“การป้องกันภัยสำหรับผู้หญิง คือ อย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ทั้ง 3 กรณี ได้แก่
1)สถานที่เสี่ยง
2)เวลาเสี่ยง
3)บุคคลเสี่ยง
ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะปลอดภัย ร้อยละ 95 แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ โอกาสรอดมีแค่ร้อยละ 5 ให้มีสติ เตรียมอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัว และใช้วิชาการต่อสู้ป้องกันตัว”
พ.ต.อ.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง กองบังคับการตำรวจสันติบาล กล่าวแนะนำไว้
- คนร้ายเลือกเป้าหมายอย่างไร
จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในปี 2561 ฐานความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกายและเพศ มีรับแจ้งเข้ามามากกว่า 15,000 ราย สาเหตุของการข่มขืนและกระทำชำเรา เกิดจากเรื่องชู้สาวและเมาสุรา
โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) รายงานไว้ว่า ภัยล่วงละเมิดทางเพศ มักมีสาเหตุจากคนใกล้ตัว
ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัย ผู้หญิง แนะนำว่า มุมมองของคนร้าย มักจะเลือกอะไรที่สะดวกกับตัวเอง
“ร้อยละ 99 จะเลือกผู้หญิงที่เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว สอง.เลือกผู้หญิงผมยาว เพราะกระชากได้ง่าย สาม.เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย สี่.เลือกผู้หญิงที่เดินไป คุยโทรศัพท์ไป เพราะไม่ระวังตัว”
นกหวีด ช่วยได้เวลาจำเป็น
- เมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องทำอย่างไร
1) ตั้งสติ สูดหายใจลึกๆ หากยังไม่ถูกจู่โจมประชิดตัว ให้มองหาทางหนีอย่างเร็วที่สุด
2) ให้ขว้างกระเป๋าหลอกล่อในทิศทางตรงกันข้าม ให้คนร้ายไขว้เขวระหว่างของมีค่ากับตัวเรา แล้วใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีให้เร็วที่สุด
3) ประเมินสถานที่ ควรหนีไปทางพื้นที่โล่งมากกว่าที่แคบ ถ้าเป็นกลางคืน ให้วิ่งไปที่มีแสงสว่าง และมองหาที่ซ่อน ที่คนร้ายดึงเราออกมาไม่ได้ ถ้าประเมินแล้ววิ่งหนีไม่ทันแน่ ให้มองหาอะไรที่พอเป็นอาวุธได้ เช่น ท่อนไม้ ก้อนหิน กิ่งไม้
4) ถ้าอยู่ในห้องพัก สถานที่แคบๆ ให้ร้องตะโกนว่า ไฟไหม้
5) ถ้าหนีไม่รอด อย่ายอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติ เพราะโอกาสรอดจะเหลือ 0 อาจถูกฆ่าตายได้
6) คนร้ายจะทำทุกทางให้เราหยุดดิ้นหยุดร้อง ด้วยการบีบคอ/ล็อคคอให้หายใจไม่ออก เราต้องหยุดดิ้น พูดต่อรอง "น่าจะหาสถานที่ที่ดีกว่าแถวนี้, เป็นโรคติดต่อร้ายแรง, จะให้ทรัพย์สินแทน ถ้าไม่ข่มขืน ฯลฯ"
7) ทำเนียนยอมจูบปากแล้วรอจังหวะกัดลิ้นคนร้ายให้เร็วและแรงที่สุด รีบดิ้นหลุดออกมา
ถ้าคนร้ายให้สำเร็จความใคร่ระหว่างถอดกางเกง ให้เตะเป้าคนร้ายให้เร็วและแรง แล้วรีบวิ่งหนี
หากคนร้ายกดทับตัวอยู่บริเวณป่าหรือพื้นดิน ให้กำดินกำทรายปาใส่ตาหรือใช้นิ้วมือทิ่มตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี
แต่ถ้าคนร้ายมีอาวุธมีดหรือปืน ไม่ควรต่อสู้ บอกว่ายอมแล้ว เพื่อถ่วงเวลาไว้
8) หากที่เกิดเหตุเป็นห้องพักเรา เราควรซ่อนอาวุธไว้ในจุดที่ใกล้ตัวให้มือเอื้อมถึง แล้วต่อรองว่า "ใส่ถุงยางก่อน จะไปหยิบมาให้" แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตูตะโกนสุดเสียงว่า ไฟไหม้ แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังถูกข่มขืนก็ให้รักษาชีวิตไว้ เพื่อแจ้งความจับคนร้ายมารับโทษ
อุปกรณ์ส่งเสียงดัง เมื่อดึงออก
- ถ้าเกิดบนรถสาธารณะต้องทำอย่างไร
สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ โวยวายเสียงดัง เรียกคนรอบข้างให้ช่วยเหลือ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปขณะก่อเหตุ หรือบันทึกหน้าผู้ต้องหาไว้ เพื่อไปแจ้งความ เมื่อตำรวจมีประวัติ ต่อให้ผู้ต้องหาปฏิเสธ แต่ถ้ามีผู้เสียหายอื่นมาแจ้งความ จะได้มีรูปไว้เป็นหลักฐาน
ถ้าขึ้นแท็กซี่คนเดียว ให้ใช้โทรศัพท์มือถือขอความช่วยเหลือจากปลายสาย หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- นักเดินทางผู้หญิงต้องระวังอะไรบ้าง
ถ้าเป็นผู้หญิงคนเดียว เวลาเดินทาง ควรแต่งตัวมิดชิด ใส่กางเกงถอดยากที่สุด หรือถ้าอยากแต่งตัวเซ็กซี่ก็ต้องมีคนเป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัย
อย่าทำตัวเป็นจุดเด่นดึงดูดสายตาใคร มีสติอยู่เสมอ อย่าโชว์รวย ซ่อนของมีค่าให้มิดชิด เพราะสถานที่สวยๆ มักทำให้เราอยากถ่ายเซลฟี่ หรือถือกล้องเดินถ่ายรูปไปตามสถานที่ต่างๆ
ที่กั้นประตู ตัวช่วยที่คาดไม่ถึง
- ข้อควรจำสำหรับนักเดินทางผู้หญิง
1) มีสติ สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว อาจมีคนจับจ้องดูอยู่ วางตัวไม่ให้อ่อนแอบอบบาง เพราะคนร้ายมักเลือกคนที่ป้องกันตัวเองไม่ได้
2) ถ้าชอบดื่ม ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ และไม่ควรดื่มเมื่อเดินทางคนเดียว เพื่อให้มีสติอยู่เสมอ
3) อย่าไว้ใจผู้ชายแปลกหน้า ผู้หญิงที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียว มักถูกมองว่า กล้า ก๋ากั่น จึงต้องระวังตัว
4) เลือกที่พักที่ปลอดภัย ไม่อยู่ในที่เปลี่ยว หรือต้องเดินผ่านแก๊งค์ขี้เมา สถานที่ก่อสร้างที่มีคนงาน
ห้องพักต้องล็อกจากข้างในได้ ควรพก ที่กั้นประตู ไปด้วยทุกครั้ง แล้วสอดใต้ประตูไว้ ป้องกันคนผลักประตูเปิดเข้าห้องมาทำร้าย
5) เลือกกระเป๋าเดินทางที่คล่องตัว หรือเป้สะพายหลัง ดูเป็นสาวลุย มีความมั่นใจ คนร้ายจะไม่เลือกเหยื่อแบบนี้
6) ท่าป้องกันตัว เมื่อจะถูกข่มขืน ให้เตะเป้าคนร้าย คนร้ายไม่ชอบความยุ่งยาก นักโทษข่มขืนบอกว่าอาจถอยได้ถ้ามีการต่อสู้
7) ท่าป้องกันตัว หักนิ้วคนร้ายไปข้างหลัง หรือฉีกออกจากกัน ทำให้เรามีจังหวะหนี ตะโกนเรียกให้คนมาช่วยได้
8) ท่าป้องกันตัว ใช้จุดแข็งร่างกายเป็นอาวุธ เช่น ข้อศอก หัวเข่า แล้วศอกหรือเข่าไปที่สีข้างหรือใต้คาง
ที่กั้นประตูปิด ก็กั้นประตูเปิดได้เหมือนกัน
- การดูแลตัวเอง หลังเกิดเหตุร้าย
1) มีสติ หลังโดนข่มขืน ส่วนมากจะช็อก ให้รีบไปโรงพยาบาลเร็วที่สุด ไม่ต้องอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อแพทย์จะตรวจและเก็บหลักฐานร่องรอยต่างๆ ใช้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการดำเนินคดี รักษาร่างกายป้องกันการติดโรค และใช้ยาป้องกันการตั้งครรภ์
2) ให้รีบขอความช่วยเหลือคนรอบข้าง เช่น โทรแจ้งพ่อแม่ เพื่อน บุคคลใกล้ชิดที่มาหาเราได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเรารับมือสิ่งที่เกิดขึ้น
3)ในการดำเนินคดี ทำให้ต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ผู้เสียหายสามารถร้องขอให้มีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์อยู่ด้วยได้
4) กรณีคนร้ายเป็นคนในครอบครัว ผู้เสียหายควรแยกไปอยู่ที่อื่นในที่ปลอดภัย ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะการอาศัยอยู่ที่เดิม ทำให้ผู้เสียหายฟื้นตัวได้ช้า
5) บางรายเลือกไม่ดำเนินคดี เพราะความอับอาย เก็บกดอารมณ์ไว้จนเป็นความแค้น ต้องปรึกษานักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์
6) หากไม่ต้องการพบแพทย์หรือดำเนินคดี สามารถซื้อยาคุมฉุกเฉินจากร้านยาทานได้ ควรทานทันทีภายใน 72 ชั่วโมง และทานเม็ดที่สองหลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายถึงความเสี่ยงในการติดโรคและหาทางป้องกัน แก้ไข และรักษาบาดแผลทางร่างกาย
นกหวีด ใช้เรียกคนมาช่วย กรณีเกิดเหตุในที่ชุมชน
1) ไว้เล็บแหลมๆ ตัดเล็บให้เหลือปลายเล็บเอาไว้บ้าง เพื่อใช้เป็นอาวุธ เช่น จิก ข่วน จิ้มตา
2) พกปากกาหัวแหลมแทนอาวุธมีคม เพราะถ้าเราใช้ไม่ชำนาญ อาจถูกโจรเอาอาวุธนั้นไปใช้ทำร้ายเราแทน
3) พกนกหวีดดีๆ เสียงดังๆ หรือ ตัวส่งสัญญาณเสียง ที่ดึงแล้วมีเสียงดังมาก 120 เดซิเบล 30 นาที แขวนติดกระเป๋าไว้
4) พกสเปรย์ติดตัว ไม่ว่าสเปรย์อะไรใช้ได้หมด ถ้าฉีดไปที่หน้า ไปที่ตา ทำให้ตกใจและแสบตาได้
5) ตัวกั้นประตูเปิดปิด ไม่ว่าที่พักส่วนตัวหรือเดินทางไปที่ไหนให้พกไปด้วย เมื่อปิดประตูแล้วสอดกั้นไว้ หากล็อกประตูถูกเปิด คนร้ายจะเปิดเข้ามาในห้องไม่ได้
6) พกอาวุธมีด้าม เช่น ร่ม ไม้เท้า ไว้อำนวยความสะดวกต่างๆ และไว้ป้องกันตัว
7) ตั้งหมายเลขฉุกเฉิน ไว้บนปุ่มกดโทรศัพท์มือถือ ให้โทรออกได้โดยอัตโนมัติ
