบสถ เมื่อแรกสร้างพระอาราม
ว่ากันว่า พระเกศ พระพักตร์ รูปทรง และฐานของหลวงพ่อสุก มีลักษณะคล้ายกับ “พระใส” ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย และ”พระเสริม” วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ ทำให้เรียกพระพุทธรูปชุดนี้ถูกเรียกว่า พระเชียงแสนเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามและสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์
และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ พระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่บนผนังด้านหลังพระอุโบสถ โดยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นพระบรมอัฐที่พระบรมราชวงศ์ได้รับพระราชทานสืบต่อมาจนถึงทายาทในราชสกุล เมื่อมีการบูรณะครั้งใหญ่ ปี 251ุ6-2517 จึงได้เชิญมาประดิษฐานในวัดราชผาติการาม และถือว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งเดียวที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิทั้งสองพระองค์
...............
หมายเหตุ : จากการร่วมกิจกรรมทริปยลศิลป์สยาม งานช่างฝรั่งผสมไทยในแดนสยาม ของชมรม KTC PR Press Club บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด และข้อมูลบางส่วนจากหนังสือราชผาติกานุสรณ์ โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชผาติการาม