‘ลีวายส์’ เปิดโฉมหน้า 6 Changemakers ขยับแนวคิดแฟชั่น ‘ยั่งยืน’ 2021 ให้เป็นจริง
“ลีวายส์” เดินหน้าแคมเปญ Buy Better. Wear Longer. ผนึกกำลัง 6 Changemakers คนดังระดับโลก ร่วมรณรงค์การสวมใส่แฟชั่น “ยั่งยืน” เลือกผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการซื้อ ลดปริมาณขยะ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นกับโลก
ลีวายส์ (Levi’s) ริเริ่มแคมเปญเพื่อสังคมมานานหลายทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นด้านความเท่าเทียมกันในสังคม การทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม รวมถึงแคมเปญที่ทำขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สำหรับปีพ.ศ.2564 ลีวายส์ตอกย้ำแนวคิด ‘แฟชั่นยั่งยืน’ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญระดับโลกอีกครั้งภายใต้ชื่อ Buy Better. Wear Longer. นำเสนอแรงบันดาลใจ ชวนริเริ่มและสานต่อ ด้วยการสนับสนุนการเลือกซื้อเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของเสื้อผ้าที่ยาวนานยิ่งกว่า ซึ่งจะช่วยลดการซื้อ ลดปริมาณขยะ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นกับโลก
ลีวายส์ตั้งใจสื่อสารแนวคิด Buy Better. Wear Longer. ไปยังเหล่าเจเนอเรชั่นใหม่ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งต่อหัวใจสำคัญไปสู่รุ่นถัดไป เพื่อรณรงค์การสวมใส่แฟชั่นยั่งยืนอย่างแท้จริง เลือกสิ่งที่ดีกว่า เพื่อการสวมใส่เสื้อผ้าตัวโปรดได้นานยิ่งขึ้น และนำไปสู่การลดขยะ ลดภาวะโลกร้อนในที่สุด
ทั้งนี้เนื้อหาของแคมเปญ Buy Better. Wear Longer. ได้รับการถ่ายทอดผ่านหนังสั้นที่ได้รวบรวมผลงานของ 6 ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง (Changemakers) ผู้มีอุดมการณ์อันแน่วแน่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับโลก ซึ่งสามารถสะท้อนความมุ่งมั่นของลีวายส์ที่ต้องการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของวงการแฟชั่นได้อย่างตรงจุด ประกอบด้วย
Jaden Smith นักคิดผู้มีวิสัยทัศน์เดียวกันกับลีวายส์ ซึ่งแบรนด์ได้เคยร่วมงานมาอย่างยาวนาน เขาต้องการกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักรู้เกี่ยวกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดบนโลกใบนี้โดยเฉพาะ “น้ำ” เป้าหมายหลักของเขา คือ ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น
Emma Chamberlain หญิงสาว Youtuber ชื่อดัง ผู้ชื่นชอบแฟชั่นและการ DIY (Do It Yourself) เธอชอบนำเสื้อผ้าเก่าๆ มาดีไอวายให้เป็นของใหม่ ดัดแปลงโดยยึดหลักความยั่งยืน ใช้ในสิ่งที่มีอยู่ ประหยัดและสร้างสรรค์
Marcus Rashford นักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ใจบุญ เขารณรงค์เกี่ยวกับ ปัญหาการเร่ร่อนและความอดอยากของเด็กๆ เขาเชื่อว่าเด็กทุกคนสมควรได้รับโอกาส
Xiye Bastida นักเคลื่อนไหวด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เธอเกิดและโตที่ San Pedro Tultepec เมืองที่เผชิญทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม เธอเข้าใจถึงอันตรายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธออธิบายเกี่ยวกับสังคมอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ วัฒนธรรมที่ถูกทิ้งร้าง ที่ซึ่งเราชอบซื้อของและโยนทิ้งมันไป แต่ในความเป็นจริง คุณไม่เคยทิ้งอะไรไปอย่างแท้จริง เพียงแค่ย้ายมันออกไปให้พ้นจากสายตาคุณซึ่งจะกลายเป็นขยะ และจะส่งผลกระทบต่อคุณในที่สุด
Melati Wijsen สาวน้อยลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์-อินโดนีเซีย วัย 20 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง Bye Bye Plastic Bags องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชนที่ไม่ใช้พลาสติก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในบาหลี ในปี 2018 นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Youthtopia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาวดำเนินการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากผลงานของเธอเองแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ถึงแม้ว่าจะผ่านทางการกระทำเล็กๆน้อยๆ เช่น การซักกางเกงยีนส์ของคุณให้น้อยลง หรือซื้อเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น
Xiuhtezcatl นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม นักเขียน และศิลปินฮิปฮอปที่ใช้ดนตรีเล่าเรื่องเพื่อเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งในด้าน สภาพภูมิอากาศ และ อธิปไตยของประชาชน โดยก่อนหน้านี้ได้ร่วมพูดในการประชุมสหประชาชาติและใน TED (องค์การไม่แสวงหาผลกำไรจัดสัมมนาเกี่ยวกับ Technology, Entertainment, Design) มุ่งเน้นไปที่นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีต่อประชาชนและสภาวะเศรษฐกิจอื่นๆ
แคมเปญ Buy Better. Wear Longer. ถือเป็นอภิมหาโปรเจคในปี 2021 ที่ ลีวายส์ ตั้งใจต่อยอดและทำอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่ แฟชั่นที่ยั่งยืน มากขึ้น ทั้งกระบวนการผลิต การฟอก การทำสี รวมถึง ‘ขยะ’ จาก ฟาสต์แฟชั่น (fast fashion) ที่มาไวไปไว ก่อให้เกิดเป็นขยะในอนาคตจำนวนมหาศาล
ลีวายส์จึงได้รังสรรค์ นวัตกรรมแฟชั่นรักษ์โลก โดยครอบคลุมทั้งสายการผลิต ตั้งแต่การเฟ้นหาวัตถุดิบ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ Cottonized Hemp (ผ้าใยกัญชงผสมฝ้าย), Organic Cotton รวมไปถึงได้ริเริ่มชวน ยืดอายุให้กับยีนส์ตัวโปรด เพื่อให้ได้มาซึ่งแฟชั่นที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ ลีวายส์ยังกำหนด เป้าหมายในการลดการสร้างมลพิษและลดภาวะโลกร้อน ในปี 2025 อย่างชัดเจน ตั้งแต่การเฟ้นหาวัตถุดิบจวบจนพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ
- Water>LessTM ซึ่งเป็นนวัตกรรมผลิตยีนส์น้ำน้อยที่ลีวายส์ คิดค้นและทำขึ้นอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2011 จนปัจจุบัน เพื่อให้ประหยัดน้ำจาก 3.5 พันล้านลิตร เพิ่มการประหยัดขึ้นเป็น 4.2 พันล้านลิตร และการนำน้ำที่เสียจากการผลิตยีนส์ผ่านกระบวนการบำบัดกลับมารีไซเคิลจาก 5 พันล้านลิตร เป็น 9.6 พันล้านลิตร
- การเลือกใช้ วัตถุดิบเพื่อความยั่งยืน กว่า 75 เปอร์เซ็นต์ มาเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิต
- 65 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ต้องถูกผลิตขึ้นจากคนงานที่อยู่ใน ระบบ Worker Well-being ซึ่งได้รับการคุ้มครองที่ดี มีสิทธิขั้นพื้นฐานและความเท่าเทียมในการทำงาน รวมถึงโครงการนี้ยังดูแลครอบคลุมถึงการดูแลสภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมนวัตกรรมอีกด้วย
“เราตระหนักดี ว่าการผลิตและการบริโภคแฟชั่นอยู่ในระดับที่ไม่ยั่งยืน โดยจะเห็นจากสถิติระหว่างปี 2548 ถึง 2563 การบริโภคเสื้อผ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เสื้อผ้าล้นตู้ สวมใส่แต่ละชิ้นไม่กี่ครั้ง และทิ้งมันไปในที่สุด ทำอย่างไรให้เราสามารถเก็บเสื้อผ้าเกินครึ่งของตู้เสื้อผ้าได้นานเหมือนที่เราเคยทำได้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เรารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ Buy Better. Wear Longer. เริ่มต้นจากตัวคุณ” พอล ไดลิงเจอร์ (Paul Dillinger) รองประธานฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ลีวายส์ กล่าว
ทั้งนี้ ลีวายส์ ประเทศไทย ยังได้ เปิดตัวกิจกรรม Jeans Go Green “รีไซเคิล ยีนส์ยั่งยืน” ภายใต้แคมเปญดังกล่าวเพื่อชวนเหล่าแฟนๆ มาต่อชีวิตกางเกงยีนส์ตัวเก่า สร้างคุณค่าให้กับยีนส์ตัวโปรดให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยสามารถ นำยีนส์เก่ามาสร้างคุณค่าพร้อมรับส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ และลีวายส์ยังจะมอบ Levi’s® Upcycling Tote Bag เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ลีวายส์ ครบ 3,500 บาทสุทธิที่ร้านลีวายส์ ทุกสาขา หรือเมื่อช้อปออนไลน์โดยซื้อกางเกงยีนส์ 2 ตัว รับฟรีกระเป๋า Upcycling ลิมิเต็ด มูลค่า 990 บาท จำนวน 1 ใบ เป็นกระเป๋าที่ผลิตผ่านกรรมวิธี upcycling ทำให้มี เอกลักษณ์เฉพาะใบ และคุณค่าที่แต่ละคนจะได้รับผ่านการร่วมกิจกรรม Jeans Go Green ตั้งแต่วันนี้จนถึง 19 พฤษภาคม 2564
“เสื้อผ้าของลีวายส์ คุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ที่มอบทั้งความทนทานสวมใส่ได้หลายชั่วอายุคนและมีคุณค่าทางจิตใจ เพราะมันคือยีนส์ตัวโปรดที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับคุณ มันเก็บเรื่องราวและความทรงจำดีๆไว้มากมาย เราจึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแฟชั่น ที่เน้นเรื่องคุณภาพและการออกแบบเพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน” รองประธานฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ลีวายส์ กล่าวเพิ่มเติม
ร่วมกันเป็นแรงขับเคลื่อนและชักชวนคนรุ่นใหม่ผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการส่งต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจาก “การบริโภคเครื่องแต่งกาย” สู่รุ่นถัดไป