แฟชั่นที่ยั่งยืน... เมื่อ ‘Uniqlo’ จับมือมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย
เพราะแฟชั่นไม่ใช่แค่ธุรกิจหรือสิ่งฉาบฉวยเท่านั้น แต่การมีส่วนร่วมเพื่อสร้างสรรค์พันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมต่างหากที่จะสร้างความยั่งยืน “Uniqlo” จึงเปลี่ยนพลังเสื้อผ้าเป็นพลังความดีร่วมกับมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย
ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างสรรค์โลกและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนด้วยการผลิตเสื้อผ้าและกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ Uniqlo ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการ ‘ปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า’ พร้อมจับมือพันธมิตรมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (WARF) ด้วยการบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาทที่ได้มาจากการจำหน่ายถุงกระดาษ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม
ตลอด 10 ปีที่ดำเนินกิจการในไทย ทิศทางธุรกิจของ “Uniqlo” ด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ได้กลายเป็นส่วนส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและยกระดับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการลดขยะ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับโครงการต่างๆ ที่ได้ลงมือทำและประสบความสำเร็จมีดังตัวอย่างต่อไปนี้
- การลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในร้าน
“ยูนิโคล่” ตั้งเป้าจะลดการใช้พลาสติกลงให้ได้ 85 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 7,800 ตัน ด้วยการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้าที่เป็นพลาสติกเป็นกระดาษ สนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้า Eco bag และการเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก โดยนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการจำหน่ายถุงกระดาษในราคา 2 บาท ไปสนับสนุนการทำงานและกิจกรรมของมูลนิธิในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม
- RE.UNIQLO
จากโครงการ All Recycling “ยูนิโคล่” ได้ใช้ชื่อใหม่ ‘RE.UNIQLO’ ในปี 2563 โดยยังคงความตั้งใจในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับเสื้อผ้า ไปพร้อมกับสร้างประโยชน์และส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้กับผู้คนทั่วโลก จึงเชิญชวนลูกค้ามาร่วมบริจาคเสื้อผ้าของยูนิโคล่ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ที่ยังต้องการ โดยยึดหลัก 3Rs
Recycle (การนำกลับมาผลิตใหม่) – สินค้าชิ้นแรกที่ยูนิโคล่สร้างสรรค์จากการรีไซเคิลเสื้อผ้าตัวเก่าคือเสื้อแจ็คเก็ตรีไซเคิลดาวน์ขนเป็ด ในปีพ.ศ. 2563
Reuse (การนำกลับมาใช้ซ้ำ) – เสื้อผ้าของยูนิโคล่มีคุณภาพสูง จึงสามารถส่งต่อให้กับผู้อื่นได้ เพื่อให้เกิดการนำกลับมาใช้ซ้ำ โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ยูนิโคล่ได้ร่วมส่งต่อเสื้อผ้ากว่า 41 ล้านชิ้น ในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563)
Reduce (การลด) – ด้วยกระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม คัดสรรวัตถุดิบที่ยั่งยืน รวมถึงการนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำและผลิตใหม่ ทำให้ยูนิโคล่สามารถลดปริมาณขยะ ลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
นอกจากโครงการแล้วยังมีผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่คิดค้นและผลิตขึ้นมา
เสื้อโปโล DRY-EX : เสื้อโปโลที่มาพร้อมเทคโนโลยีดรายเอ็กซ์ช่วยให้ระบายเหงื่อได้เร็ว เริ่มวางขายในฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2020 โดยมีโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET เป็นส่วนประกอบ 32 เปอร์เซ็นต์
ฟลีซขนนุ่ม Fluffy Yarn Fleece : แจ็คเก็ตผ้าพลีซสัมผัสนุ่มสบายช่วยให้ความอบอุ่น เริ่มวางขายในฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2020 โดยเส้นใยทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET เป็นส่วนประกอบ 30 เปอร์เซ็นต์
BlueCycle Jeans : กางเกงยีนส์ที่ผลิตด้วยกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทั้งการลดปริมาณการใช้น้ำและลดภาระให้กับพนักงาน โดยใช้เทคโนโลยีจากศูนย์นวัตกรรมยีนส์ในลอสแอนเจลิส ซึ่งร่วมกันคิดค้นพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เริ่มผลิตและวางจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563
UNIQLO+ : ชุดกีฬาแห่งนวัตกรรมที่ยูนิโคล่ร่วมสร้างสรรค์กับนักกีฬาทีมโอลิมปิกส์ของสวีเดน จนได้ชุดออกกำลังกายที่ระบายอากาศและซึมซับความชื้นได้ดี มีน้ำหนักเบา แห้งเร็ว ยืดหยุ่นดี และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเส้นใยทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ได้จากวัตถุดิบชีวมวล ซึ่งจะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยเฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์และออนไลน์สโตร์ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้
เขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงแนวคิดของแบรนด์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนว่า พันธกิจ ‘ปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า’ คือการมุ่งเน้นพัฒนาสามด้าน ได้แก่ ผู้คน ชุมชน และโลก โดย “Uniqlo” ตระหนักดีถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
“ยูนิโคล่เองมีความมุ่งมั่นในการลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว ทั้งการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้ามาเป็นกระดาษ การยกเลิกการใช้ถุงพลาสติก และสนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการใช้พลาสติกลงให้ได้ 85 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 7,800 ตันทั่วโลกตามเป้าหมายของบริษัท รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในการตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูนิโคล่ในการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อม”
ด้าน ธนพัฒน์ พยัคฆาภรณ์ เลขาธิการ มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ปัญหาขยะพลาสติกถือเป็นภัยร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมหาศาล ตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือสัตว์ป่าของไทย รวมถึงการวิจัยและการค้นพบเทคนิคใหม่ๆ ในการฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าหายาก และการฟื้นฟูแหล่งระบบนิเวศต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากมายหลายโครงการ
จากการทำงานที่ผ่านมา เราค้นพบว่างานอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีมักมีจุดเริ่มต้นจากการลงมือทำจากส่วนเล็กๆ ก่อนเสมอ ดังนั้นการลดการใช้ถุงพลาสติกเมื่อซื้อของในร้านยูนิโคล่ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย แต่ได้ผลลัพธ์มหึมาในการร่วมรักษาโลกของเรา นอกจากที่ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการลดพลาสติก ลด CO2 แล้ว เงินบริจาคที่ทุกท่านมอบให้กับมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าฯ ยังเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับโลกอีกด้วย เนื่องจากงานวิจัยล่าสุด สัตว์ป่ามีความสามารถในการปลูกต้นไม้ ปลูกพืชอาหารที่เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนให้กับโลกอีกด้วย”
ทั้งนี้เงินบริจาคจำนวน 1 ล้านบาท จากการลดการใช้ถุงพลาสติก ทางมูลนิธิฯ จะนำไปใช้ในภารกิจช่วยชีวิตสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ เพื่อต่อยอดงานวิจัยด้านสัตว์ป่าและระบบนิเวศเพื่อคืนสมดุลให้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไป