อำลา ‘ยอดมนุษย์’ ของศตวรรษ
แม้ "ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา" จากไปแล้ว แต่ได้ทิ้งสิ่งอัศจรรย์ที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถทำได้ในเรื่องกีฬา หมายเลขประจำ 10 บนเสื้อฟุตบอลและเรื่องราวของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความมุ่งมั่นในชีวิตแก่คนที่เลือกเกิดไม่ได้อีกนับพันล้านคนในโลกใหญ่ใบนี้
เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โลกโซเชียลมีเดียปั่นป่วนเมื่อมีข่าวว่า “ยอดมนุษย์” ของศตวรรษที่ 20 เสียชีวิต แต่เข้าใจผิดว่าเป็นนักร้องสาวชื่อดังระดับโลกอีกคนหนึ่ง ที่จริงก็ไม่น่าตำหนินักเพราะ “ยอดมนุษย์” ผู้นี้คือ Diego Armando Maradona (ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา) และนักร้องสาวคือ Madonna โลกสับสนพอๆ กันในบางครั้งระหว่าง Australia กับ Austria/Bosnia กับ Botswana และ Thailand กับ Taiwan
ผู้อ่านสูงอายุอาจรู้สึกหมั่นไส้เจ้าเตี้ยผู้สูงเพียง 165 เซนติเมตรว่าจะเทียบชั้นกับ Pele นักฟุตบอลในดวงใจของชาวโลกก่อนหน้านี้ได้อย่างไร ฟีฟ่าก็ตระหนักเช่นเดียวกันจึงให้รางวัล FIFA Player of The Century ร่วมกันแก่ทั้งสองคนในปี 2543
ส่วน Madonna เป็นนักร้องสาวสวยผู้ได้รับฉายาว่า Queen of Pop และเป็นนักแสดงด้วย เธอได้รับรางวัล Globe Award จากการเล่นบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Evita (2539) เราจำกันได้ดีเมื่อเธอเล่นเป็น Evita เมื่อตอนอายุ 14 ปี และร้องเพลง Don’t Cry For Me Argentina อันโด่งดังได้อย่างจับใจ
ผู้คนทั่วโลกที่รู้ความระหว่าง 2523-2543 จำมาราโดนาได้อย่างแม่นยำจากการแข่งขันฟุตบอลโลกฟีฟ่าในปี 2529 ระหว่างอาร์เจนตินากับอังกฤษ และทีมของเขาชนะไป 2:1 ลูกแรกคือการทำประตูที่มีชื่อเรียกกันต่อมาว่า Hand of God เมื่อเขากระโดดขึ้นโหม่ง ฟุตบอลเข้าประตูอย่างสวยงาม เขาทำเร็วมากจนมองแทบไม่เห็นว่าเขายกมือขึ้นมาไว้ข้างหูขณะโหม่ง
อีกประตูมีชื่อเรียกกันต่อมาว่า Goal of the Century มันเกิดขึ้นหลังจากลูกแรก 4 นาที เขาเลี้ยงเดี่ยวเป็นระยะทางกว่าครึ่งสนาม แตะฟุตบอล 11 ครั้ง ผ่านทีมอังกฤษ 5 คน และหลอกยิงประตูอย่างงดงาม ในที่สุดทีมอาร์เจนตินาก็ชนะเลิศโดยชนะเยอรมนีในรอบสุดท้าย
การยิงสองประตูนี้อยู่ในความทรงจำของชาวโลกเพราะลูกที่สองเป็นสุดยอดของความงดงามของความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งซึ่งยากที่จะหาใครทำเช่นนั้นได้ การยิงประตูแรกเป็นที่โกรธแค้นของคนอังกฤษอย่างยิ่ง เพราะเชื่อว่าเป็นการโกงที่แนบเนียนจนทำให้อังกฤษตกรอบ มาราโดนาสารภาพในเวลาต่อมาในรายการโทรทัศน์ของเขาในปี 2548 ว่าเขาใช้มือปัดแทนการโหม่งจริงๆ ในตอนแรกเขาอ้างว่าพระเจ้าช่วยให้เขามีโอกาสได้ทำเช่นนั้น สื่อโลกเลยประชดเรียกว่า Hand of God
ก่อนหน้าที่เขาจะโด่งดังจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2529 ซึ่งจัดที่เม็กซิโก คนยุโรปและอเมริกาใต้รู้จักเขาดี เพราะเขาเล่นทีมชาติอาร์เจนตินาอายุต่ำกว่า 20 ปี จนชนะเลิศในปี 2522 และเล่นอาชีพให้ทีมบาร์เซโลนาและนาโปลี เขาเก่งกาจในสนามจนเป็นเป้าหมายของ “การเก็บ” จากฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ แต่เขาก็รอดมาได้เพราะการวิ่งที่เร็ว มีแรงปะทะสูง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำจนล้มได้ยากเพราะเป็นคนเตี้ย ตันไปทั้งตัวพร้อมกับมีต้นขาที่แข็งแกร่งมากจนยากที่จะหยุดเขาได้
นอกจากนี้ยังมีทักษะในการควบคุมลูกบอล และมันสมองที่ฉลาดเจ้าเล่ห์ในการหาโอกาสทำประตูอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี นอกสนามแล้วชีวิตเขาล้มเหลว ติดยาเสพติดโคเคน ติดเหล้า มีปัญหาเรื่องผู้หญิง แอบมีลูกนอกสมรสและมีปัญหาการเงิน แต่ผู้คนก็ยกโทษให้เขาพร้อมทั้งให้โอกาสเขาเสมอ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จจนเสียชีวิตไปในวัยเพียง 60 ปี ด้วยสาเหตุที่อยู่นอกการควบคุม
สิ่งที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จในสนามก็คือความโกรธแค้นและความขุ่นเคืองใจที่ฝังอยู่ในใจเขามาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กยากจนในครอบครัวของลูก 7 คน พ่อมีเชื้อสายคนพื้นเมืองของอเมริกาใต้ (คนไทยเรียกรวมๆ ว่า “อินเดียนแดง” และแม่เป็นคนเชื้อสายอิตาลี
มาราโดนามีลูกฟุตบอลเป็นของตนเองครั้งแรกเมื่ออายุ 3 ขวบ วันๆ ก็ฝึกหัดเดาะ เลี้ยงลูกบอล ไม่ว่าจะเดินไปไหนเขาทุ่มเทให้ฟุตบอล ฝึกหัดเล่นในทุกโอกาส จนมีแมวมองมาพบเขาเมื่ออายุเพียง 8 ขวบ ความต้องการหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่แร้นแค้นทำให้เขาเกิดความมุ่งมั่น แต่ก็พบอุปสรรคไม่ได้รับการสนับสนุนจากโค้ชและโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เนื่องจากเขามีบุคลิกแข็งกร้าวพร้อมที่จะทะเลาะ
เขาโกรธที่ไม่ได้เล่นเป็นตัวจริงทั้งๆ ที่รู้ว่า เขามีความสามารถมากกว่า ยิ่งแค้นใจเท่าใดกับความอยุติธรรม เขาก็ยิ่งทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมจนอายุ 19 ปีก็ช่วยทำให้ทีมเป็นแชมป์โลกเยาวชนต่ำกว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้เมื่อเขาอายุ 18 ปีเขาถูกปฏิเสธจากการร่วมทีมชาติแข่งฟุตบอลโลกในปีนั้นที่บ้านซึ่งทีมอิตาลีชนะเลิศ
มาราโดนาติดโคเคนตั้งแต่ต้นทศวรรษของ 2523 และใช้เรื่อยมาจนเป็นเหตุให้เขาไม่สามารถเล่นได้ตลอดรายการในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2533 (อาร์เจนตินาได้เป็นรองแชมป์) และอีกครั้งในปี 2537 เนื่องจากฟีฟ่าพบว่าเขาใช้สารเสพติด
หลังจากปี 2529 ที่อาร์เจนตินาเป็นแชมป์โลก มาราโดนากลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพให้ทีมนาโปลี จนเลิกเล่นเมื่อปี 2540 หลังจากเขาแขวนรองเท้าก็ทำงานการกุศลลงเล่นฟุตบอลเพื่อหาเงินการกุศลบ้าง แต่งานประจำก็คือการเป็นโค้ชให้ทีมสโมสรต่างๆ ทั่วโลกอย่างไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ระหว่างปี 2551-2563 เขาเป็นโค้ชให้ทีมอาร์เจนตินา แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว
มาราโดนาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสื่ออเมริกาใต้ที่ตามติดเรื่องโคเคน เรื่องเหล้า เรื่องผู้หญิง ฯลฯ จนเขาเป็นคนที่อื้อฉาว ปัญหาการเงินของเขาก็คือการค้างชำระภาษีรัฐบาลท้องถิ่นอิตาลีอยู่เป็นเงินทั้งสิ้น 37 ล้านยูโร (1,350 ล้านบาท)
แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร คนอาร์เจนตินาส่วนใหญ่ก็รักและชื่นชม เห็นเขาเป็นไอดอล สิ่งที่เขาทำให้เกิดขึ้นนอกเหนือจากชนะฟุตบอลกับอังกฤษครั้ง Hand of God ก็คือความสะใจที่ทำให้คนอังกฤษรู้สึกขมขื่น เป็นการแก้แค้นศึก Falklands ที่อาร์เจนตินาไม่อาจสู้อาวุธของอังกฤษได้จนสูญเสียดินแดนไปเมื่อ 4 ปีก่อนหน้า
มาราโดนา ฝักใฝ่การเมืองแนวสังคมนิยมอย่างเปิดเผย ต่อต้านลัทธิอาณานิคมของประเทศตะวันตก แอนตี้สหรัฐ ชื่นชม Fidel Castro แห่งคิวบาจนสักชื่อไว้บนขาซ้ายและชื่อ Che Guevara นักปฏิวัติชื่อดังของทวีปที่เป็นคนชาติเดียวกับเขาไว้บนแขนขวา แถมชื่นชมนักการเมืองอื้อฉาวอีกหลายคน เช่น Hugo Chávez และ Maduro แห่งเวเนซุเอลา อย่างไรก็ดี เขาชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐ โอบามา เป็นพิเศษ
เมื่อต้นเดือน พ.ย.ปีนี้ เขาเข้านอนโรงพยาบาลเพราะมีอาการทางจิตที่ไม่ใช่การป่วยที่หนักหนา แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาต้องรับการผ่าตัดสมองเพื่อแก้ไขภาวะเลือดออกซึมในสมองอย่างทันด่วน กลางเดือนเดียวกันหลังจากการผ่าตัดประสบความสำเร็จเขาก็ออกจากโรงพยาบาลและในวันที่ 25 พ.ย.ก็ประสบภาวะหัวใจขาดเลือดจนเสียชีวิตที่บ้านของเขา ผู้คนนับเป็นหมื่นๆ เข้าร่วมพิธีอาลัยในงานศพ
มาราโดนาจากไปแล้วโดยได้ทิ้งสิ่งอัศจรรย์ที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถทำได้ในเรื่องกีฬา หมายเลขประจำ 10 บนเสื้อฟุตบอลและเรื่องราวของเขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความมุ่งมั่นในชีวิตแก่คนที่เลือกเกิดไม่ได้อีกนับพันล้านคนในโลกใหญ่ใบนี้