เที่ยวใกล้กรุง กราบ"พระร่วงโรจนฤทธิ์"ชม"พระราชวังสนามจันทร์"

แม้สถานที่ท่องเที่ยวใน จ.นครปฐม จะไม่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากนัก แต่เรื่องอาหารการกินก็ไม่เป็นรองใครแน่

ที่นี่มีโต้รุ่งหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ มีอาหารหลากหลายสารพัดอย่างเกือบ 100 ร้าน เพราะคนนครปฐมชอบกินอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอาหารจำพวกเส้น 

พระร่วงโรจนฤทธิ์อายุครบ 106 ปี

นครปฐมเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียง ดังนั้นอาจไม่มีจุดเด่นเหมือนเที่ยวสวน ชมหิ้งห้อยสมุทรสงคราม เที่ยวถ้ำราชบุรี เที่ยวน้ำตกกาญจนบุรี

ฯลฯ

สัญลักษณ์ที่แสดงว่าถึงนครปฐมแล้วก็คือ แลเห็น องค์พระปฐมเจดีย์ อยู่ลิบๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเมืองเลยทีเดียว 

ถ้ามาถึงนครปฐม ขอแนะนำแวะไปไหว้ พระร่วงโรจนฤทธิ์ และรับประทานอาหารในตลาด อย่างข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ฯลฯ 

หมูแดงอร่อยๆ ต้องมาจากเมืองนี้ ส่วนตัวแล้วฉันชอบรับประทานข้าวหมูแดงร้านเก่าแก่ซอยเล็กๆ ในตลาดร้านฉั่วซึ่ งคนนครปฐมรู้จักเป็นอย่างดี

ถ้าจะมาไหว้พระร่วง ขอแนะว่าควรมาตอนเช้าหรือเย็นๆ อากาศไม่ร้อนมาก ก่อนจะขึ้นไปไหว้พระ อาจแวะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ อยู่บริเวณรอบนอกองค์พระ ซึ่งบางคนแทบจะไม่รู้เลยว่าที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ แม้จะไม่ใหญ่โต แต่ก็บอกเล่าเรื่องราวของเมืองนี้ได้พอประมาณ

อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้ ยุครุ่งเรือง ของ ทวารวดี บรรยากาศของพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเงียบเหงา ตามแบบฉบับพิพิธภัณฑ์เมืองไทย เดินดู โบราณวัตถุ ไปแบบเงียบๆ 

อ่านข่าว : สำรวจรูป-รอยโบราณ ใน อุทยานแห่งชาติ

วันที่ 2 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันครบรอบวันประดิษฐาน “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ” ปี 2564 ครบอายุ 106ปี

ว่ากันถึงประวัติศาสตร์สักนิด...พระร่วงโรจนฤทธิ์ มีขนาดความสูงวัดจากพระบาทถึงพระเกศ 7.42 เมตร เป็น พระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะแบบสุโขทัย ประทับยืนอยู่บนฐาน โลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยมนิ้วพระหัตถ์ 

พระร่วงโรจนฤทธิ์ จ.นครปฐม อายุครบ 106 ปี(นับจากวันประดิษฐาน)

น้อยคนที่จะสังเกตรู้ว่า พระบาทพระร่วงฯ ไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นออกไปข้างหน้าระดับพระอุระ เป็นกิริยาห้าม มีพระอุทรพลุ้ยออกมา ห่มจีวรบางคลุม แนบติดพระวรกาย ทำด้วยโลหะทองเหลือง หนัก 100 หาบ

ในอดีตการ อัญเชิญพระร่วงโรจนฤทธิ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2457 จำเป็นต้องแยกชิ้นมาและมาประกอบเข้าด้วยกันที่จังหวัดนครปฐมแล้วเสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458

 สิ่งสำคัญอีกเรื่อง ก็คือ หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตในพระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่าให้ บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ที่องค์พระปฐมเจดีย์

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2469 จึงได้ทำพิธีบรรจุ พระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตามพระประสงค์ทุกประการ

องค์พระปฐมเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย รอบตัวองค์พระทั้งสี่ทิศ ยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐาน สามารถเดินเล่นได้ชิลๆ ในช่วงเช้าและเย็น 

พระราชวังสนามจันทร์

ถ้าอยากเที่ยวในตัวเมืองอีกจุดที่หลายคนต้องแวะ ก็คือ พระราชวังสนามจันทร์ อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยศิลปากร 

ปัจจุบันที่นี่ไม่ให้รถเข้าไปวิ่งเหมือนเมื่อก่อน แต่มีสถานที่จอดรถไว้บริการ เพื่อเข้าชมบรรยากาศ พระราชวัง ของกษัตริย์ สม้ยรัชกาลที่ 6 สร้างไว้ในสมัยเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ เพื่อแปรพระราชฐานในโอกาสเสด็จฯมา สักการะพระปฐมเจดีย์

ใครอยากชมสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ ต้องแวะมาที่ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ภายในตัวอาคารมีทั้งห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม ห้องสรงของรัชกาลที่ 6

ถ้าเข้าชมภายในต้องเสียค่าบัตรผ่านประตู เปิดให้ชมช่วงเวลาราชการ ถ้าเดินชมภายนอกก็ไม่ต้องเสียสตางค์

ส่วนพระตำหนักอีกด้านที่เชื่อมต่อกับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็น พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ สร้างด้วยไม้สักทองทาสีแดง สถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกตามสไตล์ตะวันตก

ทั้งสองตำหนักเชื่อมด้วยสะพานข้ามคูน้ำ ตามประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นจากแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่องหนึ่ง

และอีกมุมเป็น พระตำหนักทับขวัญ เรือนไทยไม้กระดาน ฝาเรือนทำเป็นฝาปะกนกรอบลูกฟัก ฝีมือประณีต เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงาม เรือนนี้สร้างในรัชกาลที่ 6 เช่นกัน

อีกส่วนที่ต้องพูดถึง อนุสาวรีย์ย่าเหล หลายคนคงรู้ดีว่า ย่าเหลเป็นสุนัขที่ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในราชสำนักใกล้ชิดพระยุคลบาทรัชกาลที่ 6 เสียชีวิตเพราะถูกลูกหลงกระสุนปืนของทหารคนหนึ่ง ตอนนั้นรัชกาลที่ 6 ทรงเศร้าสลดพระทัยมาก จึงสร้างอนุสาวรีย์ให้ย่าเหล

เหล่านี้เป็นการเที่ยวในเมืองที่ใช้เวลาไม่นาน ไหว้พระและเดินชมสวนในพระราชวังสนามจันทร์ แล้วแวะหาอะไรกินในเมือง และทั้งสองโปรแกรม ควรเป็นทั้งช่วงเช้าหรือเย็น จะเหมาะกว่า

................

หมายเหตุ ภาพส่วนหนึ่งจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ พระราชวังสนามจันทร์