เวที ‘มิสแกรนด์’ ให้นางงาม ‘เมียนมา’ พูดถึงความรุนแรงในประเทศ
สาวงามจากสหรัฐอเมริกาคว้ามงกุฎ Miss Grand International 2020 ไปครอง ขณะที่กองประกวดให้ซีนนางงามเมียนมาขึ้นเวทีพูดถึงสถานการณ์ภายในประเทศที่ยกระดับความรุนแรงขึ้นถึงขีดสุดในวันกองทัพที่มีประชาชนถูกสังหารกว่า 100 ชีวิต
จบไปสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับการประกวด ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2020’ รอบชิงชนะเลิศ ที่ในปีนี้มีการนำสถานการณ์โลกในปัจจุบันมาสอดแทรกเข้าไปในการประกวดได้อย่างน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้นางงามเมียนมาขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความรุนแรงในประเทศของเธอ เปิดโอกาสให้นางงามติดโควิด 2 คนจากประเทศเคนย่า และไนจีเรียออกมาพูดถึงการเข้ารับการรักษาในไทยจนหายขาด
ตลอดจนการนำประเด็นเกี่ยวกับ ‘วัคซีนโควิด’ มาเป็นคำถามตัดสินรอบ 5 คนสุดท้าย ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับเวทีประกวดนางงามว่าไม่ได้มีแค่การมาเดินอวดความสวยความงามเพียงเท่านั้น แต่ยังยืนหยัดอยู่กับสถานการณ์ความเป็นจริงของโลกด้วย
สำหรับผู้ที่คว้ามงกุฎ ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2020’ ไปครองในการประกวดซึ่งจัดขึ้น ณ SHOW DC HALL ในวันเสาร์ (27 มีนาคม) คือ อัลเบน่า แอพเพีย นางงามผิวสีวัย 27 ปี จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นอกจากจะชนะการประกวดแล้วเธอยังคว้าใจชาวไทยไปครองจากการทุ่มเทเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังเป็นเวลานานถึง 4 เดือนก่อนเข้าประกวด จนสามารถกล่าวสุนทรพจน์อันคมคายเป็นภาษาไทยได้
เท่านั้นไม่พอ อัลเบน่า แอพเพีย ยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก โดยเธอเลือกใส่ชุดไทยบรมพิมานเข้าไปให้สัมภาษณ์ในห้องดำ และยังใส่ชุดราตรีที่ตัดเย็บจากผ้าไหมไทย นอกจากนี้ อัลเบน่ายังบอกด้วยว่าเธอพร้อมที่จะมาทำงานที่ประเทศไทยหากชนะการประกวด ซึ่งความตั้งใจของเธอก็เป็นจริงแล้วหลังจากที่คว้ามงกุฎไปครองได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายของการประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนลจะได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที โดยทุกปีจะรณรงค์ยุติสงครามและความรุนแรงทุกรูปแบบ ทว่าปีนี้ได้เปลี่ยนมาให้นางงามทั้ง 10 คน Speech ถึงสถานการณ์ ‘Covid-19’ ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตคนทั่วโลกแทน โดยมิสแกรนด์สหรัฐอเมริกาก็ได้โชว์การกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาไทยซึ่งเรียกกรี๊ดลั่นฮอลล์
สำหรับสุนทรพจน์ของอัลเบน่าได้พูดถึงเรื่องความเท่าเทียมกัน (เป็นภาษาไทย) เอาไว้ว่า
“พวกเราอาจจะมีศาสนา วัฒนธรรม หรือสีผิวที่แตกต่างกัน พวกเราล้วนวัดกันภายใน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราควรจะได้รับสิทธิ์และการปฏิบัติ อย่าเพียงแต่รอเวลา ไม่มีการเริ่มต้นใดไม่เริ่มจากตัวเอง”
ส่วนนางงามที่ได้ตำแหน่งรอบอันดับ 1 ไปครองคือ ซาแมนต้า เบอนาโด้ มิสแกรนด์ฟิลิปปินส์ รองอันดับ 2 คือ มิสแกรนด์กัวเตมาลา อิวานน่า บาทเชอลอว์ รองอันดับ 3 ได้แก่ มิสแกรนด์อินโดนีเซีย ออร่า คาริสม่า และ มิสแกรนด์บราซิล ลาล่า เกส คว้ารองอันดับ 4 ควบตำแหน่งชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม
- ไทยคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม
ในส่วนของ ‘น้ำ - พัชรพร จันทรประดิษฐ์’ สาวงามตัวแทนประเทศไทย นอกจากจะพกพาเสน่ห์ และความมั่นใจเข้าไปได้ถึงรอบ 10 คนสุดท้ายแล้ว เธอยังนำเสนอชุดที่สวมใส่ได้อย่างดีจนทำให้ประเทศไทยสามารถคว้ารางวัล ‘ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม’ มาครองได้เป็นผลสำเร็จ
โดยผู้ที่ชนะรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมไปครองนั้นมี 3 ประเทศ นอกเหนือจาก พัชรพร จันทรประดิษฐ มิสแกรนด์ไทยแลนด์แล้วยังมีมิสแกรนด์ญี่ปุ่น รุริ ซาจิ และมิสแกรนด์กัวเตมาลา อิวานน่า บาทเชอลอว์
รางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม (Best in Swimsuit Award) ได้แก่ มิสแกรนด์ บราซิล Miss Lala Guedes (ลาล่า เกส)
รางวัลชุดราตรียอดเยี่ยม ได้แก่ มิสแกรนด์ เม็กซิโก Miss Angela Yuriar (แองเจล่า ยูริอา)
รางวัลป๊อบปูล่าโหวต ได้แก่ มิสแกรนด์ มาเลเซีย Miss Jasebel Robert (จัสเบล โรเบิร์ต)
- ให้ซีนนางงามเมียนมาพูดถึงความรุนแรงในประเทศ
ส่วนเรื่องที่ทำให้การประกวด ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ ในปีนี้ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากคือการให้ ฮาน เลย์ (Han Lay) มิสแกรนด์เมียนมา ขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศของเธอที่กำลังร้อนระอุ โดยเมื่อวันเสาร์ 27 มีนาคม ซึ่งเป็นวันประกวดรอบชิงชนะเลิศนั้น เป็นวันกองทัพเมียนมาซึ่งความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นสูงสุด มีรายงานว่าประชาชนกว่า 100 คนถูกยิงเสียชีวิต ในจำนวนนั้นมีเด็กอายุไม่กี่ขวบรวมอยู่ด้วย
โดยระหว่างที่การประกวดดำเนินมาถึงช่วงที่พิธีกรประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายแล้ว บนเวทีก็มีการฉาย VTR ภาพเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมาขึ้น พร้อมจบลงด้วยคำว่า We Always Believe in Democracy. Hope You All Save. MGI (เราเชื่อในประชาธิปไตย หวังว่าพวกคุณทุกคนจะปลอดภัย มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล)
หลังจากนั้น ฮาน เลย์ นางงามจากเมียนมา ก็ได้ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเธอ ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ ยุติสงครามและความรุนแรง (STOP THE WAR & VIOLENCE) ของเวทีมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล
“ถึงเพื่อนร่วมชาติอันเป็นที่รักของฉัน มันเป็นเรื่องยากลำบากมากที่ฉันต้องมายืนอยู่บนเวทีในคืนนี้ ทางเวทีจึงให้โอกาสฉันขึ้นมาพูดในนามของชาวเมียนมาที่กำลังทุกข์ทนอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศอันเป็นที่รักของฉัน ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนที่ต้องสูญเสียชีวิตบนท้องถนน พลเมืองทุกประเทศบนโลกใบนี้ต่างต้องการความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศของตน และสภาพแวดล้อมที่สันติ การที่จะทำแบบนั้นได้ ผู้นำที่เกี่ยวข้องไม่ควรใช้อำนาจ และความเห็นแก่ตัว
ในขณะที่คนจำนวนมาก รวมถึงผู้หญิงและเด็กตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญเสียชีวิต ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศใดก็ตาม ทั่วโลกจะร่วมกันหาทางออกและช่วยเหลือพวกเขา วันนี้ ในประเทศของฉัน เมียนมา ระหว่างที่ฉันกำลังกล่าวสุนทรพจน์อยู่นี้ มีคนเป็นจำนวนมากต้องตาย มีคนเสียชีวิตกว่า 100 คนในวันนี้ ฉันเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนทุกคนที่เสียชีวิต
ประชาชนชาวเมียนมาออกไปบนท้องถนนเพื่อประชาธิปไตย ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกร้องประชาธิปไตยบนเวทีอยู่ในขณะนี้ ขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับกองประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับฉันในการพูดกับประชาคมโลก ฉันอยากจะพูดตรงนี้ว่า กรุณาช่วยเมียนมาด้วย เราต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากประชาคมโลกในตอนนี้”
ฮาน เลย์ มิสแกรนด์เมียนมา กล่าวสุนทรพจน์ทั้งน้ำตา ปิดท้ายด้วยการใช้ภาษามือประกอบการร้องเพลง Heal the world และกล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทย ก่อนจะยกเวทีสู่ช่วงการตอบคำถามของผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย
- ชูประเด็น ‘โควิด-19’ ตลอดการประกวด
การระบาดไปทั่วโลกของไวรัส ‘โควิด-19’ ส่งผลให้การประกวด Miss Grand International 2020 ต้องเลื่อนจากกำหนดเดิมที่ต้องจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2563 โดยเวเนซุเอลา ประเทศเจ้าภาพ ไม่สามารถจัดการประกวดได้ตามกำหนด กองประกวด Miss Grand International จึงมีมติให้จัดงานขึ้นที่ประเทศไทยแทน
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวด ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่แถลงข่าวการประกวด Miss Grand International 2020 แล้วว่าเป้าหมายของการจัดงานในปีนี้คือการสร้างเครดิตให้คนทั่วโลกได้เห็น และมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยเรื่องการรับมือกับโควิดของประเทศไทย
แล้วในวันชิงชนะเลิศ ทางกองประกวดก็เปิดโอกาสให้มิสแกรนด์เคนย่า ‘เอเลน่า มูกิ’ และมิสแกรนด์ไนจีเรีย ‘ชิคาโอดิลี นา อูโดเซน’ 2 นางงามที่ถูกตรวจพบว่าติดไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เดินทางมาเก็บตัวเข้าร่วมการประกวดในประเทศไทย ได้ขึ้นมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญ พร้อมกล่าวขอบคุณทีมแพทย์ กองประกวดฯ และคนไทยที่ให้กำลังใจ
โดยมิสแกรนด์เคนย่า และมิสแกรนด์ไนจีเรียกล่าวว่า พวกเธอได้รับการรักษาโควิด-19 จากประเทศไทยจนหายดี ทำให้มีโอกาสได้ขึ้นมายืนบนเวทีนี้ และพวกเธอจะไม่มีวันลืมประเทศไทย ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และสร้างความมั่นใจให้กับนานาชาติเรื่องการรับมือกับสถานการณ์โควิดของไทยได้เป็นอย่างดี
ส่วนคำถามที่กองประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ใช้ถามผู้เข้าร่วม 5 คนสุดท้ายก็เป็นคำถามที่เกี่ยวกับ ‘โควิด-19’ เช่นกัน นั่นคือคำถามที่ว่า “ถ้าให้คุณเลือกแก้ปัญหาโควิดระหว่าง1.ปิดประเทศเพื่อช่วยชีวิตคน แต่เศรษฐกิจจะชะงักงัน กับ 2.ปล่อยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปแต่ก็เป็นการเอาชีวิตคนจำนวนมากไปเสี่ยง คุณจะเลือกแบบไหน
เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงที่เหลือนางงามอยู่ 3 คนสุดท้ายบนเวที นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้เพิ่มคำถามพิเศษให้กับนางงามทั้ง 3 คนที่ว่า หากมีวัคซีนอยู่ 1 โดส คุณจะเลือกฉีดให้ใครระหว่างผู้สูงอายุวัย 60 ปี กับเยาวชนอายุ 16 ปี
มิสแกรนด์สหรัฐอเมริกา ตอบว่าเลือกฉีดให้เยาวชน เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติและเธอต้องการให้คนเหล่านี้ได้เติบโตและเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้น่าอยู่ขึ้น มิสแกรนด์ฟิลิปปินส์ตอบว่าเธอเลือกฉีดให้คนวัย 60 และเลือกฉีดให้แม่ของเธอเพราะแม่เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ มิสแกรนด์กัวเตมาลา เลือกคำตอบเดียวกับ มิสแกรนด์สหรัฐอเมริกา