Tribute in Light ‘ศิลปะ’ ลำแสงคู่ 20 ปี เตือนสติเหตุ ‘วินาศกรรม 11 กันยา’
“ศิลปะ” การแสดงลำแสงคู่ Tribute in Light สัญลักษณ์ระลึกถึงผู้เสียชีวิต จิตวิญญาณนิวยอร์กที่มิอาจถูกทำลายจากเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ 11 กันยา
หลังพระอาทิตย์ตกดินของวันที่ 11 กันยายน ปี 2003 ลำแสงสีฟ้ามหึมาคู่หนึ่ง ถูกฉายขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิดของมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 12 กันยายน นิวยอร์กทำแบบนี้ในวันและเวลาเดียวกันต่อเนื่องมาทุกปี
ลำแสงสีฟ้าคู่นี้ คือการแสดงงานศิลปะแบบ Installation มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า Tribute in Light ใช้โคมซีนอนสปอร์ตไลต์ ขนาด 7,000 วัตต์ จำนวน 88 โคม วางไว้บนคานคู่เหนือหลังคาอาคาร Battery Parking Garage ในย่านแมนฮัตตัน แยกเป็นคานละ 44 โคม เมื่อเปิดไฟ ลำแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สูง 4 ไมล์ (6.43 กิโลเมตร) สามารถมองเห็นได้จากระยะทาง 60 ไมล์ (96.56 กิโลเมตร) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนักออกแบบและช่างฝีมือหลายคนภายใต้การนำของ Municipal Art Society และ Creative Time กลุ่มคนทำงานศิลปะในนิวยอร์ก
จัดขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ แสดงความเคารพและระลึกถึงผู้เสียชีวิต จำนวน 2,977 คน จากเหตุวินาศกรรมผู้ก่อการร้ายกลุ่มอัลกออิดะห์ (al-Queda) จี้เครื่องบินพาณิชย์ 2 ลำ พุ่งชน ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ จนตึกแฝดหักกลาง เกิดเพลิงไหม้และถล่มลงสู่พื้น เครื่องบินลำที่สามพยายามพุ่งชน อาคารเพนตากอน และลำที่สี่ ผู้โดยสารและลูกเรือฮึดสู้ผู้ก่อการร้าย ยอมทำเครื่องบินตก ในทุ่งด้านทิศตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนียก่อนชนเป้าหมาย ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเช้าของ วันอังคารที่ 11 กันยายน 2001 ที่เรียกกันว่า เหตุการณ์ 9/11 (ไนน์-อีเลฟเวน) ท้องฟ้าเหนือกรุงนิวยอร์กวันนั้นเป็นสีฟ้าสดใส ไม่มีใครคาดคิดจะเกิดเหตุสั่นสะเทือนความมั่นคงประเทศได้ขนาดนั้น
รวมทั้งให้กำลังใจไปถึงสมาชิกครอบครัวผู้สูญเสีย สดุดีการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัย-นักดับเพลิงซึ่งต้องทำงานท่ามกลางฝุ่นและควันพิษ พลเรือนผู้ยอมเสี่ยงชีวิตตนเองช่วยผู้ร้องขอความช่วยเหลือ ตลอดจนผู้ได้รับบาดเจ็บและเจ็บป่วยเชื่อมโยงกับเหตุครั้งนี้อีกราว 50,000 คน
ลำแสง Tribute in Light รูปทรงคล้ายตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการประกาศและแสดงให้เห็นว่า “จิตวิญญาณของนิวยอร์ก” ไม่สามารถถูกทำลายลงได้ ชาวนิวยอร์กและชาวอเมริกันลุกขึ้นสู้ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
“เมื่อสองตึกล้มลง เราลุกขึ้นเป็นหนึ่งเดียว”
เป็นคำประกาศของ ไมเคิล บลูมเบอร์ก ผู้ว่าการนครนิวยอร์ก คนที่ 108 ซึ่งชนะการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่งไม่กี่อาทิตย์หลังเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11
โคมซีนอนสปอร์ตไลต์ แหล่งกำเนิดลำแสง Tribute in Light (credit photo: www.wikiwand.com)
Tribute in Light จัดเรียงโคมไฟซีนอนที่เมื่อฉายขึ้นไปแล้ว ลำแสงมีรูปทรงคล้ายการวางตัวของตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
ศิลปะการฉายลำแสงนี้ มีขึ้นครั้งแรกระหว่างวันที่ 11 มีนาคม-14 เมษายน 2002 หรือ 6 เดือนหลังเกิดเหตุวินาศกรรมในปี 2001 และจัดแสดงต่อเนื่องมาทุกปี จนถึงปี 2008 ได้มีการประกาศว่าจะเป็นการจัดแสดงปีสุดท้าย แต่แล้วในปี 2009 ก็ยังมีการจัดแสดงต่อ และเดือนธันวาคมในปีนั้นก็ได้รับการยืนยันว่า Tribute in Light จะจัดแสดงไปจนถึงปีที่ 10 ของการโจมตี นั่นก็คือปี 2011 แต่แล้วในปี 2012 ก็ยังคงมีการจัดการแสดงลำแสงชุดนี้อยู่ และจัดต่อเนื่องมาทุกปี
เพิ่งมีเฉพาะปี 2020 ที่เว้นไป 1 ครั้ง เนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรค โควิด-19 เกรงทีมงานจะติดเชื้อ
Tribute in Light มองเห็นได้จากระยะไกล
11 กันยายน 2021 เป็นวาระครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ 9/11 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คณะผู้จัดงานตั้งใจฉายลำแสงสีฟ้าเหนือมหานครนิวยอร์กอีกครั้งในเวลาพลบค่ำของวันนี้ (11 ก.ย.)
Tribute in Light กระตุ้นการสืบค้นด้วยศิลปะ
ผ่านมา 20 ปี ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ต่างจดจำนาทีประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจของเหตุการณ์ 9/11 ก่อเกิดความรู้สึกร่วมกันที่ต้องรักชาติปกป้องชาติ แต่สำหรับเยาวชนอเมริกันรุ่นหลังอายุไม่ถึง 16 ปี ยังไม่เคยมีช่วงเวลาเช่นนั้นในชีวิต โซเชียลมีเดียในสหรัฐฯ จึงพยายามช่วยกันบอกว่า
"แม้ไม่มีความทรงจำร่วม แต่ประวัติศาสตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้"
ด้วยการชักชวนชาวอเมริกันไม่ว่าอยู่ที่ใด 11 กันยายน 2021 ไม่ว่าท้องฟ้าที่คุณเห็นจะเป็นสีอะไรก็ตาม ขอให้ช่วยกัน โพสต์รูปท้องฟ้า ในอินสตาแกรม พร้อมติดแฮชแท็ก #NeverForget911 เพื่อรำลึกถึงท้องฟ้าอันสดใสในวันนั้น กระตุ้นให้เกิดการค้นหาข้อมูล ตอกย้ำความรักชาติ ความสามัคคีกลมเกลียว ให้เกิดขึ้นในใจชาวอเมริกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์จากท้องฟ้าแบบวันนั้นขึ้นได้อีก
ไม่เพียงแต่สหรัฐฯ คนในชาติทุกชาติก็ไม่ควรทำลายความสามัคคีในชาติด้วยกันเอง
* * * * * * *
เรื่องที่คุณอาจสนใจ