สวยจนร้องว้าว! '3D Latte Art' ศิลปะสามมิติบนแก้วกาแฟ
ล้ำไปอีกขั้นกับ “3D Latte Art” การเนรมิตฟองนมธรรมดาให้กลายเป็นศิลปะสุดน่ารักบนแก้วกาแฟ
แน่นอนว่านับจากวันที่ศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟถือกำเนิดขึ้นในยุคทศวรรษที่ 1980 มาจนถึงบัดนี้ ไม่มีคาเฟ่หรือร้านกาแฟร้านไหนที่ปฏิเสธ ลาเต้ อาร์ต ไม่นำมาเป็นเมนูหลัก แล้วก็ไม่มีคอกาแฟท่านใดที่ไม่รู้จักกาแฟยอดฮิตติดเกรดดาวค้างฟ้าเมนูนี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ "ลาเต้ อาร์ต แบบ 3 มิติ" ได้ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นมาในเอเชีย จากผู้ที่หลงใหลในงานศิลปะ และพยายามมองหาความต่างของเมนูเครื่องดื่มกาแฟ
ก่อนจะเจาะเข้าเรื่องของสู่ "ศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟ" ในอีกแนวทางหนึ่งเป็น "ลาเต้ อาร์ต แบบ 3 มิติ" ที่นูนขึ้นเป็นมุมมอง 3 ด้าน หรือสูงเกินปากแก้วขึ้นมา หรือเรียกที่กันว่า "3D Latte Art" ที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่า "น่ารักน่าลิ้มลอง" จนอดใจไม่ไหวต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพแล้วอัพโหลดลงบนแพล็ตฟอร์มส่วนตัว จนกลายเป็นหนึ่งในกาแฟเทรนด์ฮิตของโซเชียล มีเดีย ขอปูพื้นถึงประวัติความเป็นมาของลาเต้ อาร์ต รุ่นบุกเบิกกันสักนิด
ว่ากันตามท้องเรื่อง “ลาเต้ อาร์ต” (Latte Art) หรือศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟ มีจุดเริ่มต้นที่เมืองซีแอตเทิ้ล ในสหรัฐอเมริกา ราวทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ก็ตกประมาณ 40 ปีมานี่เอง บุคคลที่มีมักได้รับการพูดถึงว่าเป็นผู้พัฒนาลาร์เต้ อาร์ต ก็คือ "เดวิด โชเมอร์" แห่งร้านกาแฟ Espresso Vivace
ส่วนคนที่สร้างเทคนิคสตีมนมจนเป็น "ไมโครโฟม" ทำให้นมมีลักษณะที่คล้ายกำมะหยี่ (Velvet foam) ซึ่งนำไปสู่การแจ้งเกิดของศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟอย่างในปัจจุบันนั้น โชเมอร์ได้ยกย่องให้เป็นผลงานของ "แจ๊ค เคลลี่" จากร้าน Uptown Espresso โดยแจ๊คคิดค้นเทคนิคนี้สำเร็จในปีค.ศ. 1986
ปีค.ศ. 1989 ลวดลายรูปหัวใจ (Heart) สีขาว ก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน Espresso Vivace ไป อีก 3 ปีต่อมา โชเมอร์ก็พัฒนารูปใบไม้ (Rosetta) ขึ้นมา ผ่านทางการใช้เทคนิคใหม่ในการเทฟองนมลงในเอสเพรสโซ หลังจากได้เห็นภาพถ่ายใบไม้จากร้านกาแฟ Cafe Mateki ในอิตาลี จนจุดประกายจินตนาการขึ้นมา เกิดเป็นเทคนิคใหม่ในที่สุด
ในอีกทางหนึ่ง ก็มีข้อมูลว่า วิธีทำฟองอากาศขนาดเล็กจนไม่อาจเห็นด้วยสายตา ที่เรียกกันว่าไมโครโฟมนั้น ร้านกาแฟในอิตาลีมีการนำมาใช้กับเอสเพรสโซตั้งแต่ทศวรรษที่ 1900 แล้ว แต่ข้อมูลตรงนี้ยังมีอยู่น้อยมาก ต่างไปจากเรื่องราวทางฝั่งสหรัฐอเมริกา
ตามความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ก็เป็นไปได้มากทีเดียวที่การทำฟองนมละเอียดแบบไมโครโฟมนั้น อาจเกิดขึ้นที่อิตาลีเป็นครั้งแรก เพราะเมนูอย่าง "ม็อคคาอิโต้" สูตรกาแฟผสมโฟมนมต้นตำรับจากอิตาลี ก็มีมานานแล้วเช่นกัน
แต่สำหรับศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟอย่างลาเต้ อาร์ต นั้น เป็นที่รับรู้กันในวงกว้างว่าเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกในปัจจุบัน อาศัยฝีมือด้านศิลปะและการถ่ายทอดจิตนาการเป็นหัวใจสำคัญ จนมีการต่อยอดเกิดเป็นลวดลายที่งดงามใหม่ๆ มากมาย มีการพัฒนาเทคนิคการเทนมในหลากแนวทาง แต่งแต้มสีสันของฟองนมกันในหลายลีลา สร้างความประทับใจยิ่งให้กับผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก ถึงกับจัดประกวดแข่งขันชิงแชมป์โลกกันเลยทีเดียว
ตามปกติ ผู้ที่ทำเมนูลาเต้ อาร์ต ส่วนใหญ่ก็คือ "บาริสต้า" ประจำร้านนั่นเอง ความสวยงามที่เห็นกันนั้นไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะการเทนมจากพิตเชอร์หรือโถตีฟองนม ลงบนถ้วยกาแฟ ต้องควบคุมข้อมือให้นิ่ง และการจับจังหวะการเทนม แต่ถ้าฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ก็จะทำได้เร็วหรือสวยอย่างเหลือเชื่อ หรือสร้างสรรค์เป็นแนวทางเฉพาะตัวขึ้นมา
บาริสต้าที่เก่งกล้าสามารถในด้านนี้ จึงมีนามเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า "Latte Artist" ผู้เขียนขออนุญาตใช้เป็นภาษาไทยว่า "ศิลปินฟองนม" ก็แล้วกันนะครับ
ในระยะ 10 ปีให้หลังมานี้เอง ในเอเชียเราได้เกิดแนวทางใหม่ของศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟแบบ 3 มิติ สร้างสรรค์ฟองนมให้กลายเป็นตัวการ์ตูนหรือสัตว์น่ารักๆ แนวพี่หมาน้องเหมียว อาจกล่าวได้ว่า การทำ “ลาเต้ อาร์ต แบบ 3 มิติ” เป็นครั้งแรกของโลก เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ก่อนกระจายความนิยมไปทั่วเอเชีย ทั้ง เกาหลีใต้, ฮ่องกง, สิงคโปร์, จีน, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย รวมทั้งในบ้านเราด้วย
ผู้เขียนยอมรับเลยว่า แรกเห็นลาเต้ อาร์ต 3 มิตินั้น เป็นรูปเหมือนจ้าแมวเหมียวที่ทั้งน่ารักและน่าทึ่ง จนถึงต้องร้อง "ว้าว" ขึ้นมาด้วยความตื่นตาตื่นใจในรูปโฉมที่แปลกตา และแตกต่างไปจากที่คุ้นเคย
3D ย่อมาจากคำว่า "3 Dimension" เป็นรูปภาพ 3 มิติ แตกต่างจากรูปภาพทั่วไป เพราะปกติเราจะเห็นเพียง 2 มิติ ได้แก่ ความกว้างและความยาว ส่วนภาพภาพ 3 มิติ มีครบทั้งความกว้าง ความยาว และความลึก มีความเหมือนจริงมากกว่าแบบ 2 มิติ
ดังนั้น ลาเต้ อาร์ต ใหม่ในรูปโฉม 3 มิติที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาบนโลกกาแฟ จึงต่างไปจากลาเต้ อาร์ต แบบดั้งเดิมซึ่งถือว่าเป็นแบบ 2 มิติ แล้วก็ไม่เหมือนกันเสียเลยทีเดียวในเรื่องวิธีการหรือเทคนิคการสร้างลวดลายและรูปร่างฟองนม แต่ก็ถือเป็นลาเต้ อาร์ต ในอีกแนวทางที่แพร่จากญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย และขยายตัวออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคาเฟ่ยุคใหม่ใหม่ที่มาพร้อมกับสไตล์เสิร์ฟความสุขในทุกมิติผ่านเครื่องดื่มกาแฟ และค้นหาความหมายหรือความแปลกตามาเป็น "จุดขาย" เพื่อดึงดูดลูกค้ามา "แชท ชิม แชะ" ตามคอนเซปต์ร้านน่านั่ง กาแฟน่ารัก
เป็นที่ทราบกันดีว่า เทคนิคการเทนมของลาเต้ อาร์ต นั้นมี 3 แบบ ด้วยกัน คือ 1.การเทอย่างอิสระ (Free Pouring) เป็นการวาดลายด้วยการเทฟองนมลงบนแก้วกาแฟ 2. การเทฟองนมลงในถ้วยกาแฟ แล้วแต่งหน้าโดยใช้เทคนิคลาก เขี่ย วาด หยอด (Etching) ด้วยซอสช็อคโกแลตหรือโกโก้ และไซรัปกลิ่นรสต่างๆ มีอุปกรณ์ประกอบการแต่งหน้า เช่น ปากกาวาดลาย, ไม้จิ้มฟัน, ช้อน และอื่นๆ และ 3. แบบผสมผสมระหว่าง Free Pouring กับ Etching
ในส่วนของลาเต้ อาร์ต แบบ 3 มิตินั้น จะใช้เทคนิคแบบที่ 3 คือ เทฟองนมลงในถ้วยเอสเพรสโซก่อน แล้วตามด้วยการแต่งหน้าให้เป็นรูปร่างต่างๆ ในสเตปต่อไป บาริสต้าหรือศิลปินฟองนมบางคนจะใช้น้ำหวานสีต่างๆ ผสมกับนมก่อนนำไปสตีมนม เป็นการสร้างสีสันเพิ่มเติมให้ดูสวยงามสมจริง อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีความหลากหลาย แล้วแต่จินตนาการและความถนัดส่วนบุคคล แต่หลักๆ ก็มีพวกช้อนที่ใช้สำหรับปั้นและตกแต่งฟองนมให้เป็นรูปร่าง ใช้ปากกาเขียนหรือวาดลายจัดรูปแบบที่ต้องการในขั้นลงรายละเอียด และพู่กันขนาดเล็กสำหรับแต่งแต้มสีสันและวาดตา-หู-จมูก-ปาก
ในญี่ปุ่น ร้านกาแฟที่มีเมนูลาเต้ อาร์ต 3 มิติแบบน่ารักๆ มีมากมายหลายแห่ง หาลิ้มลองได้ไม่ยากเย็นนัก ในจำนวนนี้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงก็มีอยู่ 5-6 ร้าน เช่น Reissue กับ Nissan Crossing Cafe 2 ร้านนี้อยู่ในโตเกียว, Cafe ChocoTea ในไซตามะ, Saryo Suisen ในเกียวโต, Bar Ista ในโอซาก้า และร้าน Elk Cafes ที่มีร้านอยู่ตามเมืองท่องเที่ยว โอซาก้า, เกียวโต, นาระ, นาโกย่า, เฮียวโงะ และโอคายาม่า
ร้าน Reissue ในโตเกียว เคยเป็นร้านประจำของ "โคเฮอิ มัตซูโน่" ศิลปินฟองนม 3D ระดับมาสเตอร์ ซึ่งร่วมงานร่วมพัฒนาลาเต้อาร์ตแนวใหม่ กับเพื่อนร่วมอาชีพชื่อ "โจจิ" จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว สไตล์ของมัตซูโน่ ผู้ชื่นชอบลาเต้ อาร์ต เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นงานศิลปะรูปธรรมชาติของสัตว์น่ารักๆ ที่ออกแนวสนุกสนานร่าเริง พวกแมว, กระต่าย, สุนัข, หมี และช้าง รวมไปถึงภาพเหมือนของ "เดวิด โบวี่" นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอังกฤษ และ "ไอรอน แมน" ซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวลคอมิกส์ ไปจนถึงรูปตัว "โทโทโร่" จากหนังอนิเมะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเรื่องหนึ่งในญี่ปุ่น
ในปีค.ศ. 2019 มัตซูโน่ ได้เปิดร้านกาแฟเป็นของตนเอง ชื่อว่า Hat Coffee Latte Art Club อยู่แถวๆ ย่านอาซากูซะ ในโตเกียว
"คาซูกิ ยามาโมโต้" หนุ่มวัย 27 ปี จากร้าน Cafe10g ในโอซาก้า เป็นชาวญี่ปุ่นอีกคนที่มีชื่อเสียงในด้านลาเต้อาร์ตแบบ 3 มิติ ดูจะเป็นคนแรกๆ ด้วยซ้ำที่สร้างสรรค์ลาเต้ อาร์ต แนวนี้ออกมาเป็นแบบ 2 แก้วที่ผูกติดกันเป็นเรื่องราวมีสตอรี่ เหมาะสำหรับลูกค้า 2 ท่าน อาทิ แบบ กระต่ายขโมยหัวแครอท (Stealing Carrot), แมวกำลังจับปลาคาร์ฟ (Catching Fish) และ กระต่ายนั่งอยู่บนจานรองกาแฟที่มีถ้วยลาเต้อาร์ตรูปหัวใจ (Beyond the Cup) เรียกว่า ครีเอทีฟมากเลยทีเดียว
บาริสต้าหรือศิลปินฟองนมของเอเชียนั้น มีชื่อเสียงมากในเรื่องการถ่ายทอดจินตนาการแล้วก็สร้างสรรค์ออกมาเป็นลาเต้ อาร์ต 3 มิติ สร้างความน่ารักอีกขั้นของศิลปะบนถ้วยกาแฟ บ้างลวดลายก็สวยงามเสียจนดูแล้วเป็นผลงานทางศิลปะมากกว่าจะเป็นเครื่องดื่ม แต่พอชื่นชมจนอิ่มตาแล้ว ครั้นจะดื่มด่ำสัมผัสในฐานะเครื่องดื่มเสียแล้ว ก็กลัวจะทำลายความสวยงามนั้นไปเสียอีก...ผู้เขียนรู้สึกอย่างนี้จริงๆ
แม้ว่าลาเต้ อาร์ต แบบ 3D จะมีจุดเริ่มต้นที่ญี่ปุ่น แต่หนุ่มน้อย "ลีโอ ชอ" จากร้าน Leo’s Espresso ในฮ่องกง กลับเป็นคนแรกของเอเชียที่นำโฟมนมสีสันต่างๆ มาใช้ในการทำศิลปะบนแก้วกาแฟแนวนี้ หลังจากค้นพบว่า มีสีผสมอาหารซึ่งแน่นอนว่ากินได้อย่างปลอดภัย สามารถผสมกลมกลืนกับฟองนมโดยไม่ทำให้เนื้อสัมผัสของฟองนมเปลี่ยนแปลงไป งานขึ้นชื่อเรื่องลาเต้ อาร์ต 3 มิติของเขา คือ ช้างสีฟ้า, แมวสีชมพู, หมีพูห์สีเหลือง...ก็ดูน่ารักเกินกว่าจะดื่มลงไปได้ลงคอ
"ดาฟเน่ ตัน" สาววัย 21 ปีจากสิงคโปร์ สร้างชื่อเสียงในฝีไม้ลายมือให้โลกได้รับรู้ในรูปลาเต้ อาร์ต 3 มิติ แบบน่ารักสุดๆ ภายใต้ชื่อ "Periperipeng" นิคเนมที่ใช้ทั้งในอินสตาแกรมและในเฟซบุ๊ค อันที่จริงเธอทำศิลปะฟองนมบนแก้วกาแฟมาตั้งแต่อายุ 17 ปีด้วยซ้ำไป แล้วก็ไม่ได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟ แค่ทำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้น รูปแบบของสาวน้อยคนนี้ก็ทั้งสวย น่ารัก และน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปปลาหมึกกับหนวดที่ยั้วเยี้ยล้นออกมานอกแก้ว, สิงโตจ้าวป่าที่น่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัว, เม่นน้อยผู้คล้ายหลับใหล, ยีราฟคอยาวโย่ง, เจ้าการ์ตูนมินเลนเนียม และเจ้าแมลงสาบตัวสีน้ำตาลน่ารักน่าชังในแก้วกาแฟ ที่เห็นแล้วต้องร้อง อึ๋ยยยย...
ในบ้านเรา เท่าที่ทราบมาก็มีอยู่หลายร้านที่เสนอเมนูสุดครีเอทีฟอย่าง 3D ลาเต้ อาร์ต จำไม่ผิดก็มีร้าน Two Spoons Tale Cafe, Bear Hug Café, Hom Krun Coffee (หอมกรุ่นคอฟฟี่), Bake Ga Bike และ Garden-Themed Cafes (ถ้าบอกชื่อไม่ครบ ต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะมีเยอะจริงๆ)
ช่วงปีค.ศ. 2014 เนื่องจากความนิยมในลาเต้ อาร์ต แบบ 3 มิติ ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วตามร้านกาแฟญี่ปุ่น กลายเป็นเทรนด์ใหม่สุดท้าทายในการสร้างสรรค์ฟองนมให้เป็นรูปต่างๆ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแห่งก็มองเห็นช่องทางการทำธุรกิจแนวใหม่ เริ่มผลิตอุปกรณ์มาช่วยทำลาเต้อาร์ตได้เร็วขึ้น ออกแบบเป็นเครื่องสตีมนมไฟฟ้าที่มีด้ามจับและกระบอกสำหรับฉีดฟองนม ดูไปดูมารูปลักษณ์คล้ายๆ ไดร์เป่าผมของคุณผู้หญิงเป๊ะเลย พอสตีมนมเสร็จก็ฉีดโฟมนมได้เลยทันที สามารถบังคับควบคุมปริมาณฟองนมให้เป็นรูปร่างต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
บางร้านโฆษณาว่าอุปกรณ์นี้สามารถสตีมนมตั้งแต่เริ่มจนจบได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุปกรณ์นี้จะช่วยย่นเวลาในการทำลาเต้อาร์ต แต่ถ้าไม่ฝึกฝนจนมีความชำนาญ ก็ยากที่จะวาดโฟมนมให้เป็นรูปร่างตามใจปรารถนาได้
จะว่าไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณะแล้วลาเต้ อาร์ต แบบ 2D อาจเปรียบได้ว่าเป็น "งานวาด" ส่วนแบบ 3D เป็น "งานปั้น" ดูมีความสวยงามไปคนละแบบคนละสไตล์
ลาเต้อาร์ตทั้ง 2 แนวทางนี้ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ฟองนมบนแก้วกาแฟให้เป็นรูปร่างและลวดลายต่างๆ ถือเป็นกาแฟอีกเมนูที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับคาเฟ่หรือร้านกาแฟได้เป็นอย่างดี ในฐานะเป็นเครื่องดื่มหนึ่งเดียวในโลกตามแบบฉบับลาเต้ อาร์ต ทำมือ โดยไม่จำเป็นต้องโฆษณาเองให้มากความ เพราะมีลูกค้าในยุคโซเชียลเป็นตัวช่วยหลักอยู่แล้ว หากว่าทั้งน่ารักและน่าทึ่งจนต้องร้อง "ว้าว" ออกมาอย่างผู้เขียน