‘แลร์รี คิง’ กับการรับมือ 9 แขกรับเชิญผู้ยิ่งใหญ่
“แลร์รี คิง” เผชิญหน้าแขกรับเชิญระดับโลกมาแล้วหลายรูปแบบด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมา หลายครั้งเขาถูกสวนกลับด้วยคำตอบราวกับถูกหมัดน็อคอยู่เหมือนกัน
แลร์รี คิง (Larry King) พิธีกรรายการโทรทัศน์แนวทอล์คโชว์ระดับตำนานของสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 87 ปี เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2564 หลังมีรายงานข่าวว่าเขาเข้ารับการรักษาตัวจากการติดเชื้อไวรัส “โคโรน่า 2019” ที่ศูนย์การแพทย์ซีดาส์-ไซนาย เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปลายปีพ.ศ.2563
ในสหรัฐอเมริกาและผู้ชื่นชอบรายการทอล์คโชว์รู้จัก “แลร์รี คิง” ในฐานะ 1 ในนักสัมภาษณ์ออกอากาศที่น่าติดตามชม คิงสัมภาษณ์นักการเมือง นักกีฬา คนบันเทิงและผู้ตกเป็นข่าวมากกว่า 50,000 ครั้ง เขาได้รับรางวัลเอมมี 1 ครั้ง รางวัลพีบอดี (Peabody) 2 ครั้งและรางวัลเคเบิลเอซ (CableACE) 10 ครั้ง
จากการสำรวจเว็บไซต์เซเลบริตีในอเมริกาพูดถึง แขกรับเชิญ หลายคนที่ให้เกียรติมารายการของแลร์รี คิง แล้วสร้างปรากฏการณ์น่าจดจำไว้หลายรูปแบบ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ คัดเลือกมา 9 แขกรับเชิญ ที่ทำให้ผู้ชมบ้างก็ประทับใจ สนุกสนาน บ้างก็เกิดอาการนิ่งชะงักงันไป 3 วินาทีหลังจากได้ยินคำตอบ มีแม้กระทั่งแขกรับเชิญที่สวนกลับแลร์รีแบบไม่ไว้หน้า!
เป็น “9 แขกรับเชิญ” ผู้ยิ่งใหญ่จากสาขาอาชีพต่างๆ ที่คนไทยน่าจะรู้จักหรือเคยติดตามผลงาน เชิญร่วมย้อนอดีตและรำลึกถึงผลงานอันยิ่งใหญ่ของ แลร์รี คิง ไปด้วยกัน
1.แฟรงก์ ซินาตรา
หนึ่งในแขกรับเชิญปีพ.ศ.2531 คือ แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra) สุดยอดนักร้องชายเสียงนุ่มในดวงใจคนหนึ่งของแลร์รี และศิลปินในดวงใจที่เป็นตำนานของคนอเมริกันจำนวนมาก
ช่วงหนึ่งของการสนทนา ซินาตราเรียกคนเขียนหนังสือ Kiss-And-Tell อย่างสาดเสียเทเสียด้วยคำว่า pimps and whores (แมงดาและโสเภณี) เพราะไม่พอใจอย่างมากกับพฤติกรรมนักเขียน ผู้ชมไม่คาดคิดว่านักร้องเสียงนุ่มคลาสสิกจะใช้คำลักษณะนี้ขณะให้สัมภาษณ์ออกอากาศ
Kiss-And-Tell เป็นหนังสือเชิงอัตชีวประวัติอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับตัว แฟรงก์ ซินาตรา คือเขียนขึ้นจากสิ่งที่นักเขียนใช้คำว่า “ค้นคว้า” จากข่าว จากคำบอกเล่า จากเสียงซุบซิบเรื่องชีวิตสมรสของซินาตราและสัมพันธ์ลับๆ อีกมากมาย โดยไม่ได้สัมภาษณ์เขาเลย
นักแสดงชั้นเซียนระดับซินาตรา ในวัย 73 ปี ยังยอมรับในรายการด้วยว่า เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่กำลังจะออกไปแสดงต่อหน้าผู้ชมบนเวที
“ผมสาบานต่อหน้าจิตวิญญาณแม่ผม สี่-ห้าวินาทีแรกผมมีอาการตัวสั่นทุกครั้งที่ผมก้าวเท้าขึ้นไปยืนบนปีกเวทีก่อนเดินออกไป”
แฟรงก์ ซินาตรา เป็นนักแสดง นักร้อง และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20 ด้วยยอดจำหน่ายแผ่นเสียงกว่า 150 ล้านชุดทั่วโลก ทำให้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาล จากการเล่นภาพยนตร์เรื่อง From Here to Eternity(1953) หรือในชื่อไทย “ชั่วนิรันดร” ทำให้เขาได้รางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำในสาขา “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม”
2.เอลิซาเบธ เทย์เลอร์
สตรีผู้ครอบครองความสวยหนึ่งเดียวที่หาได้ยาก เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ (Elizabeth Taylor) นางฟ้าบนจอฮอลลีวูดปรากฏตัวครั้งแรกในรายการแลร์รี คิง สเปเชียล ปีพ.ศ.2536 ขณะที่เธออายุ 61 ปี แต่ก็ยังงามพริ้ง เป็นรายการพิเศษที่ออกอากาศทางช่องทีเอ็นทีเกือบ 2 ชั่วโมง
ผู้ชมติดตาตรึงใจกับใบหน้าอันยังคงงดงามและเรื่องราวที่เอลิซาเบธเปิดใจเล่าความเป็นมาเกี่ยวกับอาชีพการแสดงของเธอตั้งแต่เริ่มต้น ความรู้สึกเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องต่างๆ แน่นอนรวมทั้ง Cleopatra(1963) ตลอดจนเสียงซุบซิบของอดีตสามีคนที่ห้า..นักแสดงชาย “ริชาร์ด เบอร์ตัน” รวมทั้งประโยคเด็ดที่เธอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงพฤติกรรมการดื่มของตัวเองว่า
“ฉันเคยติดเหล้า และมันเป็นการเจ็บป่วยแบบหนึ่ง ห้าโมงครึ่ง (17.30 น.)ฉันเริ่มดื่มแจ็คแดเนียล สามทุ่มถึงห้าทุ่มฉันดื่มไวน์ขณะดินเนอร์ ฉันไม่เคยเมา ถ้าคุณถามคนรอบตัวฉัน ไม่มีใครเคยพูดว่าเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ เป็นคนขี้เมา”
3.มาร์ลอน แบรนโด
ถ้ากล่าวในฐานะคนดูหนัง ชื่อ มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando) ถือเป็นพระเอกบิ๊กเนมคลาสสิกตลอดกาลของฮอลลีวูด ผลงานตั้งแต่วัยหนุ่มรูปหล่อ อาทิ A Streetcar Named Desire(1951), Julius Ceasar(1953), On the Waterfront (1954) มาจนถึงหนังระดับตำนาน The Godfather (1972) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์ตัวที่สองในฐานะนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในวัย 48 ปี รวมทั้งหนังมหากาพย์ Apocalypse Now (1979) ว่าด้วยเรื่องสงครามเวียดนามสุดบีบอารมณ์
มาร์ลอน แบรนโด เป็นแขกรับเชิญของแลร์รี คิง ในปีพ.ศ.2537 ขณะที่เขาอายุ 70 ปี สิบนาทีแรกของการสัมภาษณ์ 45 นาที มาร์ลอนวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่แลกมาด้วยงานแสดงและการให้สัมภาษณ์สื่อ
เว็บไซต์ “เพจซิกซ์” วิจารณ์ว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่สร้างชื่อให้กับโชว์ ผู้ชมไม่ได้เนื้อหาอะไร สิ่งที่จดจำได้จากโชว์นี้มีเพียงภาพมาร์ลอน แบรนโด ในสภาพอ้วนเตี้ย พาดเท้าเปลือยเปล่าไว้บนแท่นพักเท้า พึมพำร้องเพลง Got a Date with an Angel คนละคีย์คู่กับแลร์รี คิง แล้วมาร์ลอนก็ประทับจูบแบบ goodbye kiss ลงบนริมฝีปากของแลร์รี คิง เป็นการลารายการ
เพจซิกซ์ยังแฉด้วยว่า การที่ดารานำ The Godfather มาให้สัมภาษณ์ ก็เพราะเป็นเงื่อนไขทางกฎหมายของสำนักพิมพ์ที่มาร์ลอนจะต้องให้สัมภาษณ์ 1 สัมภาษณ์ใหญ่สำหรับการโปรโมต Songs My Mother Taught Me หนังสือบันทึกความทรงจำของมาร์ลอน และมาร์ลอนก็เลือกรายการของแลร์รี คิง
ขณะที่เว็บไซต์ “แวนิตี้แฟร์” พูดถึงโชว์นี้ว่า มาร์ลอนให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำชนิดยากที่จะเข้าใจและมีลับลมคมใน เช่น แลร์รี คิง พยายามถามว่า มาร์ลอนน่าจะเป็นนักดนตรีได้ แต่เขากลับตอบว่า
“ถ้าหมาไม่หยุดฉี่ มันก็คงจับกระต่ายได้” !!
สองปีต่อมา มาร์ลอน แบรนโด กลับมารายการ “แลร์รี คิง ไลฟ์” อีกครั้ง พร้อมกับจุดประเด็นเดือดด้วยการป่าวประกาศว่าฮอลลีวูดเมืองมายาควบคุมโดยชาวยิว
4.เจอร์รี ไซน์เฟลด์
พ.ศ.2550 สุดยอดดาราตลกชาวอเมริกันแห่งยุค เจอร์รี ไซน์เฟลด์ (Jerry Seinfeld) เป็นแขกรับเชิญเพื่อโปรโมตภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Bee Movie(2007) ที่เขาลงทุนสร้างและให้เสียงพากย์เป็นผึ้งน้อย “แบร์รี บี เบนสัน”
ไม่เหมือนแขกรับเชิญคนอื่นๆ ที่มักให้อภัยหาก แลร์รี คิง ถามนอกสคริปต์ไปบ้าง แต่เจอร์รีไม่ยอมปล่อยผ่าน เมื่อแลร์รีถามเขาว่า “จะเป็นยังไงถ้ารายการ Seinfeld ของคุณถูกสถานีเอ็นบีซียกเลิกหลังจากทำมาแล้วเก้าปี หรือว่าคุณจะตัดสินใจยุติการทำซีรีส์นี้ซะเอง”
เจอร์รีอึ้งไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำถาม ชักสีหน้าไม่พอใจ ถามกลับปนเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันว่า
“คุณคิดว่าผมจะถูกยกเลิกรายการเหรอ ผมคิดว่ามันเป็นรายการที่มีเนื้อหาค่อนข้างดีอยู่นะ...แลร์รี คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร 75 ล้านคนดูรายการตอนสุดท้ายนะแลร์รี”
แลร์รีพยายามอธิบายเชิงถามว่า “ความนิยมของโชว์ส่วนใหญ่ไม่ลดลงเล็กน้อยบ้างหรือ” เจอร์รีสวนกลับทันควัน “คนดูส่วนใหญ่ก็ทำแบบนั้น(กับรายการอื่น)เหมือนกัน” เหมือนจะบอกว่า ‘แลร์รี คิง ไลฟ์’ ก็ระวังตัวไว้เถอะ
แลร์รี คิง ไปต่อไม่ถูก..รีบตัดบทเข้าสู่ช่วงโฆษณาของรายการ
ตอนสุดท้ายของซีรีส์ Seinfeld มีคนดูมากถึง 75 ล้านคน และในปีที่ 12 Seinfeld ก็ยังคงเป็นรายการทีมีเรตติ้งแถวหน้าของเอ็นบีซี
เจอร์รี ไซน์เฟลด์ ในวัย 66 ปี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของ แลร์รี คิง ต่อกรณีคำถาม “ถูกยกเลิกรายการ” เมื่อครั้งนั้นว่า เขาแค่อยากทำให้ดูเป็นเรื่องตลกต่อความผิดพลาดของแลร์รี
“รักแลร์รี คิง เสมอ และจะคิดถึงเขา, ประเด็น ‘ถูกยกเลิก’ ที่คนพูดถึง เป็นแค่สิ่งที่ผมอยากทำให้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของแลร์รีดูเป็นเรื่องน่าขบขัน ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น” เจอร์รีทวีตข้อความนี้พร้อมอิโมจิรูปหัวใจสีแดง ติดแฮชแท็ก #ripLarry
5.เลดี กากา
ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและสไตล์ไอคอน เลดี กากา (Lady Gaga) ศิลปินเพลงป็อปชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลีมาเยือนรายการในปีพ.ศ.2553 ด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ใช่สไตล์ของเธอทั้งในชีวิตประจำวันและออกงาน แต่เธอแต่งตัวเลียนแบบแลร์รี คิง คือเสื้อเชิ้ตพับแขนและสายดึงกางเกง สวมแว่นกันแดดแทนแว่นสายตา
ในปีนั้น นิตยสารไทม์ส จัดลำดับให้ “เลดีกากา” อยู่ในรายชื่อ “100 บุคคลทรงอิทธิพลต่อโลกประจำ ค.ศ.2010” ขณะที่นิตยสารฟอบส์จัดอันดับให้เธออยู่ในอันดับที่ 7 ของ “ผู้หญิงทรงอำนาจที่สุดในโลกประจำค.ศ.2010”
เลดีกากา มีผลงานอัลบั้มทำยอดขายสูงสุดในโลกประจำปี 2010 หลังจากอัลบั้ม The Fame ออกวางจำหน่ายปี 2008 ภายใน 2 ปีต่อมาเธอมียอดขายอัลบั้มมากกว่า 55 ล้านชุด
แลร์รีคุยกับเลดีกากาหลายเรื่องตั้งแต่ทัวร์คอนเสิร์ตที่ไม่สามารถเทียบได้กับไมเคิล แจ็คสัน การเลิกใช้โคเคน อาชีพสาวเสิร์ฟในบาร์เปลื้องผ้า การต่อสู้กับโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ฯลฯ
แต่เรื่องหนึ่งที่คนจำได้แม่น คือในช่วงเริ่มต้นของรายการ เลดีกากาถามแลร์รีก่อนว่า
“ฉันควรเรียกคุณว่าแลร์รี หรือกษัตริย์แลร์รี (King Larry)”
เสียดายที่คนดูไม่เห็นสายตาหลังแว่นกันแดดของเลดีกากาขณะถามคำถามนี้ แต่จากน้ำเสียงพอเดาได้ว่าเธอปลื้มหรือแอบจิกเล็กๆ
6.แพรีส ฮิลตัน
ในอเมริกา ใครฝ่าฝืนทัณฑ์บนเมาแล้วขับติดคุกจริงไม่ว่าจะเป็นบุคคลมีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม พ.ศ.2550 ทั้งสถานีโทรทัศน์เอบีซีและเอ็นบีซีต่างไล่ตาม แพรีส ฮิลตัน (Paris Hilton) เพื่อคว้าตัวมาสัมภาษณ์เป็นที่แรกหลังเธอได้รับการปล่อยตัวจากการถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 45 วัน โทษฐานฝ่าฝืนทัณฑ์บนในการเมาแล้วขับและขับรถโดยไม่มีใบขับขี่
แต่แพรีสหันหลังให้สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ เธอเลือกรายการ “แลร์รี คิง ไลฟ์” ของซีเอ็นเอ็น เพื่อให้สัมภาษณ์เป็นที่แรก แลร์รีแสดงความเป็นพิธีกรมืออาชีพ ไม่กล่าวเสียดสี ไม่คุกคาม ไม่คาดคั้น
แพรีสเล่าการใช้ชีวิตประจำวันภายในคุกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งการอยู่การกิน รวมทั้งให้สัมภาษณ์ว่าเธอได้มุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิมหลังจากพ้นโทษ
แพรีส ฮิลตัน เป็นทายาทตระกูลดังของโลกผู้ก่อตั้งโรงแรมฮิลตัน เธอได้รับมรดกประมาณสองพันล้านบาท กลายเป็นสาวไฮโซสุดหรูออกงานปาร์ตี้บ่อยครั้ง สร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิงด้วยการเริ่มต้นอาชีพนางแบบตั้งแต่อายุ 18 ปี มีข่าวความสัมพันธ์กับคนดังทั้งวงการบันเทิงและเซเลบริตี้ ใช้ชีวิตอย่างที่สุด ทำให้มีปาปารัสซี่จำนวนมากติดตาม เคยแสดงภาพยนตร์ และเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์เรตติ้งสูง
7.สนูป ด็อกก์
หนึ่งในโชว์ของ แลร์รี คิง ที่มีความตลกที่สุด คือการออกไปสัมภาษณ์โปรดิวเซอร์และนักร้องอันดับหนึ่งวงการเพลงฮิปฮอปอเมริกัน สนูป ด็อกก์ (Snoop Dogg) ที่ตัวเขาก็ให้ความเป็นกันเองกับแลร์รีอย่างมากเมื่อปีพ.ศ.2553
เป็นทอล์คโชว์ที่สนุกสนาน มีชีวิตชีวา คนอเมริกันขำกลิ้งกับช่วงหนึ่งของรายการที่แลร์รีขอลองขับรถ "เตี้ยติดพื้น" คันงาม Pontiac Parisienne ปี 1967 ของสนูป ด็อกก์ เป็นรถที่แล่นไปกระโดดไป ตอนนั้นแลร์รีอายุ 77 ปีแล้ว
นึกภาพชายอายุ 77 ปี ถูกโยนตัวขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในรถคลาสสิกคันยาว นั่นยังไม่เท่าตอนที่แลร์รีพูดออกมาว่า “ผมเอื้อมมือไม่ถึงเกียร์” ผู้ชมรู้สึกน่าเอ็นดู
แลร์รีคุณทำอะไรได้หลายอย่างและสนุกกับการทำงานจริงๆ
8.วลาดีมีร์ ปูติน
แลร์รี เคยสัมภาษณ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ถึงสองครั้ง คือในปีพ.ศ.2543 และพ.ศ.2553 แลร์รีซักฟอกท่านประธานาธิบดีอย่างหนักในประเด็น WikiLeaks
ตลอดการสนทนา คำตอบของปูตินได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษแบบเรียลไทม์สำหรับคนดูชาวอเมริกัน จึงมีคำถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของปูตินหลั่งไหลเข้าไปที่รายการ และทำให้เรื่องราวการใช้ชีวิตส่วนของผู้นำหลังม่านเหล็กเปิดเผยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุตรสาว
“การนำลูกๆ มาเปิดเผยเรื่อ่งราวสู่สาธารณชน เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง”
9.โดนัลด์ ทรัมป์
ย้อนกลับไปในปีพ.ศ.2530 แลร์รี คิง เคยสัมภาษณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะเจ้าพ่อผู้มั่งคั่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวนิวยอร์ก ช่วงหนึ่งของการสนทนา แลร์รีเอ่ยขึ้นว่า “วิธีการพูดของคุณฟังดูเหมือนนักการเมือง” ตอนนั้นทรัมป์ในวัย 41 ปี ตอบทันทีว่า
“ผมไม่ได้ต้องการเป็นประธานาธิบดี”
ช่วงปีพ.ศ.2533 ทรัมป์มีปัญหาการเงินเนื่องจากธุรกิจกาสิโนที่ซื้อมาไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เขาก็สามารถฟื้นธุรกิจและชื่อเสียงกลับคืนมาได้ โดยประสบความสำเร็จกับการสร้าง “ทรัมป์เวิลด์” อาคารที่อยู่อาศัย 72 ชั้น ตรงข้ามสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ, สร้าง “ทรัมป์เพลส” กลุ่มอาคารหลายหลังริมแม่น้ำฮัดสัน, เป็นเจ้าของพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ในแมนฮัตตันหลายล้านตารางฟุต และเจ้าของกิจการประกวดนางงามจักรวาล ฯลฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ในวัย 70 ปี ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแข่งกับ ฮิลลารี คลินตัน และเอาชนะการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ผู้มีทรัพย์สินมากที่สุดในบรรดาบุคคลผู้เคยดำรงตำแหน่งนี้ และเป็นบุคคลแรกที่ไม่เคยรับราชการทหารหรือเป็นข้าราชการมาก่อน