วิสัยทัศน์และพันธกิจของอธิการบดีคนใหม่แห่งวิทยาลัยดุสิตธานี มิส ฟราวเกอะ เกอร์เบนส์
'วิทยาลัยดุสิตธานี' (Dusit Thani College) สถาบันการศึกษาชั้นนำของเมืองไทยซึ่งเป็นหนึ่งในเครือของกลุ่มโรงแรมดุสิตธานี ที่เปิดสอนด้านการโรงแรมและการประกอบอาหาร เผยวิสัยทัศน์และพันธกิจภายใต้แนวคิด 'Dusit Thani College…MOVING FORWARD'
พร้อมแนะนำอธิการบดีคนใหม่ นักบริหารการศึกษาชาวดัตช์ มิส ฟราวเกอะ เกอร์เบนส์ (Frouke Gerbens)
ในฐานะอธิการบดีคนใหม่ของ 'วิทยาลัยดุสิตธานี' จุดประกาย ร่วมสนทนาและเปิดมุมมองถึงแนวคิดการบริหารการศึกษาในอาชีพที่ต้องใช้การสื่อสาร และการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนทั่วโลก ในสถานการณ์ปกติและท่ามกลางวิกฤติการระบาดของโควิด-19
มิส ฟราวเกอะ เกอร์เบนส์ เป็นชาวต่างชาติคนแรกที่มารับตำแหน่งอธิการบดีของ วิทยาลัยดุสิตธานี พันธกิจครั้งนี้จึงนับว่าเป็นงานที่ท้าทายยิ่ง ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวิทยาลัยดุสิตธานี อธิการบดีคนใหม่ให้มุมมองว่า
“ก่อนอื่นต้องบอกว่าดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มารับตำแหน่งอธิการบดีของวิทยาลัยดุสิตธานี และเพื่อสืบสานตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งคือ ท่านผู้หญิงหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย แม้ดิฉันเป็นคนแรกที่เป็นชาวต่างชาติในตำแหน่งนี้ อาจมีปัญหาเรื่องกำแพงภาษาบ้าง เพราะดิฉันพูดภาษาไทยไม่ได้ (มิสฟราวเกอะ พูดได้ 4 ภาษาคือ อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส และภาษาดัตช์) แต่ถือว่านั้นเป็นข้อดีที่จะเป็นแรงผลักดันให้วิทยาลัยของเราก้าวข้ามไปสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น และได้ตั้งเป้าหมายไว้ให้วิทยาลัยดุสิตธานี กลายเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนด้านการจัดการธุรกิจโรงแรมและการประกอบอาหาร ให้เป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย
และจากประสบการณ์การบริหารงานมากว่า 25 ปี แม้เป็นชาวต่างชาติคนแรกในตำแหน่งนี้ก็ถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย และเป็นการใช้การเปลี่ยนแปลงนี้ให้เป็นประโยชน์และเกิดการเรียนรู้การทำงานใหม่ ๆ เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เป็นระดับสากลอย่างแท้จริง ๆ
ปัจจุบัน วิทยาลัยดุสิตธานี มีนักศึกษาเกือบ 3,000 คน คณาจารย์และเจ้าหน้าที่กว่า 300 คน มุ่งเน้นให้เกิดการนำความรู้และประสบการณ์บวกความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ มาถ่ายทอดให้กับผู้เรียนอย่างเต็มที่ นอกเหนือจากผู้ถ่ายทอดความรู้แล้ว วิทยาลัยยังมุ่งเน้นไปทางด้านการพัฒนาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก อาคารและห้องเรียนต่าง ๆ ให้ทันสมัย ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงไปแล้วโดยใช้งบประมาณรวมกว่า 300 ล้านบาทเลยทีเดียว ทั้งสำหรับวิทยาลัยดุสิตธานี กรุงเทพ และวิทยาเขตเมืองพัทยาเพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในฐานะของผู้บริหารวิทยาลัย ดิฉันยังคงมุ่งมั่นเพื่อที่จะต่อยอดและเดินตามปณิธานของผู้ก่อตั้ง ที่เน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทยเอาไว้ด้วยเสมอ และสานต่อภารกิจการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ”
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารการศึกษาจากเนเธอร์แลนด์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์โลก อย่างที่รู้กันอยู่ว่าอุตสาหกรรมการบริการการโรงแรมและการท่องเที่ยว (Hospitality Management) ในยุคที่ทุกคนอยู่กับที่ เดินทางไปไหนไม่ได้ ก่อเกิดปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นการกำหนดนโยบายและการบริหารจะต้องปรับเปลี่ยนไปอย่างไร
“แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติของโรคระบาด แต่เรายังคงเน้นความเป็นเลิศและความโดดเด่นตามแนวทางเครือดุสิตธานี โดยยึดองค์ประกอบหลัก 3 ประการคือ Hands การลงมือปฏิบัติ, Head การคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา และ Heart การใส่ใจและดูแลด้วยใจ โดยมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพสูง ตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว
โดยดึงจุดเด่นของวิทยาลัยดุสิตธานี คือนักศึกษาจะเรียนรู้ในภาคปฏิบัติกับคณาจารย์ที่มีประสบการณ์ตรงจากอุตสาหกรรม พร้อมลงมือทำจริงในทุกส่วน เรามีร้านอาหาร ร้านกาแฟในวิทยาลัยให้นักศึกษาลงมือบริหารจัดการจริง สอนการคำนวณต้นทุน การบริการ เป็นต้น
นอกจากจุดเด่นของเราในการสอนจริงทำจริงในภาคปฏิบัติแล้ว ด้วยความเก่าแก่และประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือของเครือดุสิตธานี ที่เปิดสอนหลักสูตรการโรงแรมมาตั้งแต่ปี 1993 บวกกับปรัชญา Hands, Head, Heart เมื่อนักศึกษาเรียนจบออกสู่การทำงานจริงก็จะได้เปรียบกว่าผู้อื่น นอกจากนี้เรายังพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลา การปรับปรุงโครงสร้างหลักสูตรและวางโปรแกรมต่าง ๆ การออกแบบคอร์สเรียนอย่างมีคุณภาพ ทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนในทุกระดับ เช่น นอกจากสอนหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท ที่มีทั้งภาคภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติ เรายังเปิดหลักสูตรระยะสั้นสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่การบริหารการจัดการโรงแรม หลักสูตร Mini MBA หลักสูตรระยะสั้น 3 เดือนที่เรียนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จนถึงหลักสูตรอบรมการประกอบอาหารสำหรับบุคคลทั่วไป เรียนวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงภาคเอกชนจะให้เราจัดคอร์สอบรมระยะสั้นแก่ผู้บริหารหรือพนักงาน ตามความต้องการเพื่อเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ดิฉันขอยกตัวอย่างนักศึกษาหลายคนที่เรียนจบจากวิทยาลัยดุสิตธานี ที่ออกไปประกอบอาชีพหลากหลาย หลายคนมีชื่อเสียงในฐานะเชฟ และผู้ประกอบการธุรกิจด้าน Hospitality Management เช่น เชฟอาร์ - ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์ ชนะการแข่งขันรายการ The Next Iron Chef และ คุณครองยศ พิริยพฤกธิ์ ผู้จัดการทั่วไป (GM) โรงแรมดุสิตดีทู เขาใหญ่ เป็นต้น”
แม้ทั่วโลกยังอยู่ในช่วงวิกฤติของโรคระบาด แต่ธุรกิจการโรงแรมและการบริการยังคงต้องเดินหน้าต่อ มิส ฟราวเกอะ ได้ให้มุมมองสำหรับเทรนด์ของธุรกิจด้าน Hospitality Industry ในทศวรรษหน้าไว้ว่า
“ดิฉันมองว่า ในทศวรรษหน้าอุตสาหกรรมการบริหารการโรงแรมและการท่องเที่ยวจะเน้นไปด้านสุขภาพและการอยู่ดีกินดี (Wellness & Health) มากขึ้น เมื่อคนออกเดินทางหรือไปท่องเที่ยว พวกเขาจะมองหาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็มองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ แสวงหาความแตกต่างที่เพิ่มมุมมองใหม่ ๆ ที่มีสาระ โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ ๆ ที่มีความต้องการหลากหลาย และเริ่มตื่นตัว เริ่มมีแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อม พวกเขามองหาการจัดการด้านทรัพยากรอย่างยั่งยืน เช่นมองหาโรงแรมและร้านอาหารที่มีแนวคิดเรื่องนี้ และมองหาอาหารสุขภาพ และ อาหารที่ผลิตจากพืช (Plant-based) ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการใช้เทคโนโลยีที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการหาข้อมูล การติดต่อที่พัก การจองห้องพัก ฯลฯ
ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ เทรนด์ของโลกและเทรนด์ของธุรกิจด้าน Hospitality Management นั้นเกี่ยวพันกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนอย่างแน่นอน Sustainable Development จะเข้าไปอยู่ในทุกส่วน และวิทยาลัยดุสิตธานี เรามีระบบจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนสถานการณ์โควิดนี้จะเกิดขึ้น เราได้เตรียมแผนเรื่อง Green College เช่น การงดใช้พลาสติก หรือ Plastic Free ไว้แล้วแต่ต้องระงับไป ที่จริงเครือดุสิตธานีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มานานแล้ว หลังจากสถานการณ์โควิดจบลงเราจะเดินหน้าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้น ๆ
ดิฉันคิดว่าทุกองค์กรในโลกนี้กำลังปรับตัวขนานใหญ่ให้เข้ากับเรื่องสิ่งแวดล้อม สุดท้ายแล้ว Sustainable จะเข้าไปอยู่ในทุกส่วน หรือแม้กระทั่งในหลักสูตรที่เราสอน คนรุ่นเจน Y หรือเจน Z จะเข้าถึงแนวคิดนี้อย่างจริงจัง เช่นเราต้องรู้วิธีจัดการกับพลาสติก ตั้งแต่การเตรียมอาหาร การผลิตในทุกกระบวนการต่าง ๆ เป็นแผนงานระยะสั้นและระยะยาว”
สำหรับเป้าหมายในอนาคตของวิทยาลัยดุสิตธานี อธิการบดีคนใหม่บอกว่า
“วิทยาลัยดุสิตธานีมีความเป็นเลิศด้านการศึกษาทางด้านการโรงแรมและการประกอบอาหาร เราไม่เพียงพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย หากยังพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องเรียนและอุปกรณ์ในการเรียนการสอน โดยวางเป้าหมายว่าไม่เพียงให้เป็นสถาบันการเรียนการสอนด้านการโรงแรมที่เป็นหนึ่งในประเทศไทย หากวางทิศทางสู่ระดับสากล สู่ความเป็นหนึ่งในเอเชียและไปไกลสู่ระดับโลก ความเก่าแก่และน่าเชื่อถือทางด้านคุณภาพของเราถือเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ดิฉันจึงมุ่งพัฒนาจุดเด่นของการเป็นหนึ่งในเครือดุสิตธานีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”