"เฌอปราง BNK48" เล่นละครเรื่องแรก "บุษบาลุยไฟ"
เคยแสดงภาพยนตร์และซีรีส์มาแล้ว ครั้งนี้"เฌอปราง BNK48" รับบทใหม่ในละครย้อนยุคเรื่องแรก ต้องใช้ความพยายามทั้งเรื่องบทกลอน และร้อง รำ
เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 สำหรับละครอิงประวัติศาสตร์ “บุษบาลุยไฟ” ที่ไทยพีบีเอส กับ เจ เอส แอล ร่วมกันผลิต งานนี้ได้ เฌอปราง อารีย์กุล (เฌอปราง BNK48) มาเล่นละครเป็นครั้งแรก ในบท ลำจวน ประกบคู่กับ โทนี่ รากแก่น บทประพันธ์และบทโทรทัศน์โดย ปราณประมูล กำกับการแสดงโดย ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง
ในเรื่องนี้ยังมีนักแสดงร่วมอีกมากมาย อาทิ เต๋า สมชาย เข็มกลัด, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, กิก ดนัย จารุจินดา, พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์, ลูกหว้า พิจิกา, ฟารีดา วัลเลอร์, มากิ มาชิดา สุทธิกุลพานิช, อติล่า อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์, แพรว หัสสยา อิสริยะเสรีกุล, ภัทร นัตธนนท์ ปิ่นโรจน์กีรติ และ พิม ลัทธ์กมล ปิ่นโรจน์กีรติ
ครั้งแรกของ“เฌอปราง BNK48”
เฌอปราง บอกว่า เคยแสดงภาพยนตร์กับซีรีส์ และนี่เป็นละครเรื่องแรก รับบทเป็น ลำจวน ผู้หญิงที่อยากเรียนหนังสือ ชอบบทกลอน มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ยอมตามใคร ในยุคสมัยนั้น ดูเป็นคนค่อนข้างแตกต่างและแปลก
"ความท้าทายอย่างแรกเลยคือ บทกลอน ค่ะ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องบทกลอนเท่าไร มีเรียนรำ ร้อง เรื่องกลอนและภาษา เป็นเรื่องที่มีการบูรณาการหลากหลาย เรื่องนี้ได้เจอกับ ครูช่าง ด้วย ตื่นเต้นและกดดันมากๆ จะทำให้ดีที่สุด
เฌอปราง อารีย์กุล (เฌอปราง BNK48)
บทเรื่องนี้ยาก และค่อนข้างหลากหลาย มีหลายมุม หลายมิติ เป็น ละครย้อนยุค กลับไปช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ยุคที่มีภาพวาด จิตรกรรม บทกลอนต่างๆ ช่วงสุนทรภู่ ภาษาไม่เหมือนปัจจุบัน พยายามท่องบทเต็มที่ เพราะเป็นตัวเอกของเรื่อง
ตอนนี้ต้องเวิร์คชอปกับ ครูดาว ละครเล่าถึง ยุคสมัยนั้น น่าจะสวยมากๆ ต้องเตรียมงานเยอะ ทีมงานก็เต็มที่ เฌอหวังว่าจะถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด "
เฌอปราง อารีย์กุล (เฌอปราง BNK48)
เธอเล่าว่า ตอนนี้ยังไม่มีผลงานเพลงชุดใหม่ ปีหน้าจบการศึกษาและหมดสัญญา ไม่แน่ใจว่าแต่ละคนจะทำอย่างไรต่อ
"ตอนนี้ทุกคนอยากใช้เวลาร่วมกันให้ดีที่สุดค่ะ ถึงเวลาก็คงใจหาย เพราะว่าอยู่กัน 24 ชั่วโมงมาเป็นปีๆ เหมือนเรียนจบมัธยม 6
ส่วนเรื่องต่อสัญญา ยังไม่แน่นอนว่าจะยังไงต่อ ตอนนี้มีเมมเบอร์เยอะขึ้น พร้อมที่จะทำงานต่อ ไม่มีเฌอ วงยังอยู่ได้ค่ะ เฌอจะทำหน้าที่ตอนที่ยังอยู่ในวงอย่างดีที่สุด รอดูทางผู้ใหญ่ตัดสินใจหรือพูดคุยกันอีกทีค่ะ"
ทางด้าน ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง ผู้กำกับการแสดง กล่าวว่า ละครเรื่องนี้ ยึดแนวประวัติศาสตร์เป็นแกนหลัก
“ละครเรื่องนี้ บุคคลในเรื่องมีอยู่จริง ในสมัยโน้น เช่น คุณพุ่ม สุนทรภู่ เรารู้เรื่องเหล่านี้น้อยมาก สมัยก่อนไม่แบ่งแยกกันการเรียนรู้ คนวาดสามารถรู้เรื่องดนตรี คนดนตรีสามารถรู้เรื่องนาฏศิลป์ จิตรกรรม
บริบทสังคมตอนนั้นสามัคคีกันมาก ทั้งในทางศาสนา การค้าขาย สังคม ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ภูมิประเทศที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญที่ทำให้มีความเป็นไทยอยู่จนถึงทุกวันนี้ ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไม่ได้ เป็นข้อมูลที่เป็นจริง”
โทนี่ รากแก่น
รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส กล่าวว่า ละครเรื่องนี้ใช้เวลาทำนาน เพราะประณีตมาก คาดว่าจะได้ชมในปีหน้า
“ละครเรื่องนี้จุดเด่นอยู่ที่ผู้หญิงไทยสามารถเป็นอะไรก็ได้ตามศักยภาพและความฝัน โดยอิงไปกับเหตุการณ์จริงช่วงรัชกาลที่ 3 บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นไทยให้เราได้เรียนรู้ ให้เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์"
ส่วน รติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ เอส แอล กล่าวว่า เป็นละครที่เกี่ยวกับศิลปะหลายแขนง ได้ศิลปินแห่งชาติมาร่วมงาน ทำให้งานสมบูรณ์มากขึ้น
“ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ได้รับเกียรติจาก ครูช่าง ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง ศิลปินแห่งชาติมากำกับให้ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวศิลปะ จิตรกรรม วรรณกรรม และนาฏศิลป์ในช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เราจะได้เห็นเฌอปรางในบทบาทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากนี้ยังได้ศิลปินและนักแสดงมืออาชีพมาร่วมงานกันมากมาย”