จิตรกรรมพุทธประวัติภาค'ไทใหญ่'
สวยซื่อๆ มีอัตลักษณ์แบบบ้านๆ เล่าเรื่องพุทธประวัติ และชาดกพระเวสสันดร ได้แจ่มตา พบได้ใน"จิตรกรรมไทใหญ่"
กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ดิฉันได้ข้ามชายแดน เข้าไปที่ดอยไตแลง ที่ตั้งของกองทัพรัฐฉาน ไปพบพี่น้องไทใหญ่ ที่บัดนี้เราได้แก่ไปด้วยกันเรียบร้อยแล้ว เพราะพบเจอกันมาร่วม 20 ปีได้ล่ะกระมัง
งานอื่นๆ ดิฉันวางมือไปมาก เพราะเนชั่นสุดสัปดาห์ที่เขียนข่าวสงครามชายแดนให้ประจำ ก็หมดวาระไปหลายปี ดังนั้นสิ่งที่ดิฉันยังชอบๆ สนใจสุดๆ ก็คือพวกวัฒนธรรมชาวบ้านไทใหญ่ นิทาน เรื่องเล่า ชื่อพืชพันธุ์ ส่ำสัตว์นานา อย่างลูกหมีที่เคยอุ้มเล่นหลายปีก่อน ตอนนี้ก็กลายเป็นพญาหมีตัวมหึมา หน้าดุ ตาดุ และเราไม่รู้จักกันอีกแล้ว
ตุ๊กตาหมีนั้นน่ารัก แต่ลูกหมีหลงแม่ กินนมเด็กดูดจ๊วบๆจากขวดนมเด็กนั้น หลายปีก่อนดิฉันกระโจนเข้าไปอุ้มเล่น เพราะนึกว่าจะน่ารักตัวนุ่มหอมเหมือนตุ๊กตาหมี
ที่ไหนได้ ลูกหมีตัวน้อย ขนแข็งกรากชี้ทุกทิศทาง ขนลูกหมีแข็งชนิดจิ้มมือเจ็บได้เหมือนเอาแปรงทองเหลืองมาขูด แล้วเวลาเขาอ้าปากมางี้เหม็นตุ เขี้ยวแหลมแคว้กๆ ขี้ฟันเกรอะ หน้าชุ่มเยิ้มขี้ตากรังอยู่รอบเบ้าตาสองข้าง ขี้มูกยังเป็นแผ่นหนาจับเป็นก้อนรอบรูจมูก
จับลูกหมีมาแล้ว เขาไม่ยอมปล่อยมือจากดิฉัน สองมือตะกายไม่หยุด เอาเล็บแหลมตะกุยเสื้อกันหนาวดิฉันขาดกระจุย เลือดที่แขนไหลซิบ เล่นเอาดิฉันร้องโอ้ โอ้ โธ่ลูกหมีเอ๊ย ลูกหมีเอ๊ย ปล่อยป้าเถอะลูก
แต่ลูกหมีไม่ยอมปล่อย
น้องทหารต้องมาช่วยกันแกะมือลูกหมีออกจากเสื้อดิฉัน แล้วจับเขาไปนั่งบนรั้วไม้สูงตามเดิม
ทำให้ดิฉันสัญญากับตัวเองมาแต่บัดนั้น กูจะไม่เชื่อนิทานฝรั่งอีกแล้ว เรื่องไหนๆก็ไม่เชื่อ โกหกชัดๆ ว่าลูกหมีตัวนุ่มหอม ขนอุ่นละมุน ใจดีน่ารัก
นี่มันตรงกันข้ามทุกอย่าง
และนี่จะเป็นลูกหมีตัวแรก-ตัวสุดท้ายที่ดิฉันจะเข้าไปอุ้มเล่น
มาดอยไตแลงครั้งนี้ ไปยืนมองพญาหมีตัวโต อดีตลูกหมีเมื่อหลายปีก่อนอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ตั้งใจไปวัด
วัดบนดอยไตแลง ชื่อวัดแลงหาญไตย เมื่อก่อนอยู่บนสันเขาสูง คาบเกี่ยวชายแดนไทย-รัฐฉาน ไม่กี่ปีก่อนได้ย้ายลึกเข้ามาในเขตรัฐฉาน จะได้ไม่มีปัญหาคร่อมชายแดนไทย
ดิฉันเข้าไปที่วัดแลงหาญไตยหลายครั้ง ชอบอาคารสถาปัตยกรรมไทใหญ่ สวยมาก และจิตรกรรมในพุทธสถานแห่งนี้ ก็สวยซื่อๆ ด้วยอัตลักษณ์ไทใหญ่ เล่าเรื่องพุทธประวัติ และชาดกพระเวสสันดร ในภาคไทใหญ่ได้แจ่มตา
วันนี้จึงขอนำภาพจิตรกรรมพุทธประวัติภาคไทใหญ่จากวัดแลงหาญไตยมาให้ชมกัน ส่วนภาคพระเวสสันดรชาดก เดี๋ยวมีโอกาสเหมาะจะเอามาให้ดู
จิตรกรรมพุทธประวัติไทใหญ่ที่น่ารักยิ่งๆ คือ เจ้าชายสิทธัตถะ พระนางพิมพา อำมาตย์ มุขมนตรี นางสนมกำนัลทั้งหลาย ในพุทธประวัติชุดนี้ ใส่เสื้อผ้าไทใหญ่ อย่างงดงามมากๆ แบบที่หนุ่มสาวไทใหญ่ใส่กันเดี๋ยวนี้ นี่แหละที่ดิฉันชอบสุด
เพื่อนรักดิฉัน ผู้พันเสือ นายทหารSSAเคยบอกมาเมื่อหลายปีก่อนว่า จิตรกรที่เขียนเป็นช่างไทใหญ่ฝีมือดี เขาชื่อ คำป่าง
น่าจะมีคนไทใหญ่ไปตามเก็บเรื่องราวประวัติของช่างเขียนคนนี้ไว้บ้างนะ