จดลิสต์ไว้ดูข้ามปี รวม "ซีรีส์เกาหลี" ปี 2021 ที่ควรค่าแก่การดูซ้ำ
รวมลิสต์ "ซีรีส์เกาหลี" ปี 2021 K-Drama หลายอารมณ์ที่ทำให้เราทั้งยิ้มได้และร้องไห้เป็น ควรค่าแก่การมาดูซ้ำ
ในแต่ละปี หรือกระทั่งในช่วงแต่ละไตรมาส เราจะมีปรากฎการณ์ K-Dramas ซึ่งเป็น "ซีรีส์เกาหลี" ที่ผู้คนพูดถึงและติดตามมากที่สุด เช่น ซีรีส์ Descendants of the Sun หรือ ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ ซึ่งมี ซงจุงกิ แสดงนำในปี 2016 , "ซีรีส์" CRASH LANDING ON YOU ปักหมุดรักฉุกเฉิน ช่วงปี 2018 – 2019 ซึ่งนำแสดงโดย ฮยอนบิน (ผู้กองรีจองฮยอก) กับ ซนเยจิน ซึ่งตอนหลังทั้งคู่ได้เดตกันในชีวิตจริง หรือ ITAEWON CLASS ธุรกิจปิดเกมแค้น ในปี 2020 ซึ่งทำให้โคชูจัง เครื่องปรุงรสชนิดหนึ่งในอาหารเกาหลี ขายดิบขายดีในประเทศไทย
ทั้งหมดที่ยกมาไม่ได้หมายความว่า ซีรีส์ดังกล่าวจะดีไปกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะการชื่นชอบรสนิยม แต่เป็นเพียงการอธิบายถึงปรากฎการณ์ในแต่ละปี โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้คนทั่วโลกต้องเจอกับโควิด-19 ต้องทำงานอยู่กับบ้าน ประสบกับความเครียดที่เจอจากการเรียนและการทำงาน ซึ่งการเจอซีรีส์ที่ถูกใจและรอคอยที่จะดูในตอนต่อถือเป็นความสุขเล็กๆ และช่วยเยียวยาจากความเหนื่อยล้าในแต่ละวันได้จริงๆ
ถึงเช่นนั้น หากใครกำลังมองหาซีรีส์ K-Drama แห่งปี 2021 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เราขอแนะนำลิสต์ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
Hometown Cha-Cha-Cha ความสุขที่กงจิน และ ‘หัวหน้าฮง’ พระเอกที่ไม่สมบูรณ์แบบ
เรื่องแรกที่ขอยกมาก่อนคือ Hometown Cha-Cha-Cha ที่ออนแอร์ในช่วงเดือนสิงหาคม โดยความสุขของการชมซีรีส์นี้คือความรู้สึกแบบฟีลกู๊ดตามแบบฉบับของ K-Dramas อย่างแท้จริง
ในเรื่องนี้เราจะเห็นในสิ่งที่เราอยากเห็นตามขนบความบันเทิงของเกาหลี ทั้งฉากสวยๆของเมือง กลิ่นอายความรักแบบน่ารักๆ บุคลิกของคู่พระนางที่สดใสและมีชีวิตชีวา และตัวละครพระเอก ‘ฮงดูชิก’ ซึ่งภายใต้รอยยิ้มมีความลึกลับน่าค้นหา
ในความสดใส โฮมทาวน์ ชะชะช่า สะท้อนถึงคำว่า “Soft Power” ของประเทศเกาหลีใต้อย่างชัดเจน ทั้งภาพบรรยากาศประเทศ บุคลิก การแต่งตัวที่ผู้ชมรับรู้ผ่านซีรีส์ และที่เป็นประเด็นของเรื่องนี้คือตัวละคร “หัวหน้าฮง” ที่ฉีกขนบของความสมบูรณ์แบบของพระเอกที่มีความสามารถ ฐานะดี มีความมั่นคง หรือมีจิตใจที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว
เขามีความเป็นธรรมดา ดีบ้าง เซ่อซ่าบ้าง มีความ Real แบบที่คนทั่วไปส่วนใหญ่เป็นกัน ไม่ได้ร่ำรวย เก่งกาจขนาดมีชื่อเสียง แต่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อแลกกับค่าแรงให้พอดำรงชีพอยู่ได้ (รับจ้างทั่วไป)
การไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งนี้ ถือเป็นกำลังใจให้กับผู้ชมที่ประกอบอาชีพอิสระ แต่อีกทางหนึ่ง “หัวหน้าฮง” ก็เป็นตัวแทนของเอ็นโพเจเนอเรชั่น (N-Po Generation) ที่หมายถึงคนอายุในช่วงวัย 20 - 30 ปีที่ยอมแพ้กับชีวิตในเกาหลีใต้ อันเป็นผลมาจากความเครียดและเบื่อหน่ายที่จะต่อสู้ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง
อีกด้านหนึ่งการมีอาชีพที่ไม่ตายตัว คือแรงบันดาลใจของการไม่ได้จำกัดไว้ในอาชีพใดอาชีพหนึ่ง หากแต่เป็นความยืดหยุ่นและพร้อมจะเข้าหางานที่มีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น บาริสต้า งานซ่อม ช่างประปา และถึงแม้จะไม่ใช่อาชีพที่ดูน่าเชื่อถือกว่าในสายตาของผู้คนในสังคมเมื่อเทียบกับหมอฟันแบบที่ ‘ยุนฮเยจิน’ นางเอกของเรื่องเป็น แต่เขาก็ดีพอและมีมาตรฐานพอ เพราะเขาเชี่ยวชาญจนถึงขั้นมีใบประกอบวิชาชีพเรียงราย ไม่ว่าจะเป็นนักให้คำปรึกษาเยาวชนระดับสาม ใบอนุญาตประกอบอาหารจากปลาปั๊กเป้า ใบอนุญาตสอนพับกระดาษสี ช่างซ่อมสารพัดสิ่ง ชาวประมง บาริสต้า นายหน้าที่ดิน ฯลฯ โดยที่ทั้งหมดกลับมาสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่ชื่นชอบคาแรกเตอร์นี้ มาทบทวนถึงชีวิตที่ตัวเองต้องการ เป็นตัวแทนของคนเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่ไม่อยากยึดติดกับขนบแบบก่อนๆ
เมื่อดูเรื่องนี้ทีไร เราจึงยิ้มได้และเศร้าได้ และสำหรับ “กงจิน” หมู่บ้านติดชายทะเล เรายังได้เห็นสมาชิกในชุมชนอยู่กันอย่างอบอุ่น มีผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้าชุมชนและบรรดาคุณยายทั้งหลายที่สร้างสีสันให้กับซีรีส์ ซึ่งช่วยคั่นความรู้สึกของการอยากประสบความสำเร็จในเมืองใหญ่ ความทะเยอทะยานในอาชีพ ความร่ำรวย ความมีชื่อเสียง ที่เรามักเห็นตัวละครในวัยเดียวกันพูดถึงในซีรีส์เรื่องอื่นๆ และทั้งหมดที่ว่ามานั้นก็เพียงพอที่เราจะยกให้ โฮมทาวน์ ชะชะช่า เป็นซีรีส์ที่ให้แรงบันดาลใจและพลังบวกในปี 2021
‘ซีรีส์เพื่อนหมอ’ ที่สอนให้รู้ว่า
แม้ไม่อยากจะเจ็บปวดระหว่างเติบโต แต่เจ็บปวดบ้างก็ได้ถ้าอยากเติบโต
‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ (Hospital Playlist) เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนหมอ 5 คน คือ ‘อี อิก-จุน’ ศัลยกรรมแพทย์ทั่วไป ‘คิม จุน-วาน’ ศัลยกรรมทรวงอกและหัวใจ ‘ยัง ซอก-ฮยอง’ สูตินารีแพทย์ ‘อัน จอง-วอน’ กุมารแพทย์ และ ‘แซ ซง-ฮวา’ ประสาทศัลยแพทย์ กลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย จนถึงวัยที่ทุกคนต่างเป็นอาจารย์หมอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลยุลเจ และหาเวลาว่างตั้งวงร้องเพลงหลังเลิกงาน
ซีรีส์นี้ดำเนินเรื่องแต่ละตอนอย่างเรียบง่าย แต่เข้มข้น อัดแน่นด้วยฉากต่าง ๆ เกี่ยวกับ ‘อาชีพหมอ’ ทั้งการผ่าตัด การวินิจฉัยโรค การประชุมทีมแพทย์ การรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ฯลฯ โดยมีตัวละครต่าง ๆ เช่น หมอฝึกหัด หมอประจำบ้าน ญาติคนไข้ ครอบครัวเหล่าอาจารย์หมอ มาเป็นส่วนประกอบทำให้เนื้อเรื่องสนุกมากขึ้น
อาจกล่าวว่า ‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ ไม่ใช่แค่ซีรีส์ที่สะท้อนอาชีพ ‘หมอ’ เพียงอย่างเดียว แต่ได้เล่าถึงประเด็นแฝงในเรื่องของ ‘ความเจ็บปวด’ ที่พร้อมกับ ‘การเยียวยา’ จากการเติบโต นี่คือสาเหตุหลักที่เลือก ‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ เป็นซีรีส์ที่ทำให้เรายิ้มได้และร้องไห้เป็น
ที่ผู้เขียนชอบมากคือในตอนหนึ่งของเรื่อง ได้เล่าถึงชีวิตนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน ที่โรงพยาบาลยุลเจ ด้วยความที่ทั้งหมดยังใหม่ในอาชีพ ‘หมอ’ และทุกคนก็ล้วนมีก้าวแรกที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็น
“ชัง ยุน-บก เธอสอดท่อใส่จมูกคนไข้ผิดรู
ซัง ฮง-โด ถือคิมถ่างขยายช่องคลอดออกเดินออกจากห้องคลอดโดยที่ยังการทำคลอดยังไม่เสร็จ
ชัง คย็อ-อุล ผ่าตัดเอาต่อมหมวกไตออกไม่สำเร็จ และไม่ได้เช็กอาการลุกลาม
ฯลฯ”
ในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้บางคนเฟล เจ็บใจ และเสียน้ำตา แต่ก็ถือว่าเป็นนี่ส่วนหนึ่งจากบทเรียนของการเติบโต อย่างไรก็ดีซีรีส์ได้เล่าทิ้งท้ายในตอนนี้ว่าทุกคนต่างเรียนรู้และแก้ไขข้อผิดพลาด ผสมกับกำลังใจของเพื่อน อาจารย์หมอ รวมถึงตัวเอง ทำให้ทุกคนก้าวผ่านและกลับมายิ้มได้ โดยตบท้ายแบบท้ายตอนจริง ๆ ด้วยเพลง Superstar
“ไม่เป็นไรนะ เริ่มต้นใหม่ได้ เธอยังมีคุณค่าในตัวเอง”
นอกจากการแฝงประเด็นในข้างต้น อีกส่วนหนึ่ง ‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ เป็นซีรีส์ที่ทำให้เรายิ้มได้และร้องไห้เป็น เพราะสร้าง Soft Power ให้กับผู้คนได้อย่างดีเยี่ยม โดยข้อมูลจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะแห่งชาติ ระบุว่า ช่วงโควิดยอดบริจาคอวัยวะมีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ แต่หลังจากซีรีส์ ‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ ตอนที่ 7 ที่มีฉากเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะของผู้ป่วยสมองตาย ให้ผู้ป่วยคนอื่น ๆ ถูกฉายออกไป ยอดลงชื่อผู้บริจาคอวัยวะกลับสูงขึ้นถึง 7,042 คน ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งนับเป็น 11 เท่า หากเทียบในปีก่อน
แม้ ‘เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์’ จะจบลง แต่วันที่ใจซูบผอมระหว่างทางการเติบโต เชื่อว่าซีรีส์เรื่องนี้จะยังคงช่วยเติมลมให้ใจกลับมาพองโตและเดินต่อได้อีกครั้ง
Law School ถึงเวลาซีรีส์สำหรับนักกฎหมาย
ถ้าจะหาแรงบันดาลใจในแต่ละอาชีพที่ถูกซ่อนอยู่ในความบันเทิง สำหรับผู้ที่อยากเป็นนักกฎหมายซีรีส์เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ เพราะนี่คือซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่นำเสนอข้อกฎหมายต่างๆ อย่างเข้มข้น โดยในซีรีส์จะเล่าถึงชีวิตของอาจารย์และนักเรียนในสถาบันกฎหมายระดับประเทศของเกาหลีใต้อย่างโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัยฮันกุก
เรื่องนี้เริ่มจาก ‘ยังจงฮุน’ อดีตอัยการที่ผันตัวมาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนสอนกฎหมาย เขาเป็นคนที่เข้มงวด ตรงไปตรงมาก จนเป็นที่เกรงกลัวของนักเรียน แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขามีเป้าหมาย และมีความตั้งใจที่สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพมาประดับวงการกฎหมายอีกครั้ง เขาทำทุกอย่างเพื่อให้นักศึกษาได้ประสบการณ์มากที่สุด แม้ว่าในครั้งหนึ่งเขาจะถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่า ‘ซอพยองจู’ อดีตอัยการที่เป็นหัวหน้าของเขาที่ตายอย่างปริศนา จนต้องเข้าอยู่ในคุก แต่เขาก็ยังมิวายสั่งงานให้นักศึกษาทำ และให้ทนายนำเข้ามาให้ในคุกเพื่อตรวจการบ้าน และนำตัวเองขึ้นศาลไต่สวนคดี และมิหนำซ้ำยังสอนวิชากฎหมายในบนศาลระหว่างไต่สวนอีกด้วย
การไขคดีการตายของซอพยองจู อดีตอัยการและอาจารย์โรงเรียนกฎหมาย ดำเนินไปพร้อมๆ กับภาพชีวิตนักเรียนกฎหมายที่เคี่ยวเข้มในโรงเรียนกฎหมายแห่งนี้ ผู้คนมากมายที่ต้องมาเกี่ยวข้องในการไขคดี ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ อาจารย์โรงเรียนกฎหมาย นักเรียนโรงเรียนกฎหมาย ครอบครัวของผู้ตาย ไม่เว้นแม้แต่นักโทษที่เพิ่งพ้นโทษ ผู้มีส่วนได้และส่วนเสียจากการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและโดยมิชอบของข้าราชการ
นอกจากอาจารย์ยังที่ถูกจับตาแล้ว ในเรื่องนี้ยังมี ‘ฮันจุนฮวี’ นักเรียนดีกรีเนติบัณฑิตสองรอบ และหลานของซอพยองจู ‘คังซลเอ’ ที่มาจากครอบครัวยากจน เธอไม่ใช่นักเรียนหัวกะทิเกรดเอ แต่เธอใช้ความมานะจนสอบเข้ามาเรียนในโรงเรียนกฎหมายชื่อดังนี้ได้ ‘คังซลบี’ นักเรียนกฎหมายที่ครอบครัวมั่งมี และไม่เคยผิดพลาดอะไรในชีวิต ‘อีดาวิด’ นักเรียนกฎหมายปีแรกที่ตัดสินใจเรียนกฎหมายเพื่อหวังจะเป็นบันไดในการยกระดับให้ตัวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย ตัวนักแสดงทุกตัวต่างมีปม และมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ต้องเรียกได้ว่าเรียนไปสืบไป หลายคนยกให้เป็นซีรีส์ที่อ่านซับไม่ทัน เพราะใช้กฎหมายฟาดฟันกันตลอดเวลา ทั้งนักเรียนด้วยกันเอง นักเรียนกับอาจารย์ และอาจารย์กับผู้พิพากษา เป็นซีรีส์กฎหมายและสืบสวนเน้นๆ ในนัยหนึ่งซีรีส์ก็อาจจะกำลังบอกว่า เกาหลีใต้มีกฎหมายที่เข้มแข็ง และหนักแน่นมากพอที่จะให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนในประเทศได้
ในเรื่องนี้อาจจะไม่มีได้มีเลิฟไลน์ให้ดูเยอะมากเท่าที่ควร แต่ก็อบอวลหัวใจไปด้วยมิตรภาพของเพื่อนในกลุ่ม และความห่วงใย และความปรารถนาดีที่อาจารย์มีให้ลูกศิษย์ อีกสิ่งที่ซีรีส์นี้ได้ให้กับผู้ชมคือ อย่าไว้วางใจให้กับใครง่ายๆ และกลุ่มคนที่น่ากลัวที่สุด คือกลุ่มที่รู้กฎหมายแต่นำมาใช้ในทางที่ผิด
Squid Game ซีรีส์ที่สร้างปรากฎการณ์กว่า 95 ล้าน Engagement
ปิดท้ายด้วยเรื่องนี้ เพราะ Squid Game เล่นลุ้นตาย น่าจะเป็นซีรีส์ที่ถูกบันทึกไว้ในปี 2564 ว่า สร้างปรกฏการณ์มากมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เคยได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 17 กันยายน – 17 ตุลาคม 2564 เพื่อวิเคราะห์ในประเด็นที่น่าสนใจต่างๆ และจากกระแสความนิยมพบว่ามีการพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ในโลกโซเชียลสูงถึง 95,112,359 เอ็นเกจเมนต์ ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้ง คอนเทนต์วิเคราะห์ และรีวิวซีรีส์ในหลากหลายแง่มุม ขณะที่ในโลกออฟไลน์มีการจำลองฉากเหตุการณ์ เช่น การทำกิจกรรมแกะขนมน้ำตาล แฟชั่นเครื่องแต่งกาย
สิ่งที่ทำให้ Squid Game น่าพูดถึงในโอกาสนี้ คือการทำให้ซีรีส์และ K- Content (เนื้อหาและความบันเทิงจากเกาหลีใต้) ประสบความสำเร็จในระดับโลก หลังจากวง BTS และ Blackpink รวมถึงภาพยนตร์ Parasite ได้สร้างประวัติศาสตร์ในสังคมโลกไปแล้วก่อนหน้านี้
Squid Game ทำให้เรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความยากจน ในหลายประเทศถูกพูดถึงมากขึ้น รวมถึงในประเทศไทยเองถ้าจำกันได้ก็เคยมีขนาด เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงต้องออกมาพูดถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหา ซึ่งไม่ควรนำมาซึ่งพฤติกรรมเลียนแบบ
ในช่วงที่ Squid Game อยู่ในช่วงขาขึ้น คำๆนี้เองที่ติด Google Search อยู่เป็นสัปดาห์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศสำหรับการพูดถึง Soft Power อย่างจริงจังมากขึ้น
อย่าลืมว่า Soft Power ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ที่ค่อยๆ สร้างเท่านั้น หากแต่ยังช่วยเศรษฐกิจได้จริง ตัวอย่างจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกาหลีใต้ก็ต้องพบเจอกับการหดตัวทางเศรษฐกิจจากการวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต่างจากประเทศอื่นทั่วโลก
ถึงเช่นนั้นสำนักข่าวหลายแห่งก็วิเคราะห์ว่า เป็นอุตสาหกรรมบันเทิงนี่แหละที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ไว้ เช่น เว็บไซต์ The Straits Times ซึ่งรายงานว่า ในปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีการส่งออกคอนเทนต์ มูลค่าทั้งหมดรวม 10.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2019 กว่า 610 ล้านดอลาร์ หรือประมาณ 6% โดยทาง Netflix มีส่วนสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้ถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นอุตสาหกรรมคอนเทนท์ของเกาหลีใต้สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติฯ ครั้งนี้ไปได้
Squid Game จึงเป็นทั้งแรงบันดาลใจในระดับประเทศถึงการสร้าง Soft Power ผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง และแรงบันดาลใจในระดับบุคคลซึ่งสะท้อนถึงชีวิต และความแก่งแย่งชิงดีที่เราทุกคนล้วนต้องเอาชนะมัน
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า ซีรีส์น่าดูในปี 2021 ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ควรค่ากับการอยู่ในลิสต์ เช่น Vincenzo, The Red Sleeve, Move to Heaven, Beyond Evil ฯลฯ หากแต่เรื่องที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ คือกระแสที่เราเห็นชัดๆ และเป็นเรื่องที่ทำให้เราทั้งยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน
ทั้งหมดคือซีรีส์น่าดู จะเพื่อความสนุกก็ใช่ จะดูเอาสาระก็ใช่อีกเช่นกัน และในนามของปี 2021 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ปรากฎการณ์ K-Drama จากซีรีส์นี่แหละ ที่เราขอให้เป็นตัวแทนของความสุขและความเศร้า สนุกและมีสาระ ที่ทำให้คนดูหัวเราะได้ และร้องไห้เป็น กับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา จนต้องลิสต์ไว้ดูย้อนหลัง
อ้างอิง
“Squid Game” สะท้อน Soft Power เสริมแกร่งเศรษฐกิจ “เกาหลีใต้” เว็ปไซต์ กรุงเทพธุรกิจ
Squid Game takes South Korean soft power up a notch, good for economy too เว็ปไซต์ straitstimes.com