เปิดใจสองศิลปินไทยที่ฝากผลงานในร้าน ‘adidas’
การจะร่วมงานกับแบรนด์สินค้าระดับท็อปของโลกว่ายากแล้ว การจะนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ดังยิ่งยากกว่า แต่ว่าสองศิลปินไทยทำได้ โดยใส่ผลงานสะท้อนความเป็นไทยฝากฝังไว้ในร้าน “adidas” แห่งล่าสุด
หลังจากเปิดตัว อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน (11 มีนาคม 2564) ถือเป็นการพลิกโฉมร้าน adidas ในประเทศไทยให้เป็นมากกว่าร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ของแบรนด์เท่านั้น แต่จัดหนักด้วยการเนรมิตร้านใหญ่ถึง 3 ชั้น จุใจสาวกค่ายสามแถบกันเลยทีเดียว
ความยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้จบแค่การเป็น adidas shop ธรรมดา เพราะว่าแบรนด์ดังได้จับมือกับสองศิลปินนักวาดภาพประกอบชาวไทย สร้างสรรค์ไอเดียศิลปะใส่ลงไปในทุกการตกแต่ง เพื่อให้ “อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน” มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว
- Tos Panyawat : ความงามในความแข็งแกร่ง
สองผลงานหลักที่ปรากฏบน Wall Women (ชั้น LG) และ Wall Men (ชั้น 1) ในแนว Contemporary Art สะท้อนความเป็นศิลปะร่วมสมัยอย่างชัดเจน โดยที่เจ้าของผลงานอย่าง ปัญญวัฒน์ พิทักษ์วรรณ หรือ Tos Panyawat ได้เล่าว่า มักจะใช้ความเป็นไทยผสมผสานกับศิลปะยุคต่างๆ จึงจะเห็นได้ว่าในรายละเอียดจะมีความวิจิตรของศิลปะไทยซ่อนอยู่ โดยที่มีความร่วมสมัยเป็นกรอบใหญ่
“งานศิลปะไทยอยู่คู่คนไทยมานาน นานจนผมรู้สึกว่าคนอาจหลงลืมไปว่ามีความสำคัญนะ และมีความร่วมสมัยอยู่ การที่เรามาร่วมงานกับ adidas แล้วผมเอาศิลปะไทยเข้ามาใช้ เพื่อให้คนไทยตระหนักถึง ว่าวันหนึ่งเราควรกลับมาเห็นคุณค่าของงานไทยๆ
ส่วนรูปแบบงานของผมมีสองส่วน ส่วนแรกคือที่ Wall Men ชื่อผลงานว่า “กึกก้อง” โดยที่ผมได้แนวคิดจากการที่ adidas ตระหนักถึงเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผมจึงเอาเทคโนโลยี Boost, ความ Sport, Culture ความเป็นไทย และความวิจิตรต่างๆ มาผสมผสานกัน ผลงานนี้ผมจึงได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อ สัญลักษณ์ของคนไทย พวกรอยสัก การสักยันต์เพื่อไปออกรบในสมัยก่อน เป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ส่วนเสือก็พยายามพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่ง แข็งแรง ผลงานนี้จึงพูดถึงขวัญกำลังใจของนักกีฬา”
ในเรื่องเทคนิค ปัญญวัฒน์ อธิบายว่าเป็นการพิมพ์ลายบนผ้าแคนวาส เพราะ adidas คำนึงถึงเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ผลงานของเขาจึงทำมาจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ บางส่วนคือพลาสติกรีไซเคิล รวมถึงเส้นใยฝ้าย กระจก ประกอบกันเป็นผลงานนี้ขึ้นมา
“อีกผลงานชื่อว่า “เปล่งประกาย” ตั้งอยู่ที่ชั้น LG ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่ไก่ ซึ่งแม่ไก่เป็นสัตว์ที่อยู่คู่คนไทยมานานมาก ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ภาษา วรรณคดี สุภาษิตไทย ตรงนี้ผมหยิบเอาคำว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ขึ้นมาใช้ ผมมองว่าความน่าสนใจของไก่ เวลาอยู่ในสนามแข่ง นักกีฬาไม่ควรจะแข็งแรงอย่างเดียว แต่ควรใส่ใจเรื่องความมั่นใจของผู้หญิงมากขึ้น
เทคนิคของผลงานนี้ก็คล้ายๆ กันครับ คือใช้วัสดุ Eco ในประเทศแทบทั้งหมดเลย เป็นกระดาษ เชือกป่าน วัสดุที่ย่อยสลายได้ โดยที่ผมใช้เวลาทำผลงานประมาณเดือนกว่าๆ เพราะผมต้องตีความคอนเซปต์พื้นที่สยาม ความเป็นใจกลางความเจริญของกรุงเทพฯ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เล่าถึงวัฒนธรรมไทย และยังคงความเป็น adidas ก็ค่อนข้างยากและกดดัน เพราะเราต้องการให้ผลงานไทยไปแข่งขันหรือน่าสนใจ
การได้ร่วมงานกับ adidas ทำให้ต่างชาติเห็นผลงานศิลปะของไทยในมุมที่น่าสนใจ ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว แต่มีดีไซน์เนอร์อีกมากมายที่ทำผลงานสไตล์ไทย การที่แบรนด์แบบนี้ให้ความสนใจจะทำให้ศิลปินและนักออกแบบไทยมีกำลังใจมากขึ้น”
- จักรกฤษณ์ อนันตกุล : สืบ “สาน” ผ่านศิลป์
หากขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 ผลงานที่ต้อนรับทุกคนโดยสื่อสารถึงความเป็น adidas original กับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว คือ ฝีไม้ลายมือของ จักรกฤษณ์ อนันตกุล หรือ Hello iam JK ศิลปินนักวาดภาพประกอบ
“ผมต้องการนำเสนอทั้งความเป็นไทย และความเป็น adidas ผมเลยจับเอาลายสานของตะกร้อหวาย แล้วดีไซน์ทุกอย่างเป็นกราฟิกขึ้นมา รวมไปถึงว่าว ซึ่งว่าวสะท้อนวัฒนธรรม กีฬา และศิลปะในตัวเอง แล้วว่าวจุฬาที่เป็นรูปทรงดาว ผมก็คิดว่ารุ่นที่เหมาะที่สุดก็คือ Superstar เป็นรองเท้ารุ่นคลาสสิกของ adidas originals ผมก็เอารองเท้ารุ่นนี้มาแมทช์กับว่าวจุฬา แล้วดีไซน์โดยใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ เพราะทาง adidas เขาเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ ถ้าเรานำเสนอวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เขาจะยินดีมากๆ ผมก็เลยรู้สึกว่ามันลงตัวพอดี
ส่วนผลงานที่เรียงอยู่ตรงบันไดเลื่อนขึ้นมาชั้น 2 เป็นการเอา Iconic ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นตำนานมาดีไซน์ โดยใช้เรื่องการสานเข้ามาใส่ในผลิตภัณฑ์ รวมถึงพรมบนพื้น ถ้าสังเกตจะมีลายกราฟิกไทยอยู่ แต่ผมปรับให้มันดูร่วมสมัยขึ้น และมีโคมไฟด้วยที่ผมดีไซน์ให้มันล้อกันไปหมดเรื่องสี เรื่องการสาน”
จากวันที่ได้โจทย์จนเสร็จงาน จักรกฤษณ์ เล่าว่าใช้เวลาราว 3 เดือน ซึ่งถือว่าไม่นานนัก เมื่อต้องเทียบกับการต้องนำเสนอไปยัง adidas ที่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยร่วมงานกับแบรนด์ดังมาแล้ว แต่กับแบรนด์เสื้อผ้ารองเท้าอย่าง adidas ความมีตัวตน มีเอกลักษณ์ ทำให้ศิลปินคนนี้รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้เพิ่มเติม
“ตอนที่ adidas เลือกให้ผมทำงานนี้ ผมก็ถามว่าเพราะอะไร เขาตอบว่า ผมว่ามีความสนุก มีสีสัน มีความเป็น Pop เหมาะกับ adidas originals คืองานนี้มีศิลปินสองคน ตอนแรกเราก็ตกลงกันไม่ได้ว่าจะแบ่งกันอย่างไรดี แต่พอเมืองนอกเขากำหนดมาว่าคนนี้ต้องทำ originals เพราะลายเส้นมีความสนุกสนาน มีความ Old school ซึ่งตัวผมเองก็ชอบ originals อยู่แล้วด้วย รองเท้าหลายๆ รุ่นก็เป็นรองเท้าที่เราโตมากับเขา เช่น Samba, Superstar”
สำหรับ “อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ สยามสแควร์วัน” แห่งนี้มีโซนสินค้าต่างๆ ทั้ง อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์ และสินค้าสปอร์ตแฟชั่นจาก อาดิดาส ออริจินอลส์ ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีโซนพิเศษ อาทิ “Maker Lab” ที่เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าทุกท่านได้ทดลองออกแบบสินค้าอาดิดาสในสไตล์ของตัวเองได้โดยทันทีที่ซื้อสินค้าภายในร้าน, โซน “Sustainability” ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นด้วยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับให้ความรู้และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับพันธกิจด้านความยั่งยืนของอาดิดาสในการสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยวัสดุพลาสติกรีไซเคิลทั้งหมดภายในปี 2024 รวมถึง “Running Lab” ที่มีลู่วิ่งไฟฟ้าให้ลูกค้าทุกท่านได้ทดลองใช้งานรองเท้ากีฬาเพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์ในการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบและค้นหารองเท้ากีฬาที่เหมาะสมกับรูปเท้าและการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด