ชวนคอ 'เบียร์' เปิดโลกเบียร์ห่วย รสชาติแห่งความสิ้นหวัง
เมื่อผู้ผลิต "เบียร์" รายใหญ่ออกมารณรงค์ปัญหา "โลกร้อน" ด้วยการออกแบบเบียร์ "รสชาติแห่งความสิ้นหวัง" เพื่อสะท้อนว่าหากโลกร้อนทวีความรุนแรงมากขึ้น พืชหลักในการผลิตเบียร์จะตายหมด เบียร์ในโลกอนาคตจะมีรสชาติห่วยแบบนี้
ไม่นานมานี้ คอเบียร์คงได้ยินข่าวเรื่องการเปิดตัว "เบียร์" น้องใหม่รสชาติสุดห่วย ที่ทีมผลิตอธิบายว่าเป็น "รสชาติแห่งความสิ้นหวัง" เป็นการออกแบบรสชาติเบียร์ในโลกอนาคตที่เราต้องเผชิญกับภาวะ "โลกร้อน" อย่างรุนแรง จนไม่มีพืชใดสามารถเติบโตได้อีกต่อไป รวมถึง ฮอปส์ (Hops) พืชหลักในการผลิตเบียร์ก็จะตายไปหมด
โปรเจคนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทผลิตเบียร์ที่ชื่อ New Belgium Brewing พวกเขาพยายามที่จะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศใน "ภาวะโลกร้อน" ด้วยการผลิตเบียร์ในรสชาติที่เรียกว่า Torched Earth Ale (แปลตรงๆว่า : รสชาติของโลกที่ถูกเผาไหม้) กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จะพาไปรู้จักเบียร์รสชาติสุดห่วยกระป๋องนี้กันให้มากขึ้น
- ทำไมตั้งใจผลิต "เบียร์" รสชาติห่วย?
เนื่องจากโปรเจคนี้ต้องการสะท้อนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อนที่ทำให้คนเราหายใจไม่ออก, ไฟป่าที่ปะทุและเผาไหม้ป่าขนาดใหญ่ไปทั่วโลก, ภัยแล้งขนาดใหญ่, น้ำท่วมร้ายแรง หรือความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
เหล่านี้ถูกนำเสนอเป็นไอเดียผ่านเบียร์รสชาติ Torched Earth Ale เบียร์ใหม่จาก New Belgium Brewing ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Fort Collins รัฐ Colorado สหรัฐอเมริกา ทุกครั้งที่จิบเบียร์นี้ มันจะย้ำเตือนว่าเบียร์ที่คุณโปรดปรานอาจไม่มีรสชาติเหมือนเดิมอีกต่อไปในโลกอนาคต หากทุกคนไม่ช่วยกันแก้ปัญหาโลกร้อนให้จริงจังสักที
- Torched Earth Ale ผลิตจากอะไร?
Torched Earth Ale เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเบียร์ Fat Tyre ของ New Belgium ซึ่งทางบริษัทบอกว่า "มันเป็นเบียร์ที่ปราศจากคาร์บอน ที่ผ่านการรับรองรายแรกของอเมริกาในปี 2020"
เบียร์รสชาติสุดห่วยนี้ มีสีเข้มและมีลักษณะเป็นแป้ง ทำมาจากส่วนผสมที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ซึ่งจะหาได้ง่ายกว่าและมีราคาที่ไม่แพงสำหรับผู้ผลิตเบียร์ในอนาคตที่ต้องเจอกับสภาพอากาศเลวร้าย รวมถึงน้ำที่ปนเปื้อนควัน ดังนั้นสูตรตั้งต้นในการผลิตเบียร์นี้ ได้แก่
- แทนที่จะใช้ฮอปส์สด แต่กลับใช้ผงสารสกัดจากฮอปส์และดอกแดนดิไลออนแทน (ดอกไม้ชนิดนี้ทนต่อสภาพอากาศ ร้อนและแล้ง)
- แทนที่จะใช้มอลต์แท้ๆ แต่กลับใช้เป็นสารสกัดมอลต์จากพืชอื่นทดแทน
- แทนที่จะใช้น้ำบริสุทธิ์ แต่กลับใช้น้ำที่ปนเปื้อนควันบุหรี่
- "เบียร์" รสชาติห่วย อาจเกิดขึ้นจริง!
ทางบริษัทอธิบายเพิ่มเติมว่า ในอนาคตหากเราแก้ปัญหาโลกร้อนไม่ได้ เราอาจต้องเจอเหตุการณ์สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรง จะส่งผลให้เกิดภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง และเราจะสูญเสียการเพาะปลูกทั้งโลก รวมถึงพืชหลักในการผลิตเบียร์อย่าง "ฮอปส์" และ "มอลต์" ก็อาจเพาะปลูกไม่ได้อีกต่อไป ส่วนน้ำที่ใช้ในการหมักเบียร์ก็สามารถปนเปื้อนได้ตลอดเวลาด้วยควันจากไฟป่า
นี่เป็นเรื่องจริง! เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติการณ์ในรัฐโคโลราโด (บ้านเกิดของโรงเบียร์หลายแห่ง) มาแล้ว และยังเกิดขึ้นทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาตะวันตกในหลายพื้นที่ด้วย
ดังนั้นแคมเปญนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การเปิดตัวเบียร์ใหม่ แต่มันหมายถึงการสร้างความตระหนักเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการส่งเสริมเบียร์ที่อร่อยน้อยกว่า เพื่อจูงใจให้นักดื่มทั่วโลกหันมาช่วยกันเรียกร้องผู้นำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโลกร้อนที่กำลังเลวร้ายลงไปทุกวัน
- ชวนคอเบียร์มาช่วยกันรณรงค์แก้ไข "โลกร้อน"
นอกจากการนำเสนอเบียร์ใหม่สูตรนี้แล้ว นิวเบลเยียมยังเปิดตัวแคมเปญ "Last Call for Climate" ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 นำแผนสภาพภูมิอากาศปี 2030 มาใช้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการจัดการการปล่อยมลพิษสุทธิในโรงงานให้เหลือศูนย์
อีกทั้ง คอเบียร์ที่สนใจอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ก็มาช่วยสนับสนุนกันได้ โดยกำไรจากการจำหน่ายเบียร์ใหม่นี้ทั้งหมด บริษัทจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อในโครงการอื่นๆ ของหน่วยงานดูแลและปกป้องสภาพอากาศหนาวทั่วโลกที่ชื่อว่า Protect Our Winters (POW)
POW เป็นหน่วยงานที่เชิญชวนให้ผู้ที่หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้ง ออกมาช่วยกันเป็นทูตรณรงค์การปกป้องสถานที่และวิถีชีวิตที่พวกเขารัก จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (โลกร้อน) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดย Jeremy Jones นักเล่นสโนว์บอร์ดมืออาชีพ
มีเป้าหมายในการลดสารคาร์บอนในโลกภายในปี 2050 และสนับสนุนให้ประชาคมโลกเปิดรับพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน การขนส่งทางไฟฟ้า และป้องกันการสกัดเชื้อเพลิงฟอสซิลบนพื้นที่สาธารณะ
----------------------------
อ้างอิง :